ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.35 น. วานนี้ (6 มี.ค.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เชิญ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ประกอบด้วย พล.อ.วินัย ภัทธิยกุบ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.บุญสร้าง เนียยมประดิษฐ์ ผบ.สส. พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ชลิต พุกผาสุข ผอ.ทอ. พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. เข้าหารือที่ทำเนียบรัฐบาล เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาช่วงประจำปีในเดือนเมษายน โดยใช้เวลาหารือนานประมาณ 45 นาที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการเสนอรายชื่อโยกย้ายนายทหารครั้งนี้ส่วนใหญ่ยังต้องให้ปรับแก้ โดยให้ ผบ.เหล่าทัพพิจารณาให้เหมาะสม เพราะสำเนาท่ส่งมาก่อนหน้านี้ นายสมัคร ได้จัดส่งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วยพิจารณา ซึ่งรายชื่อส่วนใหญ่ที่ส่งมาได้รับการปรับแก้หลายตำแหน่ง ทั้งนี้ นายสมัคร ต้องการให้เหล่าทัพพิจารณาผู้ที่เคยถูกย้ายไม่เป็นธรรมในช่วง คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ซึ่ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ.และประธาน คมช.เป็นผู้จัดทำบัญชี โดยให้คืนความชอบธรรมในส่วนนี้หรือจัดให้เหมาะสมกับตำแหน่งในการทำงานด้วย
รายงานข่างแจ้งง่า ในส่วนกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ ได้เสนอให้ย้าย พล.อ. มนตรี ชมพูจันทร์ เสธ.ทบ.ออกจากตำแหน่ง โดยขอให้นายสมัคร เปิดตำแหน่งประธานที่ปรึกษา รมว.กห.(อัตราจอมพล)ที่พล.ร.อ. บรรณวิทย์ เก่งเรียน ถูกโยกจาก รองปลัดฯกลาโหม มาแล้วได้ลาออก ให้คงตำแหน่งดังกล่าวไว้เพื่อให้ พล.อ.มนตรี ไปลงในอัตราดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมา ผลการทำงานไม่เข้าตา พล.อ.อนุพงษ์ อีกทั้ง พล.อ.มนตรี เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 6 ที่ พล.อ. สนธิ เลือกเข้ามา ก่อนที่จะตัวเองจะเกษียณอายุราชการ โดยโยก พล.ท. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.12) ขึ้นมาเป็น เสธ.ทบ. เพื่อเป็นการตอบแทนที่ร่วมปฏิวัติ และในฐานะทหารเสือราชินี เพราะทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ และพล.ท.ประยุทธ์ ต่างก็เป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ทบ ที่ทหารเสือราชินีให้ความเคารพ ไว้วางใจ
ส่วนตำแหน่งอื่นที่มีการปรับย้าย ประกอบด้วย พล.ท. สุนัย สัมปัตตะวะนิช ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ(ผบ.นสศ.)(ตท.11)เด็ก พล.อ. สนธิ ข้ามห้วยสลับตำแหน่งกับ พล.ท.ภุชงค์ รัตนวรรณ จเรหาร บก.สส.(ตท.10) เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาเป็น ผบ.นสศ. พล.ต. ทวนชัย พันธุ์เพิ่มศิริ รองเจ้ากรมทหารช่าง (ตท.10)เป็นเจ้ากรมทหารช่าง พล.ท. กิตติทัศน์ บำเหน็จพันธุ์ ผอ.ททบ.5 เป็น เจ้ากรมการสื่อสารทหารบก (จก.สส.ทบ.) พล.ต. ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 1(ตท.12) เป็นแม่ทัพภาคที่ 1
ส่วนกระทรวงกลาโหม นายสมัคร ตั้งเพื่อน ตท.10 ของพ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นมาเป็นทีมฝ่ายเสนาธิการประกอบด้วย พล.อ.ท. สุเมธ์ โพธิ์มณี ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. เป็น หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม(อัตราพลเอก) พล.ต. พณฤท์ สุวรรณทัต อดีต ผบ.พล.1 รอ. ผู้ทรงคุณวุฒิ สป. - พล.ต. มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต. เรืองศักดิ์ ทองดี อดีต ผบ.พล.ปตอ. พล.อ.ต. พงษ์ธร บัวทรัพย์ อดีตเจ้ากรมสรรพาวุธทหารอากาศ เป็น ผช.หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำรมว.กลาโหม(อัตราพลโท)
