“สมพงษ์ อมรวิวัฒน” ย้ายฟ้าผ่า “สุนัย” จากอธิบดี DSI ไปเป็นรักษาการเลขาฯปปท. ดัน “ทวี สอดส่อง” คนในสายทักษิณคุมแทน เจ้าตัวบอกเป็น ขรก.ต้องทำใจ ขณะที่ “เสรีพิศุทธ์” ยกหูคุย “สมัคร” หลังมีการปล่อยข่าวถูกเด้ง นายกฯยืนยันไม่มี แต่หากย้ายจริงต้องตอบคำถามสังคมได้ไม่เช่นนั้นแผ่นดินลุกเป็นไฟ “สมัคร” ส่งสัญญาณเด้งคน คมช.ส่ง ขรก.กลุ่มอำนาจเก่าคืนถิ่น อ้างถูกร้องเรียนย้ายไม่เป็นธรรม
รายงานข่าวจากกระทรวงยุติธรรมแจ้งว่า วานนี้ (22 ก.พ.) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม ได้เห็นชอบในคำสั่งย้าย นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ปปท.) ซึ่งเป็นสำนักงานที่เตรียมจะจัดตั้งขึ้นใหม่ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อทดแทนสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งแยกเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 2550 และมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มาช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการอธิบดีดีเอสไอ โดยหลังมีคำสั่งย้าย ขั้นตอนต่อไปจะมีการเสนอเป็นวาระเข้าสู่การพิจารณา ของ ครม.เพื่อแต่งตั้งผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมขึ้นเป็นอธิบดีดีเอสไอและเลขาธิการ ปปท.ตัวจริง
สำหรับตำแหน่งเลขาธิการ ปปท.ก่อนหน้านี้ เคยมีการวางตัวนายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีดีเอสไอ ฝ่ายวิชาการ ซึ่งมีบทบาทในการร่วมร่างกฎหมายจัดวางโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานปปท. แต่มีการเปลี่ยนแปลงหลังมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง โดยภายหลังมีคำสั่งย้ายนายสุนัยพ้นจากดีเอสไอ มีกระแสข่าวลือหนาหูในกระทรวงยุติธรรมว่า รายต่อไปที่จะถูกย้ายคือ นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งอาจถูกย้ายไปแขวนเป็นผู้ตรวจสำนักนายกรัฐมนตรี
สำหรับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง มีความใกล้ชิดกับแกนนำอดีตรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมีทีมพนักงานสอบสวนใต้บังคับบัญชาเป็นอดีตหน้าห้องของ นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา และคุณหญิงสุดารัตน์ เกรุยาพันธุ์ อีกทั้ง พ.ต.อ.ทวี ยังเป็นผู้รับผิดชอบคดีสำคัญของผู้ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณหลายคดี อาทิ คดีทีพีไอ เมื่อเกิดการรัฐประหารพ.ต.อ.ทวีจึงถูกย้ายจากดีเอสไอสลับกับ นายภิญโญ ทองชัย รองเลขาธิการป.ป.ส.
