xs
xsm
sm
md
lg

“สุนัย” บ่นเสียดาย DSI หากตกอยู่ในอุ้งมือตำรวจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อดีตอธิบดีดีเอสไอ เปิดใจไม่น้อยใจหลังถูกคำสั่งเด้ง พร้อมเป็นผู้บุกเบิก ป.ป.ท.แต่ลึกๆ ขอกลับไปเป็นผู้พิพากษาอย่างในอดีต รู้สึกเสียดายดีเอสไอ หากจะต้องถูกควบคุมโดยวัฒนธรรม สตช.ยอมรับถูกข่มขู่คุกคามทุกรูปแบบ

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง สุนัย มโนมัยอุดม ให้สัมภาษณ์หลังพ้นตำแหน่ง

วันนี้ (25 ก.พ.) นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวภายหลังนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายของรัฐบาลต่อผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐ ถึงกรณีที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรรม โยกย้ายนายสุนัยไปเป็นเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ว่า เมื่อสักครู่ภายหลังการประชุม นายสมพงษ์ ได้มาคุยกับตน ในเรื่องที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แต่งานใน ป.ป.ท.ยังไม่ได้คุย และนายสมพงษ์ คงกลัวว่า ตนน่าจะน้อยใจ โดยนายสมพงษ์บอกกับตนว่า ปราถนาดี จึงหางานที่ดีให้และอยากให้ไปดูหน่วยงานใหม่ เพราะองค์กรใหม่นี้ต้องหาคนดีมาทำงาน

เมื่อถามว่า นายสมพงษ์ ให้คำแนะนำในการทำงานอย่างไร นายสมพงษ์ กล่าวว่า ยังเลย ตนต้องไปศึกษางานก่อน เพราะยังไม่ได้ศึกษางานเลย เมื่อถามว่า ช่วงเช้าวันนี้ได้ฟังเหตุผลของนายสมพงษ์แล้วรู้สึกเช่นใด นายสุนัย กล่าวว่า ขอแก้ว่า นายสมพงษ์ยังไม่ได้มาชี้แจงอะไรกับตน เพียงแค่คุยกันธรรมดา และการที่นายสมพงษ์แถลงข่าวเมื่อเช้านี้ ตนยังไม่ได้ฟัง ฉะนั้นขอไปฟังก่อนแล้วจะตอบได้

“นายสมพงษ์ พูดถึง ป.ป.ท.และอยากให้ผมไปดูแลในเบื้องต้นเพื่อหาคนดีๆ มาทำงาน” นายสุนัย กล่าว

เมื่อถามว่า ในช่วงเช้าวันนี้ นายสมพงษ์ กล่าวว่า นายสุนัย เหมาะสมกับงานนี้ที่สุด นายสุนัยกล่าวว่า ขอบคุณ นายสมพงษ์ ที่ชมตน ป.ป.ท.ในตอนนี้ยังไม่มีที่ทำงาน และตอนที่ตนมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตนก็มาคนเดียว แต่กรมนั้นมีบุคลากรแล้ว 600-700คน และปัญหาก็มีอยู่แล้ว ตนมาเพื่อแก้ปัญหา แต่เมื่อไปที่ใหม่ ตนก็ไปคนเดียว และยังไม่มีที่ทำงานและบุคลากรเลย แต่มันก็มีโครงสร้างและกฎหมายรองรับไว้พร้อมแล้ว ตนเป็นข้าราชการคนแรก ที่เป็นคนบุกเบิก ซึ่งมีความสำคัญมากจริงๆ เพราะต้องสรรหาคนดีและคนเก่งมาทำงาน

เมื่อถามว่า โยกย้ายครั้งนี้เป็นธรรมหรือไม่ นายสุนัย กล่าวว่า ควรให้สังคมเป็นผู้ตอบ เมื่อถามว่าภูมิใจกับการโยกย้ายครั้งนี้ นายสุนัย กล่าวว่า ไม่มีปัญหาใดๆ ตนบอกสื่อมวลชนหลายครั้งแล้วว่า ในที่สุดตนก็จะทำเรื่องขอกลับไปทำงานเป็นผู้พิพากษาของศาล

