xs
xsm
sm
md
lg

“ยามฯ” จวก “สมุนแม้ว” บิดเบือนแถลงการณ์พันธมิตรฯ – ย้ำปลด “สุนัย”คือจุดเปลี่ยน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยามเฝ้าแผ่นดิน” ชี้แถลงการณ์พันธมิตรฯ ถูกบิดเบือน ยันไม่ต่อต้าน “แม้ว” กลับ หากไม่ย้ายอธิบดี “ดีเอสไอ” ส่งสัญญาณแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม แถม รมต.เหิมเกริมแทรกแซงสื่อ เผยยังให้โอกาส “สมัคร” สั่งทบทวนในที่ประชุม ครม. จับตา “เหลิม” เอาใจ “แม้ว” เป็นพิเศษ รอ “นายกฯ ส้มหล่น” หาก พปช.ถูกยุบ


คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ  ช่วงที่ 2


รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 25 ก.พ. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงแกลงการณ์ฉบับที่ 1/2551 ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า เป็นการแสดงจุดยืนของการฟื้นพันธมิตรฯ อีกครั้ง หลังจากมีสัญญาการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ด้วยการย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อเตรียมรับการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตลอดจนมีการแทรกแซงสื่อของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่จะนำไปสู่การเกิดกลียุคทางการเมือง

ทั้งนี้ เมื่อดูจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นภายหลังการออกแกลงการณ์ดังกล่าว ปรากฏว่ามีการบิดเบือนค่อนข้างมาก ถ้าสังเกตจากการสัมภาษณ์แกนนำ สื่อบางแห่งมักถามย้ำว่าจะชุมนุมใช่หรือไม่ และบางสื่อก็เอาไปขยายความต่อด้วยการถามนักการเมืองว่าถ้าพันธมิตรฯ ชุมนุมจะทำอย่างไร ซึ่งไม่ถูกต้อง

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า หากอ่านแถลงการณ์พันธมิตรฯ ให้ดีๆ จะเห็นว่า แนวทางการต่อสู้ที่จะมีทุกรูปแบบนั้น ไม่ได้บอกว่าจะชุมนุมหรือไม่ แต่เมื่อสื่อไปถามนักการเมือง ก็บิดเบือนว่าพันธมิตรฯ จะออกมาสร้างความวุ่นวาย เพราะไม่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศ โดยเฉพาะคำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่บอกว่าพันธมิตรฯไม่มีความจำเป็นที่จะชุมนุมต่อต้านการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ และอ้างถึงผลเลือกตั้งว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา พร้อมกับย้ำว่า จะไปรับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วยตัวเองให้ใกล้ที่สุด และอ้างว่าคนที่รัก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้แค่หลักแสนแต่มีถึง 10 ล้านคน

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า หากจะอ้างอย่างนั้น คนที่ไมได้เลือก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีเป็น 10 กว่าล้านเช่นกัน ส่วนที่บอกว่าพันธมิตรฯ ไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับนั้น ขอให้ไปอ่านแถลงการณ์ ประการที่ 5 ก็จะชัดเจนว่า พันธมิตรฯ ยินดีให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาสู้คดี หากไม่มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม แต่วันนี้ กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงแล้ว โดยไม่มีใครตอบได้ว่าทำไมย้ายนายสุนัยไปเป็นรักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ยังไม่มีอะไรทำ ทั้งที่งานเดิมก็ยังไม่แล้วเสร็จ

ทั้งนี้ นายสุนัยกำลังตรวจสอบคดีทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ และทำอย่างตรงไปตรงมา จึงมีคำถามว่าไปย้ายทำไม แล้วคนที่ย้ายมารักษาการแทน คือ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ก็เป็นคนใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวชินวัตร ใช่หรือไม่