“สมเจตน์”ถูกเด้งพ้นเก้าอี้ตามคาด
ส่วน พล.อ. สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กลาโหม อดีตหัวหน้าสำนักงาน คมช. (ตท.8)มือขวาพล.อ. วินัย ภัททิยกุล ถูกเด้งเข้าเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยโยก อดีต ประธาน ตท.10 พล.อ. อภิชัย ทรงศิลป์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สป. เป็น ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกลาโหม และโยก พล.อ. พรชัย กรานเลิศ อดีตผ ช.ผบ.ทบ.ที่ถูกวางตัวให้เป็น ผบ.ทบ.ในช่วง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ข้ามกับมาเป็น ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา แทน พล.อ. เหมรัฐ ขำนิล ผบ.หน่วยทหารพัฒนา(ตท.9)เด็ก พล.อ. บุญรอด สมทัศน์ อดีตรมว.กลาโหม ที่ถูกโยกเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ บก.สส. พร้อมกับเปลี่ยนตำแหน่ง ผบ.ศูนย์รักษาความปลอดภัย(ศรภ.)โดยเด้ง พล.ท. ชวลิต จารุจินดา ผบ.ศรภ.เด็ก พล.อ. วินัย เข้ากรุ แล้วดัน พล.ต. ประดิษฐ์ชัย บุญรักษ์ รองผบ.ศรภ.(ตท.13)ขึ้นแทน
“ชลิต”แข็งไม่ให้ “สุกำพล”นั่งผู้ช่วย
กองทัพอากาศ มีความพยายามโยก พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต อดีต ผช.ผบ.ทอ.ปัจจุบันเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ.ซึ่งมีความขัดแย้งกับ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. ลงในตำแหน่ง ผช.ผบ.ทอ.ที่ว่างลง เนื่องจาก พล.อ.อ.อาคม กาญจนริหัญ ผช.ผบ.ทอ.ได้ลาออกไปเป็น สมาชิกวุฒิสภา แต่ พล.อ.อ.ชลิต ยืนกรานไม่ยอมที่จะให้ตำแหน่งดังกล่าวกับ พล.อ.อ.สุกำพล แต่รับปากพร้อมที่จะให้ตำแหน่งดังกล่าวกับ ตท.10 แต่ต้องไม่ใช่ พล.อ.อ.สุกำพล ดังนั้นนายสมัคร จึงหาทางออกด้วยให้ พล.อ.อ. พุฑฒิ มังคละพฤกษ์ ผบ.ยุทธทางอากาศ (ตท.9) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นมงฟอร์ตกับ พ.ต.ท. ทักษิณ เข้ามาเสียบแทน และได้โยก พล.อ.อ. คณาพันธุ์ สงวนสัตย์ ผบ.สนับสนุนทหารอากาศ(ตท.8) มาเป็น ผบ.ยุทธทางอากาศ แทน และ มอบตำแหน่ง ผบ.สนับสนุนทหารอากาศให้กับ พล.อ.อ. พิพิธพร กลิ่นเฟื่อง รอง ผบ.ฝึกศึกษาทหารอากาศ(ตท.10) เป็น ผบ.สนับสนุนทหารอากาศ
“อนุพงษ์”ยันไม่ปรับ5เสือทบ.
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวภายหลังการหารือว่า ในส่วนของกองทัพบก ไม่ได้ปรับย้ายมากนัก เป็นเพียงการปรับในตำแหน่งหลักๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่คงต้องรอให้มีคำสั่งออกมาเป็นทางการ โดยในการหารือนายกรัฐมนตรีได้สอบถามว่าการปรับเปลี่ยนตำแหน่งครั้งนี้ ทำตามหลักเกณฑ์อะไร และมีเหตุผลอย่างไร ซึ่งได้ชี้แจงไป ทุกอย่างเรียบร้อยดี
ส่วนที่มีกระแสข่าวจะปรับเปลี่ยนเอาเตรียมทหารรุ่น 10 ( ตท.10 ) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณขึ้นมานั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การโยกย้ายไม่ได้พิจารณาเรื่องรุ่น แต่ดูตามหลักการ ว่า ตำแหน่งใดต้องหมุนเวียนปรับเปลี่ยนกำลังพลในช่วงเดือนเม.ย. และดูตามสัดส่วน ขอให้รอดูประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการหารือเรื่องความโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้หยิบยกเป็นรายคนว่า การปรับเปลี่ยนเป็นธรรมหรือไม่ แต่ดูโดยภาพรวม อย่างไรก็ตามไม่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง 5 เสือ ทบ.