ขณะที่ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ทำเรื่องขอโอนกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อนายสมพงษ์ซึ่งเป็นพี่ชายของพล.ต.อ.สมบัติเข้ามารับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม จึงมีข่าวออกมาโดยตลอดว่า พ.ต.อ.ทวีจะถูกย้ายกลับมา ดีเอสไอ และอยู่ในข่ายจะก้าวหน้าเป็นระดับ 10 โดยภายหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเสร็จสิ้นก็มีคำสั่งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงเกิดขึ้นทันที
ด้าน นายสุนัย เปิดเผยว่า ตลอดทั้งวันมานี้ ตนก็ได้ยินข่าวการโยกย้าย ออกจากตำแหน่งเช่นกัน แต่ยังไม่เห็นคำสั่ง ล่าสุดนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม โทรศัพท์มาบอกว่า ถูกย้ายไปช่วยราชการเป็นเลขาธิการ ปปท. และจะให้ พ.ต.อ.ทวี มาช่วยราชการเป็นอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเมื่อเปิดทำงานวันจันทร์ที่ 25 ก.พ. ตนจะเข้าไปเก็บของในห้องทำงาน ไม่รู้สึกอะไร จะทำงานไปตามปกติ เป็นข้าราชการ ต้องทำใจ ส่วนเรื่องโอนกลับศาลยุติธรรม อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณา ในระหว่างนี้จะช่วยงานปลัดกระทรวงไปพลางก่อน
ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวตลอดทั้งวันว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ผบ.ตร. ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 ก.พ. มีข่าวว่ารัฐบาลได้หารือในข้อกฎหมายในการออกคำสั่งย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มาช่วยราชการ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
คนใกล้ชิด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เปิดเผยว่า หลังมีกระแสข่าว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โดยนายสมัครยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่คำสั่งปลดหรือย้าย แต่หากจะปลดจริงๆ นายกรัฐมนตรีจะต้องตอบสังคมได้ ถ้าตอบไม่ได้บ้านเมืองคงลุกเป็นไฟ
“เรื่องนี้ทางผบ.ตร.รู้ดีกว่าใครเป็นข่าวปล่อยข่าว มีนายตำรวจระดับสูง เข้าไปเกี่ยวข้อง และที่ต้องการจะขึ้นเป็นผบ.ตร.ตั้งแต่สมัยที่พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ถูกสั่งย้ายมาช่วยราชการทำเนียบฯ จึงใช้วิธีการปล่อยข่าวหลายเรื่อง เพื่อดิสเครดิต พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ โดยเฉพาะเรื่อง ตชด.และเรื่องแชร์รถ อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่ได้แสดงสีหน้าเป็นกังวลแต่อย่างใด เพราะเชื่อคำพูดของนายสมัคร ซึ่งนายกฯกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ก็มีความสนิมสนมกันดี และกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์อยู่บ่อยครั้ง จึงเชื่อว่าจะไม่มีใบสั่งจากฮ่องกง ซึ่งตอนนี้ตามกฎหมายการปลด ผบ.ตร.ไม่ใช่เรื่องง่าย เว้นแต่มีการขอตัวไปช่วยราชการที่ทำเนียบฯ แต่ก็ต้องมีเหตุผลรองรับ”
ทั้งนี้ยังมีกระแสข่าวด้วยว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตรียมที่จะลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพหานคร ในนามอิสระ รวมถึงมีการข่าวว่า ลาออกเพื่อเปิดทาง ให้พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)ที่ถูกย้ายมาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป้น ผบ.ตร.
วันเดียวกัน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนมากมายกับผู้ที่อยู่ในแวดวงราชการทั้งทหาร และกระทรวงต่างๆ ว่าได้รับความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงเมื่อครั้งที่แล้ว ตนไม่ต้องการฟื้นฝอยหาตะเข็บ แต่เมื่อมีคนร้องทุกข์มาว่าเขาหายอย่างไร ก็จะบอกกับคนอื่นด้วยว่าใครก็แล้วแต่ที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมรัฐบาลก็พร้อมจะเยียวยา ตามสมควรแก่เหตุ คือจะมีการตรวจสอบก่อนว่าเป็นอย่างไร คงไม่ได้หมายถึงการ เอาเงินไปให้ หรือชดเชยด้วยเงิน เช่น การถูกโยกย้ายไปในที่ที่ไม่สมควร หรือ เกิดความเสียหายขึ้น หลังจากที่พิสูจน์ว่าไม่ควรจะเสียรัฐบาลจะรับมาพิจารณาทีเดียว โดยขอให้แจ้งมาที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงประกาศมาให้ทราบทั่วกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้ขยายความเรื่องการร้องเรียนว่าเป็นอย่างไรบ้างและเป็นการกระทำของใคร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่าไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งที่แล้วมีการกล่าวหาผู้คน จนตกเป็นผู้ต้องหา ในคดีต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นคดีที่เกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี คนใกล้ตัวและรัฐมนตรี แต่ข้าราชการที่อยู่ในเส้นทางก็อยู่ด้วย ซึ่งข้าราชการบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาไม่ได้ถูกดำเนินคดีแต่ถูกโยกย้าย
