ในปีที่ผ่านมา ความสั่นคลอนของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี กับสถานภาพว่าจะอยู่หรือไป ถือเป็นเรื่อง ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ที่ทุกฝ่าย ต่างเฝ้าจับตาดูกัน ว่าทีไอทีวี จะอยู่หรือไป แต่แล้ววันหนึ่ง ความพลิกผันสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ก็เกิดขึ้น หลังจากที่พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้องค์การทีวีสาธารณะ ได้ถือกำเนินขึ้นในประเทศไทยทันที โดยเข้ามาแทนที่ช่องทีไอทีวีเดิม
แน่นอนว่าข้อครหาต่างๆเกิดขึ้นในทันที เพราะเพียงระยะไม่กี่วันที่ พรบ.ประกอบกิจการกระจายเสียงฯฉบับนี้มีผลออกมา องค์การทีวีสาธารณะก็เริ่มก่อรูปร่าง และหาที่ลง เพื่อสร้างสถานีในทันที โดยมาแทนที่ทีไอทีวีทั้งในเรื่องของช่องสัญญาณ และสถานที่ตั้ง ทั้งนี้เนื่องจากทีไอทีวีอยู่ในความดูแลของกรมประชาสัมพันธ์ในขณะนั้น ซึ่งถ้าให้มารื้อฟื้น ก็คาดว่าจะต้องร่ายกันยาว อย่างไรเสียถ้าอยากรู้ตื้นลึกหนาบาง สามารถค้นหาข่าวเก่าๆมาอ่านกันได้จาก เว็บไซต์ผู้จัดการ ที่ www.manager.co.th
กลับเข้ามาเรื่องขององค์การทีวีสาธารณะกันต่อ ช่วงที่ก่อรูปก่อร่างในช่วงแรกนั้น เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2551 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายชั่วคราว 5 ท่าน เพื่อทำหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์สาธารณะ โดยมีรายนามของคณะกรรมการฯ ทั้ง 5 ท่าน ดังนี้ 1. นายขวัญสรวง อติโพธิ 2. นายเทพชัย หย่อง 3. รองศาสตราจารย์ ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ 4. นายอภิชาติ ทองอยู่ และ5. รองศาสตราจารย์ ดร. ณรงค์ ใจหาญ ซึ่งในส่วนของนายเทพชัย หย่องนั้น ยังควบรับอีกตำแหน่ง คือ การทำหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ หรือไทยพีบีเอสด้วย
แน่นอนว่า ในฐานะของคนที่มีหัวใจและจิตวิญญาณของความเป็นนักสื่อสารมวลชนมาทั้งชีวิต ย่อมมีความฝันไม่แตกต่างกัน กับการได้เห็นทีวีสาธารณะเกิดขึ้นในประเทศไทย องค์กรที่เป็นองค์การสื่อสารมวลชน ที่ไม่ถูกครอบงำหรืออยู่ในกำมือของใคร มีความเป็นกลางในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารสู่ประชาชนอย่างแท้จริง
และนี้ก็คือ อีกหนึ่ง ความฝันของ ชายคนนี้ “เทพชัย หย่อง” บุรุษที่พร้อมวางอาวุธในมือที่มีอยู่ทั้งหมด ทิ้งอดีตหัวหอกคนข่าวจากค่ายเนชั่น มาเริ่มต้นใหม่ในการเป็นอีกคนหนึ่งที่มีส่วนให้ทีวีสาธารณะเกิดขึ้นได้จริง และมีรากฐานมั่นคงแข็งแรง
ทั้งนี้หลังจากที่เข้ามาทำหน้าที่ทั้งคณะกรรมการนโยบายฯชั่วคราว และรักษาการผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะหรือ ไทยพีบีเอส ในช่วงแรกของการเริ่มต้นย่อมเจออุปสรรคต่างๆมากมาย แต่เพียงแค่ 6 เดือนที่ผ่านมา ดูแล้วอนาคตของไทยพีบีเอสสดใสขึ้น ดูจากถ้อยคำการให้สัมภาษณ์ของ ผู้ชายคนนี้ ได้ เพราะคำสัมภาษณ์ที่ออกมา มันมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของการเป็นส่วนหนึ่งขององค์การแห่งนี้
“5-6 เดือนที่ผ่านมา กับการเข้ามาบุกเบิกให้องค์การทีวีสาธารณะ ไทยพีบีเอส เกิดขึ้นให้ได้อย่างมั่นคงและแข็งแรงนั้น ถือเป็นการทำงานที่ท้าทายอย่างยิ่ง เพราะเป็นเรื่องใหม่ หลายฝ่ายยังไม่เข้าใจ โดยเฉพาะประชาชน ซึ่งตนเองมองว่า เป็นภารกิจที่สำคัญ กับการทำให้สื่อมีความเป็นกลาง มีเสรีภาพ ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่าล้มลุกคลุกคลานพอสมควร แต่โดยส่วนตัวผลที่ออกมาในขณะนี้ ส่วนตัวแล้วถือว่าอยู่ในขั้นพอใจ ผ่านพ้นเรื่องของความกดดันต่างๆ แน่นอนปัญหาจริงๆในตอนนี้แทบจะไม่มีแล้ว ตอนนี้ก็มุ่งเน้นในส่วนของการสะสางงานต่างๆมากกว่าโดยเฉพาะในเรื่องของการนำเสนอข่าว”