ผบ.ทบ.โนคอมเมนต์เรื่องพันธมิตรฯ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาระบุถึงการปรับเปลี่ยนข้าราชการของรัฐบาลสมัคร 1 จะก่อให้เกิดกลียุคว่า ไม่มีความเห็น เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามซักต่อว่า รัฐบาลพยายามที่จะฟอกตัว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นความผิดในคดีความต่าง ๆ พล.อ.อนุพงษ์ ถึงกับหันมาหาผู้สื่อข่าว พร้อมกับพูดออกมาว่า ไม่มีความเห็น หลังจากนั้น
ผู้สื่อข่าวก็ตามพยายามถามต่อว่า หากกลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาเคลื่อนไหว เกรงหรือไม่ว่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีความเห็น จากนั้นก็เดินขึ้นเครื่องไปทันที
เผยโผทหารเสร็จแล้ว90%
ด้านพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ กล่าวว่าการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี เป็นการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการปรับย้ายนายทหารตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม เป็นการประชุมเป็นทางการครั้งแรก ซึ่งบัญชีรายชื่อ จากหน่วยต่างๆ ทำมาแล้วเข้าที่ประชุม ซึ่งเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งตำแหน่งการปรับย้ายมีปานกลาง เพราะปกติกลางปีจะไม่ปรับย้ายอะไรมาก ทำเท่าที่จำเป็น ทั้งนี้ ทุกตำแหน่งในการปรับย้ายมีความสำคัญเท่ากันหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการพูดถึงความเหมาะสมในการปรับย้ายหรือไม่ ผบ.สส. กล่าวว่า ทุกคนมีบัญชีรายชื่อของทุกหน่วย และจากการพิจารณาก็เรียบร้อยดี ไม่มีการทักท้วงหรือซักค้านเรื่องใด และปรับเปลี่ยนอะไร เรียบร้อยดีทุกราย และเมื่อถึงเวลาจะส่งบัญชีรายชื่อก็ไม่มีการเปลี่ยนแล้ว เพราะต้องอยู่ในการพิจารณา ของคณะกรรมการ ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการปรับเปลี่ยน ขณะนี้เรียบร้อยกว่า 90 % ์แล้ว แต่เจ้าหน้าที่จะนำรายชื่อไปตรวจสอบความถูกผิดอีกครั้ง เพื่อให้ครบถ้วน 100 % และต้องส่งให้ รมว.กลาโหมอีกครั้งก่อนวันที่ 15 มีนาคมนี้ ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนที่นายสมัคร ระบุว่าจะให้ความเป็นธรรมกับนายทหารที่ไม่ได้รับความ เป็นธรรมโดยเฉพาะตท.10 พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าคณะกรรมการชุดนี้จะมาไล่ดูที่ละตำแหน่ง แต่ละหน่วยทำมาแล้วส่งให้ส่วนรวมพิจารณา แล้วส่วนรวมจะดูว่ามีอะไรขัดหูขัดตาไม่เรียบร้อยบ้าง แต่ที่ดูก็เรียบร้อยดี ไม่ได้พิจารณาเป็นแพ็คเก็จ เราดูว่าตำแหน่งที่ว่างมีใครเหมาะสมไม่คำนึงว่าใครเป็นพวกไหนรุ่นไหน
ทหารถกสถานการณ์หลังพันธมิตรฯเคลื่อน
วันเดียวกัน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ได้เรียกประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพนัดพิเศษ เพื่อนำนโยบายของ นายสมัคร สุนทรเวช ที่ให้ไว้ในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลกระทรวงกลาโหม มาพิจารณา นอกจากนั้น ยังจะได้มีการหารือถึงสถานการณ์ทั่วไปที่เกี่ยวเนื่องกับความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานการณ์หลังจากที่ กลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตย มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาหลังจาก คมช.ได้ยุติบทบาทลง ก็ไม่ได้มีการหารือกันถึงสถานการณ์ทั่วไปเลย
