00 หลายคนอาจตั้งความหวังว่า คนอย่าง “หมัก” เมื่อก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดทางการเมืองได้เป็นถึงนายกฯคนที่ 25 ถึงฝั่งฝันในบั้นปลายของชีวิต แอบลุ้นกันลึกๆว่า เมื่อเป็นใหญ่เป็นโตคับบ้านคับเมืองแล้วคงจะสลัดความเป็น “หุ่นเชิด” เป็นตัวของตัวเองเสียที
00 เพราะในช่วงแรกๆทำท่าทำทางดูขึงขังทำนองออกตัวโอดโอยว่าคณะรัฐมนตรีดู “ขี้เหร่” ต้องรื้อกันใหม่นับสิบเก้าอี้ แต่ลงท้ายจริงไม่จริงไม่รู้ แต่ที่พูดส่งสัญญาณให้สังคมเข้าใจกลับเป็นรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลอื่นอย่างพรรคเพื่อแผ่นดิน กรณีรัฐมนตรีช่วยคลังไปเสียฉิบ
00 ถัดมากรณีตั้งเลขาหน้าห้องรัฐมนตรีก็เหมือนกัน บอกว่าถูกจับยัด เอาเข้าจริงก็พุ่งซ้ำไปที่พรรคเพื่อแผ่นดินอีก โบ้ยใส่ลูกวัฒนา อัศวเหม โจทก์เก่าเต็มๆ แต่ที “ลูกวัน” ของ “เหลิม” กลับทำเฉยยกนิ้วการันตี
00 หรือแม้แต่เรื่องการเข้ามาควบเก้าอี้กระทรวงกลาโหม รวบงานเมกะโปรเจ็กต์ ฮุบหน่วยงานสำคัญในกระบวนการยุติธรรมรวบเข้ามาดูแลเองเกือบทั้งหมด ทุกอย่างดูน่าเกรงขาม แต่เมื่อดูพฤติกรรมในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มทุกอย่างก็ออกมาในลักษณะ “เออออห่อหมก” ยอมไปหมดทุกเรื่อง ทำนองรักษาตัวรอดเป็นยอดดี ประคองเก้าอี้นายกฯไปให้นานที่สุด แค่นั้นเอง ส่อแววท่าดีทีเหลว
00 อย่างไรก็ดีเพื่อให้เห็นตัวตนของคนๆนี้ให้ชัดขึ้น บางทีต้องมองย้อนอดีตแล้วลากยาวมาถึงปัจจุบัน ก็น่าจะสรุปได้ทันทีว่า “เขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย” ยังเป็นหมักคนเดิมสมัยเมื่อ 30-40 ปีก่อนไม่มีผิด ยืนเคียงข้างศูนย์อำนาจมาตลอด
00 ไล่เรียงตั้งแต่สมัยขวาพิฆาตซ้าย คนอื่นในพรรคประชาธิปัตย์ต้องหนีตายหัวซุกหัวซุน ขณะที่ตนเองได้ดิบได้ดีมีอำนาจวาสนาใหญ่โตคับบ้านคับเมือง ถัดจากนั้นในยุคที่ “ป๋าเปรม” เป็นนายกฯ หมักคนเดียวกันนี่แหละที่เป็นรัฐมนตรีคมนาคมนานกว่า 3 ปี รวมทั้งเคยดำรงตำแหน่งสำคัญมาหลายครั้ง ทำงานรับใช้มานานไม่เห็นกล้าหือรืออะไรให้เห็นแม้แต่น้อย
00 ล่าสุดเพิ่งมาในยุค “แม้ว” นี่แหละที่กล้าออกโรงอัด “ป๋าเปรม” คนเดียวกันนี้แบบเต็มๆ ไม่มียั้ง หลายคนอาจประเมินว่า อาจเป็นเพราะลีลา “ขิงแก่” ของจริง อ่านเกมขาด แถมจมูกยังรับสัญญาณได้ไวเป็นพิเศษจึงหักมุมโดดเข้าถือหาง “เฮียแม้ว” สุดตัวทั้งที่สมัย “มหาจำลอง” ดึงมาอยู่พรรคพลังธรรมชิงดำกันในสนามเลือกตั้งกรุงเทพฯก็ยังฮึ่มๆเข้าใส่ตลอดเวลา