ส่วนจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ก็บอกแล้วว่าไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ รัฐบาลไม่สอบ แล้วพวกคุณจะคิดให้สอบทำไม เราไม่สอบหรอก แต่จะสวนดูว่าเขาจะมีอะไรยังไงที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมบ้าง เราก็เยียวยาเขา
ต่อข้อถามว่า สุดท้ายเรื่องจะจบอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า ก็จบตรงที่เรา ให้ความเป็นธรรมกับเขา เมื่อถามว่าหมายถึงจะย้ายเขากลับที่เดิมใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ยังไม่ได้ดูว่าจะทำอย่างไร ก็ขอให้มีการทำก่อน แล้วจะบอกให้ฟัง แต่ไม่ให้เงินแน่ ซึ่งคนที่ร้องเรียนมาก็มีไม่เยอะ แต่ตนไม่อยากไปทำแค่คน 2 คน เพราะมันจะไม่เป็นธรรม จึงประกาศเชิญชวนกันวันนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการร้องเรียนมาแล้วจะมีการพิจารณาอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า วันนี้ตนแค่เอาข่าวมาบอกเท่านั้น ส่วนหลักเกณฑ์จะเป็นอย่างไร ก็คงต้องมีคน ดำเนินการอยู่ แต่ยืนยันว่าเราไม่มุบมิบช่วยแค่คน 2 คน
นายสมัคร ยังกล่าวถึงการประชุมกับที่กระทรวงกลาโหมครั้งต่อไปที่อาจจะมีการหารือกึงการโยกย้ายนายทหารช่วงเดือนเมษายนยังมีปัญหาอยู่ ว่า ตนกำหนดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่บอกขออนุญาต แต่เข้าไปแล้วจะบอก นัดหมายเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ว่าขอให้ตนทำงานก่อน เมื่อถามว่ามีแนวนโยบายจะให้เกิดความสามัคคีหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า มีแนวนโยบายเข้าใจกันชัดเจน พูดกับโต ๆ ใหญ่ ๆ เข้าใจเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนทางกองทัพ ตีกันในส่วนที่ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบ นายสมัคร กล่าวว่า คือตนยังไม่ได้แสดงอาการล้วงเลย นี่ไปล้วงกระเป๋าเขาเดี๋ยวโดนว่าอีกในสภาล้วงกระเป๋ายังไม่ได้เลย
“ไม่ล้วงหรอกครับ ทั้งลูกทั้งกระเป๋า คือบอกเขาแล้วว่าไม่ล้วงแล้วก็ไม่ทันจะล้วงเลย แล้วถ้ามันเกี่ยวกับทหารเนี่ยผมจะไปทำก่อนแล้วจะมาเล่าให้ฟัง ไม่ใช่ไม่เล่านะเล่าให้ฟัง แต่บอกก่อนไม่ได้ บอกก่อนมันยุ่บ ๆ ๆ รอนั่งไอ้ห้องข้างนอกไม่เห็นด้วย”
รายงานข่าวจากกระทรวงยุติธรรมแจ้งว่า วานนี้ (22 ก.พ.) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม ได้เห็นชอบในคำสั่งย้าย นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ปปท.) ซึ่งเป็นสำนักงานที่เตรียมจะจัดตั้งขึ้นใหม่ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อทดแทนสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งแยกเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 2550 และมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มาช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการอธิบดีดีเอสไอ โดยหลังมีคำสั่งย้าย ขั้นตอนต่อไปจะมีการเสนอเป็นวาระเข้าสู่การพิจารณา ของ ครม.เพื่อแต่งตั้งผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมขึ้นเป็นอธิบดีดีเอสไอและเลขาธิการ ปปท.ตัวจริง
สำหรับตำแหน่งเลขาธิการ ปปท.ก่อนหน้านี้ เคยมีการวางตัวนายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีดีเอสไอ ฝ่ายวิชาการ ซึ่งมีบทบาทในการร่วมร่างกฎหมายจัดวางโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานปปท. แต่มีการเปลี่ยนแปลงหลังมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง โดยภายหลังมีคำสั่งย้ายนายสุนัยพ้นจากดีเอสไอ มีกระแสข่าวลือหนาหูในกระทรวงยุติธรรมว่า รายต่อไปที่จะถูกย้ายคือ นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งอาจถูกย้ายไปแขวนเป็นผู้ตรวจสำนักนายกรัฐมนตรี
สำหรับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง มีความใกล้ชิดกับแกนนำอดีตรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมีทีมพนักงานสอบสวนใต้บังคับบัญชาเป็นอดีตหน้าห้องของ นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา และคุณหญิงสุดารัตน์ เกรุยาพันธุ์ อีกทั้ง พ.ต.อ.ทวี ยังเป็นผู้รับผิดชอบคดีสำคัญของผู้ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณหลายคดี อาทิ คดีทีพีไอ เมื่อเกิดการรัฐประหารพ.ต.อ.ทวีจึงถูกย้ายจากดีเอสไอสลับกับ นายภิญโญ ทองชัย รองเลขาธิการป.ป.ส.