พล.อ.บุญสร้างให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯประกาศว่าบ้านเมืองกำลังเข้าสู่กลียุคว่า คนไทยต้องใช้ปัญญา ไม่ใช่ฟังคนโน้นคนนี้แล้วตื่นเต้น มาตื่นเต้นกับหน้าที่การงานดีกว่า ใช้เวลาความคิดจิตใจอยู่กับงาน คิดเรื่องอื่นน้อยหน่อย ส่วนการที่พันธมิตรฯออกมาจะวุ่นวายหรือไม่ อยู่ที่คนไทย หากคนไทยมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
“เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของนักการเมือง แต่ประชาชนทุกคนต้องมีความสนใจ การเมือง ต้องไปเลือกตั้งและสามารถเลือกคนดีเข้าสภาฯได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนเป็นตัวเล่นการเมืองไปหมด เพราะคงวุ่นวายและไม่มีใครทำหน้าที่ตัวเอง บ้านเมืองจะแย่ไปเรื่อย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นห่วงอะไรหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ห่วงคนไทยจะตื่นเต้นกับคำพูดต่างๆของใคร แทนที่จะทำงานของเราให้ดี ส่วนกระแสข่าวว่า พันธมิตรฯระบุว่ารัฐบาลอาจปฏิวัติตัวเองเพื่อล้มคำสั่ง คมช. พล.อ.บุญสร้าง ย้อนถามว่า ใช้อะไรปฏิวัติ ไม่มีอะไรทุกคนอยากให้บ้านเมืองเจริญ เมื่อถามว่า หากรัฐบาลขอให้ทหารปฏิวัติ พล.อ.บุญสร้าง หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ถ้าไม่ตอบปัญหาก็จะนำเป็นเงื่อนไขทำอย่างนั้นอย่างนี้ ขอสำคัญคือเขาไม่มาขอหรอก ยังไม่เห็นมีวี่แววว่าจะทำอะไรทำนองนั้น อย่าไปกังวล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.เหล่าทัพยุคนี้จะมีการปฏิวัติอีกหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ทุกคนอยากให้ประเทศเจริญ การปฏิวัติก็มีข้อเสียที่เราเห็นเป็นบทเรียนกันอยู่แล้ว ปีกว่าที่ผ่านมาทุกคนได้บทเรียนกันมากมาย ขอให้ใช้บทเรียนเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์ บทเรียนที่ดีก็นำไปทำให้ดียิ่งขึ้น อะไรไม่ดีอย่าไปทำ หากเราคิดฟุ้งซ่านบ้านเมืองแย่ ทำอะไรต้องตรงไปตรงมา ทำงานให้ดี มองโลกแง่ดี ช่วยกันสร้างสรรค์ หากทุกคนเป็นเช่นนี้ สิ่งไม่ดีเกิดไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการเสนอรายชื่อโยกย้ายนายทหารครั้งนี้ส่วนใหญ่ยังต้องให้ปรับแก้ โดยให้ ผบ.เหล่าทัพพิจารณาให้เหมาะสม เพราะสำเนาท่ส่งมาก่อนหน้านี้ นายสมัคร ได้จัดส่งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วยพิจารณา ซึ่งรายชื่อส่วนใหญ่ที่ส่งมาได้รับการปรับแก้หลายตำแหน่ง ทั้งนี้ นายสมัคร ต้องการให้เหล่าทัพพิจารณาผู้ที่เคยถูกย้ายไม่เป็นธรรมในช่วง คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ซึ่ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ.และประธาน คมช.เป็นผู้จัดทำบัญชี โดยให้คืนความชอบธรรมในส่วนนี้หรือจัดให้เหมาะสมกับตำแหน่งในการทำงานด้วย