00 แต่เมื่อถึงเวลาเหมาะก็โดดมายืนเคียงข้างเชียร์สุดลิ่ม สร้างอารมณ์ร่วมยืนด่าทหารแต่ถ้าสังเกตจะแยกเฉพาะ คมช.รายหัวที่หน่อมแน้มเท่านั้น ไม่กล้าแตะบิ๊กในกองทัพทั่วไป
00 นอกจากนี้ด้วยกระบวนการลีลาสำนวนโวหารพลิกพลิ้วก็ไม่มีใครเกิน ฟังดูผ่านๆแล้วพลิดเพลินลื่นไหลเหมือนต่อยหอย จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน อย่างเรื่องบ่อนถูกกฎหมายบอกว่าถ้าอยู่ครบ 4 ปีจะได้เห็นแน่ แต่พอถูกรุมด่ามากเข้าก็โบ้ยว่าพวกที่ค้านฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด
00 ล่าสุดยังเบี่ยงเบนเรื่องข้อกล่าวหารัฐบาลแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพื่อช่วยเหลือ “แม้ว” คนๆนี้ก็ยังมาบิดเบือนว่าให้ร้ายเรื่องแทรกแซงตุลาการหรือศาลเสียอีก ทั้งที่ประเด็นหลักที่สังคมกำลังจับตาก็คือเรื่องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ต้นทางก่อนถึงศาล ตั้งข้อสังเกตเรื่องโยกย้ายอธิบดีดีเอสไอ ที่ทำคดีสำคัญ หรือความพยายามในเรื่องทำให้คตส.เป็นองค์กรเถื่อน หรือการย้าย ผบ.ตร. เพื่อโยก “พี่เมียนายใหญ่” มาเสียบแทนเหล่านี้ เป็นต้น
00 ทั่นหมักก็ดันมาตอกย้ำเรื่องแทรกแซงศาลว่าเข้าไปนั่น “เนียน” จริงๆ ทั้งที่หลักใหญ่ใจความก็คือเขาสงสัยว่าจะมีการบิดเบือนคดีก่อนถึงศาลต่างหาก และ อีกอย่างลองไปย้อนดูข่าวเก่าๆในอดีตก็ได้จะรู้ทันทีว่าถ้าพูดเรื่องการเมือง การเลือกตั้งแล้ว “หมักจะไม่มีแพ้ มีแต่ชนะกับถูกโกง” นี่คือของแท้และดั้งเดิม !!
00 เพราะในช่วงแรกๆทำท่าทำทางดูขึงขังทำนองออกตัวโอดโอยว่าคณะรัฐมนตรีดู “ขี้เหร่” ต้องรื้อกันใหม่นับสิบเก้าอี้ แต่ลงท้ายจริงไม่จริงไม่รู้ แต่ที่พูดส่งสัญญาณให้สังคมเข้าใจกลับเป็นรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลอื่นอย่างพรรคเพื่อแผ่นดิน กรณีรัฐมนตรีช่วยคลังไปเสียฉิบ
00 ถัดมากรณีตั้งเลขาหน้าห้องรัฐมนตรีก็เหมือนกัน บอกว่าถูกจับยัด เอาเข้าจริงก็พุ่งซ้ำไปที่พรรคเพื่อแผ่นดินอีก โบ้ยใส่ลูกวัฒนา อัศวเหม โจทก์เก่าเต็มๆ แต่ที “ลูกวัน” ของ “เหลิม” กลับทำเฉยยกนิ้วการันตี
00 หรือแม้แต่เรื่องการเข้ามาควบเก้าอี้กระทรวงกลาโหม รวบงานเมกะโปรเจ็กต์ ฮุบหน่วยงานสำคัญในกระบวนการยุติธรรมรวบเข้ามาดูแลเองเกือบทั้งหมด ทุกอย่างดูน่าเกรงขาม แต่เมื่อดูพฤติกรรมในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มทุกอย่างก็ออกมาในลักษณะ “เออออห่อหมก” ยอมไปหมดทุกเรื่อง ทำนองรักษาตัวรอดเป็นยอดดี ประคองเก้าอี้นายกฯไปให้นานที่สุด แค่นั้นเอง ส่อแววท่าดีทีเหลว