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า ก่อนที่จะออกมาเป็นแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ 7 ข้อนั้น มีความเป็นมา ก่อนที่จะบอกว่าพันธมิตรฯ สร้างความวุ่นวายขอให้พิจารณาให้ดี ทั้งนี้ ถ้าอ่านแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ ตั้งแต่ย่อหน้าแรกลงไป ก็จะพบว่าพันธมิตรฯ ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. แต่ที่หยุดการเคลื่อนไหวหลังจากนั้นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณได้ลงจากตำแหน่งแล้ว ส่วนหลังจากนั้นแม้ว่ารัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จะไม่ได้ทำอะไรมากนักกับความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่พันธมิตรฯ ก็ไม่ออกมาชุมนุมเพราะเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมยังดำเนินต่อไปได้ และสื่อมวลชนไม่ถูกแทรกแซง

ต่อมาในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2550 แม้จะมีการทุจริตการเลือกตั้งจำนวนมาก โดยมีพรรคการเมืองที่เป็นนอมินีของพรรคที่ถูกคำวินิจฉัยตุลาการรัฐธรรมนูญสั่งยุบไปแล้ว ลงเลือกตั้งด้วย ขณะที่การตรวจสอบ กกต.ก็มาสามารถทำได้ ซ้ำ กกต.บางคนยังออกมาปกป้อง แต่พันธมิตรฯ ก็ไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหว เพราะยังมีความหวังกับระบบยุติธรรม และสื่อมวลชนยังไม่ถูกแทรกแซง

แต่ในที่สุด เมื่อรัฐบาลชุดนี้ได้ทำให้เกิดบรรยากาศเหมือนที่ทหารใช้เป็นเหตุผลในการยึดอำนาจ นั่นคือ มีการแทรกแซงสื่ออย่างเหิมเกริม มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมด้วยการย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม เพราะฉะนั้นสัญญาที่พันธมิตรฯ บอกว่าจะไม่ชุมนุม จึงใช้ไม่ได้แล้ว เพราะมีการละเมิด ซึ่งหาก พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาสู้คดีโดยที่กระบวนการยุติถูกแทรกแซง ประชาชนจะเอาอะไรไปสู้

“คุณเฉลิมเข้าใจผิดครับ พันธมิตรฯ ไม่เคยห้ามคุณทักษิณกลับประเทศ เขาสงสัยเพียงว่า ไม่ต้องการให้มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม การกระทำของคุณสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ จึงเสมือนเป็นการจุดชนวนระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นมา ที่ทำให้ต้องมีความรู้สึกอัดอั้นตันใจของภาคประชาชน ที่ต้องกดดันและผลักดันให้พันธมิตรฯ ต้องรวมตัวกันอีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

ผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวการย้ายนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม รวมถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.มีการฟื้นนโยบายฆ่าตัดตอนยาเสพติด ฟื้นรัฐตำรวจ เหตุผลเท่านี้รัฐบาลสมัครก็ไม่ต่างอะไรกับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนทำงานให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เกิดแรงกดดัน เหมือนกับที่เป็นเหตุผลของการทำรัฐประหาร

ผู้ดำเนินรายการกล่าวอีกว่า สำหรับนายสมัครนั้นพันธมิตรฯ ยังให้โอกาส เพราะในแถลงฯ ประการที่ 3 ให้โอกาสนายสมัคร ได้แสดงความจงรักภักดี ด้วยการกระทำ ไม่ใช่ด้วยคำพูด อย่าให้คนไม่ดีมาปกครองบ้านเมือง แล้วก็ยุติการกระทำอันเป็นหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ และต้องทำเพื่อคนไทยทั้ง 63 ล้านคน ตามที่ ได้เข้าไปปฏิญาณตน และได้รับพระบรมราโชวาทจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และในประการ 4 ได้เรียกร้องให้รัฐบาลนายสมัคร ทบทวนการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยต้องทบทวนการย้ายนายสุนัยโดยเร็ว ซึ่งในวันประชุม ครม.ยังมีโอกาสที่จะทบทวนการสั่งย้ายได้

นอกจากนี้ การที่นายสมัครพูดมาตลอดว่ามีความจงรักภักดี จึงอยากเผ็นกากระทำที่แสดงออกถึงการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เพราะฉะนั้น ถ้ามีคนในรัฐบาลทำไม่ถูก หรือฝืนกระแสสังคม เพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว นายสมัครต้องแสดงท่าทีและมีจุดยืนของตัวเอง