รายงานข่างแจ้งง่า ในส่วนกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ ได้เสนอให้ย้าย พล.อ. มนตรี ชมพูจันทร์ เสธ.ทบ.ออกจากตำแหน่ง โดยขอให้นายสมัคร เปิดตำแหน่งประธานที่ปรึกษา รมว.กห.(อัตราจอมพล)ที่พล.ร.อ. บรรณวิทย์ เก่งเรียน ถูกโยกจาก รองปลัดฯกลาโหม มาแล้วได้ลาออก ให้คงตำแหน่งดังกล่าวไว้เพื่อให้ พล.อ.มนตรี ไปลงในอัตราดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมา ผลการทำงานไม่เข้าตา พล.อ.อนุพงษ์ อีกทั้ง พล.อ.มนตรี เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 6 ที่ พล.อ. สนธิ เลือกเข้ามา ก่อนที่จะตัวเองจะเกษียณอายุราชการ โดยโยก พล.ท. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.12) ขึ้นมาเป็น เสธ.ทบ. เพื่อเป็นการตอบแทนที่ร่วมปฏิวัติ และในฐานะทหารเสือราชินี เพราะทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ และพล.ท.ประยุทธ์ ต่างก็เป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ทบ ที่ทหารเสือราชินีให้ความเคารพ ไว้วางใจ
ส่วนตำแหน่งอื่นที่มีการปรับย้าย ประกอบด้วย พล.ท. สุนัย สัมปัตตะวะนิช ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ(ผบ.นสศ.)(ตท.11)เด็ก พล.อ. สนธิ ข้ามห้วยสลับตำแหน่งกับ พล.ท.ภุชงค์ รัตนวรรณ จเรหาร บก.สส.(ตท.10) เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาเป็น ผบ.นสศ. พล.ต. ทวนชัย พันธุ์เพิ่มศิริ รองเจ้ากรมทหารช่าง (ตท.10)เป็นเจ้ากรมทหารช่าง พล.ท. กิตติทัศน์ บำเหน็จพันธุ์ ผอ.ททบ.5 เป็น เจ้ากรมการสื่อสารทหารบก (จก.สส.ทบ.) พล.ต. ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 1(ตท.12) เป็นแม่ทัพภาคที่ 1
ส่วนกระทรวงกลาโหม นายสมัคร ตั้งเพื่อน ตท.10 ของพ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นมาเป็นทีมฝ่ายเสนาธิการประกอบด้วย พล.อ.ท. สุเมธ์ โพธิ์มณี ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. เป็น หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม(อัตราพลเอก) พล.ต. พณฤท์ สุวรรณทัต อดีต ผบ.พล.1 รอ. ผู้ทรงคุณวุฒิ สป. - พล.ต. มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต. เรืองศักดิ์ ทองดี อดีต ผบ.พล.ปตอ. พล.อ.ต. พงษ์ธร บัวทรัพย์ อดีตเจ้ากรมสรรพาวุธทหารอากาศ เป็น ผช.หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำรมว.กลาโหม(อัตราพลโท)
“สมเจตน์”ถูกเด้งพ้นเก้าอี้ตามคาด
ส่วน พล.อ. สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กลาโหม อดีตหัวหน้าสำนักงาน คมช. (ตท.8)มือขวาพล.อ. วินัย ภัททิยกุล ถูกเด้งเข้าเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยโยก อดีต ประธาน ตท.10 พล.อ. อภิชัย ทรงศิลป์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สป. เป็น ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกลาโหม และโยก พล.อ. พรชัย กรานเลิศ อดีตผ ช.ผบ.ทบ.ที่ถูกวางตัวให้เป็น ผบ.ทบ.ในช่วง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ข้ามกับมาเป็น ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา แทน พล.อ. เหมรัฐ ขำนิล ผบ.หน่วยทหารพัฒนา(ตท.9)เด็ก พล.อ. บุญรอด สมทัศน์ อดีตรมว.กลาโหม ที่ถูกโยกเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ บก.สส. พร้อมกับเปลี่ยนตำแหน่ง ผบ.ศูนย์รักษาความปลอดภัย(ศรภ.)โดยเด้ง พล.ท. ชวลิต จารุจินดา ผบ.ศรภ.เด็ก พล.อ. วินัย เข้ากรุ แล้วดัน พล.ต. ประดิษฐ์ชัย บุญรักษ์ รองผบ.ศรภ.(ตท.13)ขึ้นแทน
“ชลิต”แข็งไม่ให้ “สุกำพล”นั่งผู้ช่วย