ขณะที่ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ทำเรื่องขอโอนกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อนายสมพงษ์ซึ่งเป็นพี่ชายของพล.ต.อ.สมบัติเข้ามารับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม จึงมีข่าวออกมาโดยตลอดว่า พ.ต.อ.ทวีจะถูกย้ายกลับมา ดีเอสไอ และอยู่ในข่ายจะก้าวหน้าเป็นระดับ 10 โดยภายหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเสร็จสิ้นก็มีคำสั่งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงเกิดขึ้นทันที
ด้าน นายสุนัย เปิดเผยว่า ตลอดทั้งวันมานี้ ตนก็ได้ยินข่าวการโยกย้าย ออกจากตำแหน่งเช่นกัน แต่ยังไม่เห็นคำสั่ง ล่าสุดนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม โทรศัพท์มาบอกว่า ถูกย้ายไปช่วยราชการเป็นเลขาธิการ ปปท. และจะให้ พ.ต.อ.ทวี มาช่วยราชการเป็นอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเมื่อเปิดทำงานวันจันทร์ที่ 25 ก.พ. ตนจะเข้าไปเก็บของในห้องทำงาน ไม่รู้สึกอะไร จะทำงานไปตามปกติ เป็นข้าราชการ ต้องทำใจ ส่วนเรื่องโอนกลับศาลยุติธรรม อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณา ในระหว่างนี้จะช่วยงานปลัดกระทรวงไปพลางก่อน
ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวตลอดทั้งวันว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ผบ.ตร. ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 ก.พ. มีข่าวว่ารัฐบาลได้หารือในข้อกฎหมายในการออกคำสั่งย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มาช่วยราชการ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
คนใกล้ชิด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เปิดเผยว่า หลังมีกระแสข่าว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โดยนายสมัครยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่คำสั่งปลดหรือย้าย แต่หากจะปลดจริงๆ นายกรัฐมนตรีจะต้องตอบสังคมได้ ถ้าตอบไม่ได้บ้านเมืองคงลุกเป็นไฟ
“เรื่องนี้ทางผบ.ตร.รู้ดีกว่าใครเป็นข่าวปล่อยข่าว มีนายตำรวจระดับสูง เข้าไปเกี่ยวข้อง และที่ต้องการจะขึ้นเป็นผบ.ตร.ตั้งแต่สมัยที่พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ถูกสั่งย้ายมาช่วยราชการทำเนียบฯ จึงใช้วิธีการปล่อยข่าวหลายเรื่อง เพื่อดิสเครดิต พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ โดยเฉพาะเรื่อง ตชด.และเรื่องแชร์รถ อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่ได้แสดงสีหน้าเป็นกังวลแต่อย่างใด เพราะเชื่อคำพูดของนายสมัคร ซึ่งนายกฯกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ก็มีความสนิมสนมกันดี และกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์อยู่บ่อยครั้ง จึงเชื่อว่าจะไม่มีใบสั่งจากฮ่องกง ซึ่งตอนนี้ตามกฎหมายการปลด ผบ.ตร.ไม่ใช่เรื่องง่าย เว้นแต่มีการขอตัวไปช่วยราชการที่ทำเนียบฯ แต่ก็ต้องมีเหตุผลรองรับ”
ทั้งนี้ยังมีกระแสข่าวด้วยว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตรียมที่จะลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพหานคร ในนามอิสระ รวมถึงมีการข่าวว่า ลาออกเพื่อเปิดทาง ให้พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)ที่ถูกย้ายมาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป้น ผบ.ตร.