“รัฐบาลอยากอยู่ยาวก็ต้องพึงสำนึกว่า เป็นเหตุผลแค่ 3 ข้อ 1.อย่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ปล่อยเป็นตามปกติกับเรื่องในอดีต เราอยากทำอย่างอื่นครับ อย่าแทรกแซงสื่อ อย่าปิดกั้นสื่อ และอย่าทำผิดซ้ำซาก แค่นี้เองครับ ถ้าไม่มีเหตุผล 3 ข้อนี้ เราไม่รวมตัวกันหรอก

“ผมจะบอกให้ว่าเดิมทีพันธมิตรฯ เขาต่างแยกย้ายกันไป ต่างคนต่างทำหน้าที่ และหลายคนอยากทำงานที่สร้างสรรค์มากกว่าการพูดถึงการล้มระบอบทักษิณเพียงอย่างเดียว โดยหวังแค่ว่าคนทำหน้าที่อย่างกระบวนการยุติธรรม สามารถให้ความเป็นธรรมต่อบ้านเมืองได้”ผู้ดำเนินรายการกล่าว

**ติง “นพดล” เลียนายทำชาติเสียเกียรติภูมิ

ต่อมา ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงกรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่ประเทศจีน เมื่อช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาว่า แม้นายนพดลจะอ้างว่าไปในนามส่วนตัว และตนยึดหลักกตัญญู ก็อยากจะให้นายนพดลนึกถึงการได้ทุนอานันทมหิดล ที่ทำให้ได้เรียนจนจบ และการงานก้าวหน้าจนได้เป็นรัฐมนตรี ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ

อย่างไรก็ตาม นายนภดลจะสำนึกหรือไม่ ตอนไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งถูกหมายจับเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ที่ฝ่ายตุลาการกำลังตามหา แล้วนายนพดลไปพบอย่างนั้นเหมาะสมหรือไม่ ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรี

“คุณนพดลไม่ค่อยเข้าใจสถานภาพ ความสง่างาม เกียรติภูมิของประเทศ ที่ตัวเองเป็นถึงตัวแทนประเทศในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น ควรวางท่าทีและศักดิ์ศรีของประเทศอย่างไร”

นอกจากนี้ นายนพดลยังบอกว่าจะมีการย้ายทูตใน 1 เดือนข้างหน้านี้ และมีกระแสข่าวว่า 1 ในนั้น คือทูตอังกฤษ นายกิตติ วสีนนท์ ซึ่งไม่ได้ดูดำดูดี พ.ต.ท.ทักษิณเลยขณะที่อยู่ลอนดอน นี่คือกระบวนการหนึ่งที่เป็นการแทรกแซงหรือลงโทษคนที่ไม่ทำประโยชน์ให้ตัวเองหรือเปล่า นอกจากนี้ยังมีการคืนพาสปอร์ตแดงให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้นายนพดลจะอ้างว่าคืนตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.ก่อนที่ตนเข้ารับตำแหน่ง แต่นี่คือการจัดการเพื่อสนองนายตัวเองทุกอย่าง

กรณีที่นายนพดลบอกว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาแล้ว จะยังไม่ไปที่ศาลทันทีแต่จะดูก่อนว่าจะไปวันไหนนั้น ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณในฐานะผู้ต้องหามีสิทธิพิเศษอะไร และไม่คิดว่าจะต้องมี โดยหลักการต้องนำตัวไปที่ศาลทันทีเหมือนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร และต้องไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงมากกว่านี้

“ผมอยากให้คุณทักษิณเข้ามาเลย เข้ามาแล้วอยู่นานๆ ถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่ถูกแทรกแซง แต่ถ้าถูกแทรกแซงแล้วกลับมา ก็เตรียมรับสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทุกรูปแบบของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผมไม่อยากจะบอกว่ามีจำนวนเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อว่า ก็มีหลักไม่น้อยกว่าสิบล้านเช่นเดียวกัน จะถึง 20 ล้านที่ไม่เลือกพรรคพลังประชาชนหรือเปล่า ผมไม่สามารถจะตอบได้”ผู้ดำเนินรายการกล่าว