กองทัพอากาศ มีความพยายามโยก พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต อดีต ผช.ผบ.ทอ.ปัจจุบันเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ.ซึ่งมีความขัดแย้งกับ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. ลงในตำแหน่ง ผช.ผบ.ทอ.ที่ว่างลง เนื่องจาก พล.อ.อ.อาคม กาญจนริหัญ ผช.ผบ.ทอ.ได้ลาออกไปเป็น สมาชิกวุฒิสภา แต่ พล.อ.อ.ชลิต ยืนกรานไม่ยอมที่จะให้ตำแหน่งดังกล่าวกับ พล.อ.อ.สุกำพล แต่รับปากพร้อมที่จะให้ตำแหน่งดังกล่าวกับ ตท.10 แต่ต้องไม่ใช่ พล.อ.อ.สุกำพล ดังนั้นนายสมัคร จึงหาทางออกด้วยให้ พล.อ.อ. พุฑฒิ มังคละพฤกษ์ ผบ.ยุทธทางอากาศ (ตท.9) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นมงฟอร์ตกับ พ.ต.ท. ทักษิณ เข้ามาเสียบแทน และได้โยก พล.อ.อ. คณาพันธุ์ สงวนสัตย์ ผบ.สนับสนุนทหารอากาศ(ตท.8) มาเป็น ผบ.ยุทธทางอากาศ แทน และ มอบตำแหน่ง ผบ.สนับสนุนทหารอากาศให้กับ พล.อ.อ. พิพิธพร กลิ่นเฟื่อง รอง ผบ.ฝึกศึกษาทหารอากาศ(ตท.10) เป็น ผบ.สนับสนุนทหารอากาศ
“อนุพงษ์”ยันไม่ปรับ5เสือทบ.
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวภายหลังการหารือว่า ในส่วนของกองทัพบก ไม่ได้ปรับย้ายมากนัก เป็นเพียงการปรับในตำแหน่งหลักๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่คงต้องรอให้มีคำสั่งออกมาเป็นทางการ โดยในการหารือนายกรัฐมนตรีได้สอบถามว่าการปรับเปลี่ยนตำแหน่งครั้งนี้ ทำตามหลักเกณฑ์อะไร และมีเหตุผลอย่างไร ซึ่งได้ชี้แจงไป ทุกอย่างเรียบร้อยดี
ส่วนที่มีกระแสข่าวจะปรับเปลี่ยนเอาเตรียมทหารรุ่น 10 ( ตท.10 ) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณขึ้นมานั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การโยกย้ายไม่ได้พิจารณาเรื่องรุ่น แต่ดูตามหลักการ ว่า ตำแหน่งใดต้องหมุนเวียนปรับเปลี่ยนกำลังพลในช่วงเดือนเม.ย. และดูตามสัดส่วน ขอให้รอดูประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการหารือเรื่องความโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้หยิบยกเป็นรายคนว่า การปรับเปลี่ยนเป็นธรรมหรือไม่ แต่ดูโดยภาพรวม อย่างไรก็ตามไม่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง 5 เสือ ทบ.
ผบ.ทบ.โนคอมเมนต์เรื่องพันธมิตรฯ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาระบุถึงการปรับเปลี่ยนข้าราชการของรัฐบาลสมัคร 1 จะก่อให้เกิดกลียุคว่า ไม่มีความเห็น เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามซักต่อว่า รัฐบาลพยายามที่จะฟอกตัว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นความผิดในคดีความต่าง ๆ พล.อ.อนุพงษ์ ถึงกับหันมาหาผู้สื่อข่าว พร้อมกับพูดออกมาว่า ไม่มีความเห็น หลังจากนั้น
ผู้สื่อข่าวก็ตามพยายามถามต่อว่า หากกลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาเคลื่อนไหว เกรงหรือไม่ว่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีความเห็น จากนั้นก็เดินขึ้นเครื่องไปทันที
เผยโผทหารเสร็จแล้ว90%
ด้านพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ กล่าวว่าการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี เป็นการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการปรับย้ายนายทหารตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม เป็นการประชุมเป็นทางการครั้งแรก ซึ่งบัญชีรายชื่อ จากหน่วยต่างๆ ทำมาแล้วเข้าที่ประชุม ซึ่งเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งตำแหน่งการปรับย้ายมีปานกลาง เพราะปกติกลางปีจะไม่ปรับย้ายอะไรมาก ทำเท่าที่จำเป็น ทั้งนี้ ทุกตำแหน่งในการปรับย้ายมีความสำคัญเท่ากันหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการพูดถึงความเหมาะสมในการปรับย้ายหรือไม่ ผบ.