เมื่อถามว่า จะขอย้ายกลับศาลเมื่อใด นายสุนัย กล่าวว่า เมื่อศาลพร้อมให้ตนกลับ และตนต้องทำเรื่องขอกลับด้วย แต่ตอนนี้ตนจะไปทำงานที่ ป.ป.ท.ให้นานพอจน ป.ป.ท.เป็นรูปเป็นร่าง เมื่อเสร็จทุกอย่าง ตนก็พร้อมกลับ ตอนนี้ตนมีหน้าที่ไปสร้างบ้านให้คนอื่นอยู่ เพื่อให้หน่วยงานนี้มีอิสระ

เมื่อถามว่า น้อยใจการโยกย้ายครั้งนี้หรือไม่ นายสุนัย กล่าวว่า ไม่ เป็นธรรมดา มันปกติ ตนเป็นข้าราชการต้องปล่อยให้เป็นไปตามระบบของมัน เมื่อถามว่า จะทำงานให้ ป.ป.ท.เต็มที่หรือไม่ นายสุนัย กล่าวว่า ตนทำงานเต็มที่ทุกแห่ง หากไม่เอาตนไปทำงาน ตนก็ไม่เอา หากจะนำตนไปทำงาน ตนก็ทำงานอย่างเดียว หากไปแล้วไม่ได้ทำงานก็ไม่ไป และงานแรกที่ตนจะทำในหน่วยงานนี้ คือ ตั้งคณะกรรมการหรือคณะทำงานขึ้นมาสรรหาบุคลากร ตรวจสอบคุณสมบัติว่า มีคุณวุฒิ วัยวุฒิ ประสบการณ์ คุณธรรม และความซื่อสัตย์ ที่ต้องถือว่าเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก เพราะหน่วยงานนี้ต้องปราบปรามการทุจริต และตนจะทำคนเดียวไม่ได้ เมื่อถามว่า งานนี้ถนัดหรือไม่ นายสุนัย กล่าวว่า เนื้องานไม่แตกต่างกันมาก การดูแล ป.ป.ท.คือเป็น ป.ป.ช.น้อย ที่ต้องรับฟังพยาน จัดทำสำนวน และดูแลกฎหมาย ตรงนี้เป็นงานที่ตนถนัด

“เมื่อเร็วๆ นี้ นางอังคณา นีละไพจิตร มาพบผมและบอกว่าโดนคุกคาม ขอให้ดีเอสไอดูแล เพราะไม่อยากให้ตำรวจดูแล อยากให้พลเรือนดูแล ผมบอกไปว่า อย่าว่าแต่คุณอังคณาเลยที่โดนคุกคาม ผมก็ยังโดนแต่ไม่ใช่เรื่องการโยกย้าย มันคนละกรณี ผมโดนเรื่อยๆ แหละ โทรศัพท์ขู่บ้าง ส่งไปรษณีย์บัตรบ้าง"นายสุนัยกล่าว เมื่อถามว่า จะฝากอะไรถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษคนใหม่บ้าง นายสุนัยกล่าวว่า ความตั้งใจของตนนั้นอยากให้กรมนี้เป็นพลเรือน ไม่อยากให้มีวัฒนธรรมแบบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ต้องการให้มีการใช้กำลังใดๆ เพราะควรใช้สมองทำงาน ข้าราชการในกรมนี้ก็จบปริญญาตรีทั้งนั้น ตนพยายมมเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรให้กรมนี้เป็นพลเรือน และนำระบบคุณธรรมจริยธรรมมาแทนระบบอุปถัมภ์ เพราะระบบอุปถัมภ์ทำให้การแทรกแซงคดีได้ง่ายกว่า หากข้าราชการในกรมนี้มีคุณธรรมก็อยู่กันอย่างมีความสุข แต่หากมันเริ่มต้นด้วยระบบอุปถัมภ์ ตนก็ตอบไม่ได้ เมื่อถามว่า แสดงว่า กรมนี้ไม่ควรสังกัดกระทรวงยุติธรรม เพราะอาจทำงานไม่ได้ นายสุนัยกล่าวว่า ทุกคนก็เห็นการทำงานของตนแล้ว สื่อมวลชนก็ทราบอยู่แล้ว จากทุกชิ้นงานที่ออกไป

เมื่อถามว่า มีโอกาสที่ฝ่ายการเมืองจะเข้าไปแทรกแซงบางคดีที่เกี่ยวกับนักการเมืองหรือไม่ นายสุนัยกล่าวว่า “หากผมอยู่ ผมทำงานได้”
กำลังโหลดความคิดเห็น