** “เหลิม”ประจบ “แม้ว”รอส้มหล่น

ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึง ร.ต.อ.เฉลิมว่า เป็นคนที่ไม่ธรรมดา มีความสามารถรับข้อมูลข่าวสารได้เร็ว และพร้อมเปลืองตัว ยอมชนต่อสาธารณะ เพื่อแก้ตัวให้นาย แต่ตอนนี้ผู้บังคับบัญชาของ ร.ต.อ.เฉลิม อาจไม่ชัดเจนว่า เป็ฯ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือนายสมัครกันแน่

ที่ผ่านมา จะเห็นว่า ร.ต.อ.เฉลิมออกมาปกป้องนายสมัครตลอด แต่ขณะเดียวกันก็บอกว่าจะไปรับ พ.ต.ท.ทักษิณถึงสนามบิน แม้ว่าลึกๆ แล้วทั้งสองคนพยายามสถาปนาอำนาจแข่งกัน แต่ ร.ต.อ.เฉลิมก็ดีด้วยหมด ซึ่งจะว่าไปแล้วการมาเล่นการเมืองครั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิมไมได้ลงอะไรเลย แต่ได้เป็นถึงรมว.มหาดไทย เพราะฉะนั้น ไม่มีอะไรดีไปกว่าช่วยรักษาสถานภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณเอาไว้ ให้มีเงินต่อไป ขณะที่ตัวเองก็เกาะนายสมัคร ที่มีอำนาจ

“คุณเฉลิม มาทีหลัง แต่ก็แย่งชิงมาใหญ่โตของทั้ง 2 ฝ่าย แต่มองให้ขาด คุณเฉลิมเคยอ้างว่าถ้ายุบพรรคพลังประชาชนแล้ว ก็จะไปตั้งพรรคใหม่ ชื่อพรรค "ทักษิณ" เอาง่ายๆ อย่างนี้เลย เอาอกเอาใจเต็มที่เลย ถามว่าแล้วใครจะเป็นหัวหน้าพรรค หรือนายกรัฐมนตรี ก็ต้องเป็นคุณเฉลิม ก็เพราะว่าอดีตกรรมการบริหารรุ่นที่ 2 ถูกเพิกถอน คุณเฉลิมไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ก็จะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีไปโดยปริยายถ้ามี ส.ส.เพียงพอ”ผู้ดำเนินรายการกล่าว

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า ร.ต.อ.เฉลิมมีความหวัง เพราะใครจะคิดว่านายสมัครจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ วันดีคืนดีทำไม ร.ต.อ.เฉลิมคิดอย่างนี้ไม่ได้ อายุก็ใกล้กัน เป็นดาวสภาฯ ทั้งคู่เหมือนกัน พูดเก่งทั้งคู่ ทำไมจะมีความหวังอย่างนี้ไม่ได้ ไม่มีโอกาสไหนที่จะเหมาะสมได้มากเท่านี้ ที่ตัวเองจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี

**จี้ “จรัญ”เผยจุดยืน ค้านย้าย “สุนัย”

ช่วงท้ายรายการ ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม ได้แถลงข่าวชี้แจงเหตุผลการย้ายนายสุนัย โดยอ้างว่านายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ให้คำแนะนำเรื่องนี้ ว่า อยากให้นายจรัญได้ชี้แจงว่าคำแนะนำดังกล่าวคืออะไร น้ำหนักมีแค่ไหน อยากให้นายจรัญยืนหยัดหนักแน่น ไม่อย่างนั้นแล้ว ข้าราชการในกระทรวงอื่นจะมีความเชื่อมั่นต่อข้าราชการที่สูงสุดในองค์กรที่มีอยู่ตอนนี้ได้หรือไม่ อยากให้พูดให้ชัดต่อที่สาธารณะ เพราะฟังกระแสของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังไม่ค่อยชัด

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1

( 56 k ) | ( 256 K )



คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2

( 56 k ) | ( 256 K )



กำลังโหลดความคิดเห็น