วันเดียวกัน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนมากมายกับผู้ที่อยู่ในแวดวงราชการทั้งทหาร และกระทรวงต่างๆ ว่าได้รับความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงเมื่อครั้งที่แล้ว ตนไม่ต้องการฟื้นฝอยหาตะเข็บ แต่เมื่อมีคนร้องทุกข์มาว่าเขาหายอย่างไร ก็จะบอกกับคนอื่นด้วยว่าใครก็แล้วแต่ที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมรัฐบาลก็พร้อมจะเยียวยา ตามสมควรแก่เหตุ คือจะมีการตรวจสอบก่อนว่าเป็นอย่างไร คงไม่ได้หมายถึงการ เอาเงินไปให้ หรือชดเชยด้วยเงิน เช่น การถูกโยกย้ายไปในที่ที่ไม่สมควร หรือ เกิดความเสียหายขึ้น หลังจากที่พิสูจน์ว่าไม่ควรจะเสียรัฐบาลจะรับมาพิจารณาทีเดียว โดยขอให้แจ้งมาที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงประกาศมาให้ทราบทั่วกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้ขยายความเรื่องการร้องเรียนว่าเป็นอย่างไรบ้างและเป็นการกระทำของใคร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่าไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งที่แล้วมีการกล่าวหาผู้คน จนตกเป็นผู้ต้องหา ในคดีต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นคดีที่เกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี คนใกล้ตัวและรัฐมนตรี แต่ข้าราชการที่อยู่ในเส้นทางก็อยู่ด้วย ซึ่งข้าราชการบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาไม่ได้ถูกดำเนินคดีแต่ถูกโยกย้าย
ส่วนจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ก็บอกแล้วว่าไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ รัฐบาลไม่สอบ แล้วพวกคุณจะคิดให้สอบทำไม เราไม่สอบหรอก แต่จะสวนดูว่าเขาจะมีอะไรยังไงที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมบ้าง เราก็เยียวยาเขา
ต่อข้อถามว่า สุดท้ายเรื่องจะจบอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า ก็จบตรงที่เรา ให้ความเป็นธรรมกับเขา เมื่อถามว่าหมายถึงจะย้ายเขากลับที่เดิมใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ยังไม่ได้ดูว่าจะทำอย่างไร ก็ขอให้มีการทำก่อน แล้วจะบอกให้ฟัง แต่ไม่ให้เงินแน่ ซึ่งคนที่ร้องเรียนมาก็มีไม่เยอะ แต่ตนไม่อยากไปทำแค่คน 2 คน เพราะมันจะไม่เป็นธรรม จึงประกาศเชิญชวนกันวันนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการร้องเรียนมาแล้วจะมีการพิจารณาอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า วันนี้ตนแค่เอาข่าวมาบอกเท่านั้น ส่วนหลักเกณฑ์จะเป็นอย่างไร ก็คงต้องมีคน ดำเนินการอยู่ แต่ยืนยันว่าเราไม่มุบมิบช่วยแค่คน 2 คน
นายสมัคร ยังกล่าวถึงการประชุมกับที่กระทรวงกลาโหมครั้งต่อไปที่อาจจะมีการหารือกึงการโยกย้ายนายทหารช่วงเดือนเมษายนยังมีปัญหาอยู่ ว่า ตนกำหนดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่บอกขออนุญาต แต่เข้าไปแล้วจะบอก นัดหมายเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ว่าขอให้ตนทำงานก่อน เมื่อถามว่ามีแนวนโยบายจะให้เกิดความสามัคคีหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า มีแนวนโยบายเข้าใจกันชัดเจน พูดกับโต ๆ ใหญ่ ๆ เข้าใจเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนทางกองทัพ ตีกันในส่วนที่ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบ นายสมัคร กล่าวว่า คือตนยังไม่ได้แสดงอาการล้วงเลย นี่ไปล้วงกระเป๋าเขาเดี๋ยวโดนว่าอีกในสภาล้วงกระเป๋ายังไม่ได้เลย
“ไม่ล้วงหรอกครับ ทั้งลูกทั้งกระเป๋า คือบอกเขาแล้วว่าไม่ล้วงแล้วก็ไม่ทันจะล้วงเลย แล้วถ้ามันเกี่ยวกับทหารเนี่ยผมจะไปทำก่อนแล้วจะมาเล่าให้ฟัง ไม่ใช่ไม่เล่านะเล่าให้ฟัง แต่บอกก่อนไม่ได้ บอกก่อนมันยุ่บ ๆ ๆ รอนั่งไอ้ห้องข้างนอกไม่เห็นด้วย”