นายเทพชัย ได้ถ่ายทอดเรื่องราวในรั้วบ้านหลังใหม่นี้ ต่อว่า หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงเวลาที่เป็นปัญหามาโดยตลอดนั้น หลังจากนี้มองว่าสิ่งที่ทำ ต้องเร่งสะสางต่อไป คือ เรื่องของงาน ที่ต้องสะสางต่อ โดยเฉพาะในส่วนของข่าวที่นำเสนอออกไป รวมทั้งยังต้องหันมาสร้างความเข้าใจกับพนักงานภายในองค์กร เกี่ยวกับความเป็นทีวีสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ว่าทิศทางการทำงานจะต้องออกมาเป็นเช่นไร
“เพราะในความเป็นจริงแล้ว ผมหมดหน้าที่ในความเป็น คณะกรรมการนโยบายฯชั่วคราวลงแล้ว และในขณะนี้ทางคณะกรรมการสรรหากรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ซึ่งมีนายเดชอุดม ไกลฤทธิ์ เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา กรรมการนโยบายฯ ชุดนี้ ได้ประกาศบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการนโยบายฯทั้ง 9 ท่านออกมาแล้ว ดังนั้นในเวลานี้ ผมเหลือตำแหน่งที่ยังต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่ คือ รักษาการผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ ซึ่งจะหมดวาระลงในวันที่ 15 ก.ค. ที่จะถึงนี้ แต่กระบวนการสรรหาผู้อำนวยการคนใหม่ จะต้องใช้เวลาอีก 120 วัน หลังจากนั้น ส่งผลให้ผมยังคงรักษาการตำแหน่งนี้ต่อไปอีก 120 วัน แน่นอนว่า เวลาที่มีอยู่ ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
“ที่สำคัญผมอยากจะสานต่อเจตนารมณ์ของการเป็นองค์การสื่อสารมวลชนที่เป็นกลางอย่างแท้จริง ขององค์การทีวีสาธารณะแห่งนี้ ดังนั้นผมพร้อมที่จะลงสมัครคัดเลือกกับตำแหน่งผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ ที่จะเกิดขึ้น ในเดือนก.ค. ที่จะถึงนี้ด้วย” นายเทพชัยกล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา หลังจากที่เราได้เห็นการนำเสนอรายการต่างของ สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ จะพบว่า เนื้อหาที่นำเสนอจะมุ่งเน้นสาระที่ให้ประโยชน์กับผู้ชม ขณะเดียวกันในส่วนของรายการข่าว ก็เริ่มมีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าเฟืองสำคัญที่ทำให้การทำงานเหล่านี้ราบรื่นไปได้ คือ คนข่าวทีไอทีวีเดิม ซึ่งในช่วงแรกก็ถือว่าไทยพีบีเอส เป็นบ้านหลังใหม่ได้ แต่หลังจากที่ช่อง 11 ได้ปรับตัวเรื่องของรายการข่าว แน่นอนว่า การไหลออกของคนข่าวก็เกิดขึ้นในองค์การแห่งนี้ ซึ่งได้สร้างความกดดันครั้งสำคัญให้กับ “รักษาการผู้อำนวยการคนนี้” ได้มากเลยทีเดียว แต่สถานการณ์ครั้งนั้นก็ได้ผ่านพ้นไป รายการข่างของไทยพีบีเอสกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ยังคงนำเสนอข่าวสารที่เข้มข้นเช่นเดิม พร้อมๆกับสร้างคนข่าวขึ้นมาใหม่ไปพร้อมๆกัน
ส่วนภาคของประชาชน เพื่อให้สถานีโทรทัศน์แห่งนี้ เป็นทีวีสาธารณะอย่างแท้จริงนั้น การทำงานที่แตกต่างไปจากสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆคือ การออกไปพบประชาชน ทำประชาพิจารณ์ รับทราบข้อมูลต่างๆ ในการที่จะพัฒนามาสู่รายการต่างๆที่มีสาระประโชยชน์ในการนำเสนอต่อไป รวมถึงการทำให้แหล่งชุมชน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นทีวีสาธารณะ ก็จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้เช่นกัน
แน่นอนว่าบทบาทของทีวีสาธารณะ กำลังเริ่มกระจ่างชัดมากยิ่งขึ้น ประชาชนเริ่มตีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น การที่สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ จะเป็นความหวัง เป็นปากเป็นเสียงและเป็นที่พึ่งของประชาชน ดังที่ทีไอทีวีเคยทำได้มาแล้ว คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และแน่นอนมาตรฐานความเป็นสื่อสารมวลชน ที่มีความเป็นกลาง ในการนำเสนอข่าวสาร ที่หลายๆฝ่ายต้องการนั้น น่าจะสดใสเช่นเดียวกัน