00 อย่างไรก็ดีเพื่อให้เห็นตัวตนของคนๆนี้ให้ชัดขึ้น บางทีต้องมองย้อนอดีตแล้วลากยาวมาถึงปัจจุบัน ก็น่าจะสรุปได้ทันทีว่า “เขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย” ยังเป็นหมักคนเดิมสมัยเมื่อ 30-40 ปีก่อนไม่มีผิด ยืนเคียงข้างศูนย์อำนาจมาตลอด
00 ไล่เรียงตั้งแต่สมัยขวาพิฆาตซ้าย คนอื่นในพรรคประชาธิปัตย์ต้องหนีตายหัวซุกหัวซุน ขณะที่ตนเองได้ดิบได้ดีมีอำนาจวาสนาใหญ่โตคับบ้านคับเมือง ถัดจากนั้นในยุคที่ “ป๋าเปรม” เป็นนายกฯ หมักคนเดียวกันนี่แหละที่เป็นรัฐมนตรีคมนาคมนานกว่า 3 ปี รวมทั้งเคยดำรงตำแหน่งสำคัญมาหลายครั้ง ทำงานรับใช้มานานไม่เห็นกล้าหือรืออะไรให้เห็นแม้แต่น้อย
00 ล่าสุดเพิ่งมาในยุค “แม้ว” นี่แหละที่กล้าออกโรงอัด “ป๋าเปรม” คนเดียวกันนี้แบบเต็มๆ ไม่มียั้ง หลายคนอาจประเมินว่า อาจเป็นเพราะลีลา “ขิงแก่” ของจริง อ่านเกมขาด แถมจมูกยังรับสัญญาณได้ไวเป็นพิเศษจึงหักมุมโดดเข้าถือหาง “เฮียแม้ว” สุดตัวทั้งที่สมัย “มหาจำลอง” ดึงมาอยู่พรรคพลังธรรมชิงดำกันในสนามเลือกตั้งกรุงเทพฯก็ยังฮึ่มๆเข้าใส่ตลอดเวลา
00 แต่เมื่อถึงเวลาเหมาะก็โดดมายืนเคียงข้างเชียร์สุดลิ่ม สร้างอารมณ์ร่วมยืนด่าทหารแต่ถ้าสังเกตจะแยกเฉพาะ คมช.รายหัวที่หน่อมแน้มเท่านั้น ไม่กล้าแตะบิ๊กในกองทัพทั่วไป
00 นอกจากนี้ด้วยกระบวนการลีลาสำนวนโวหารพลิกพลิ้วก็ไม่มีใครเกิน ฟังดูผ่านๆแล้วพลิดเพลินลื่นไหลเหมือนต่อยหอย จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน อย่างเรื่องบ่อนถูกกฎหมายบอกว่าถ้าอยู่ครบ 4 ปีจะได้เห็นแน่ แต่พอถูกรุมด่ามากเข้าก็โบ้ยว่าพวกที่ค้านฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด
00 ล่าสุดยังเบี่ยงเบนเรื่องข้อกล่าวหารัฐบาลแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพื่อช่วยเหลือ “แม้ว” คนๆนี้ก็ยังมาบิดเบือนว่าให้ร้ายเรื่องแทรกแซงตุลาการหรือศาลเสียอีก ทั้งที่ประเด็นหลักที่สังคมกำลังจับตาก็คือเรื่องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ต้นทางก่อนถึงศาล ตั้งข้อสังเกตเรื่องโยกย้ายอธิบดีดีเอสไอ ที่ทำคดีสำคัญ หรือความพยายามในเรื่องทำให้คตส.เป็นองค์กรเถื่อน หรือการย้าย ผบ.ตร. เพื่อโยก “พี่เมียนายใหญ่” มาเสียบแทนเหล่านี้ เป็นต้น
00 ทั่นหมักก็ดันมาตอกย้ำเรื่องแทรกแซงศาลว่าเข้าไปนั่น “เนียน” จริงๆ ทั้งที่หลักใหญ่ใจความก็คือเขาสงสัยว่าจะมีการบิดเบือนคดีก่อนถึงศาลต่างหาก และ อีกอย่างลองไปย้อนดูข่าวเก่าๆในอดีตก็ได้จะรู้ทันทีว่าถ้าพูดเรื่องการเมือง การเลือกตั้งแล้ว “หมักจะไม่มีแพ้ มีแต่ชนะกับถูกโกง” นี่คือของแท้และดั้งเดิม !!