สส. กล่าวว่า ทุกคนมีบัญชีรายชื่อของทุกหน่วย และจากการพิจารณาก็เรียบร้อยดี ไม่มีการทักท้วงหรือซักค้านเรื่องใด และปรับเปลี่ยนอะไร เรียบร้อยดีทุกราย และเมื่อถึงเวลาจะส่งบัญชีรายชื่อก็ไม่มีการเปลี่ยนแล้ว เพราะต้องอยู่ในการพิจารณา ของคณะกรรมการ ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการปรับเปลี่ยน ขณะนี้เรียบร้อยกว่า 90 % ์แล้ว แต่เจ้าหน้าที่จะนำรายชื่อไปตรวจสอบความถูกผิดอีกครั้ง เพื่อให้ครบถ้วน 100 % และต้องส่งให้ รมว.กลาโหมอีกครั้งก่อนวันที่ 15 มีนาคมนี้ ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนที่นายสมัคร ระบุว่าจะให้ความเป็นธรรมกับนายทหารที่ไม่ได้รับความ เป็นธรรมโดยเฉพาะตท.10 พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าคณะกรรมการชุดนี้จะมาไล่ดูที่ละตำแหน่ง แต่ละหน่วยทำมาแล้วส่งให้ส่วนรวมพิจารณา แล้วส่วนรวมจะดูว่ามีอะไรขัดหูขัดตาไม่เรียบร้อยบ้าง แต่ที่ดูก็เรียบร้อยดี ไม่ได้พิจารณาเป็นแพ็คเก็จ เราดูว่าตำแหน่งที่ว่างมีใครเหมาะสมไม่คำนึงว่าใครเป็นพวกไหนรุ่นไหน
ทหารถกสถานการณ์หลังพันธมิตรฯเคลื่อน
วันเดียวกัน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ได้เรียกประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพนัดพิเศษ เพื่อนำนโยบายของ นายสมัคร สุนทรเวช ที่ให้ไว้ในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลกระทรวงกลาโหม มาพิจารณา นอกจากนั้น ยังจะได้มีการหารือถึงสถานการณ์ทั่วไปที่เกี่ยวเนื่องกับความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานการณ์หลังจากที่ กลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตย มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาหลังจาก คมช.ได้ยุติบทบาทลง ก็ไม่ได้มีการหารือกันถึงสถานการณ์ทั่วไปเลย
พล.อ.บุญสร้างให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯประกาศว่าบ้านเมืองกำลังเข้าสู่กลียุคว่า คนไทยต้องใช้ปัญญา ไม่ใช่ฟังคนโน้นคนนี้แล้วตื่นเต้น มาตื่นเต้นกับหน้าที่การงานดีกว่า ใช้เวลาความคิดจิตใจอยู่กับงาน คิดเรื่องอื่นน้อยหน่อย ส่วนการที่พันธมิตรฯออกมาจะวุ่นวายหรือไม่ อยู่ที่คนไทย หากคนไทยมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
“เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของนักการเมือง แต่ประชาชนทุกคนต้องมีความสนใจ การเมือง ต้องไปเลือกตั้งและสามารถเลือกคนดีเข้าสภาฯได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนเป็นตัวเล่นการเมืองไปหมด เพราะคงวุ่นวายและไม่มีใครทำหน้าที่ตัวเอง บ้านเมืองจะแย่ไปเรื่อย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นห่วงอะไรหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ห่วงคนไทยจะตื่นเต้นกับคำพูดต่างๆของใคร แทนที่จะทำงานของเราให้ดี ส่วนกระแสข่าวว่า พันธมิตรฯระบุว่ารัฐบาลอาจปฏิวัติตัวเองเพื่อล้มคำสั่ง คมช. พล.อ.บุญสร้าง ย้อนถามว่า ใช้อะไรปฏิวัติ ไม่มีอะไรทุกคนอยากให้บ้านเมืองเจริญ เมื่อถามว่า หากรัฐบาลขอให้ทหารปฏิวัติ พล.อ.บุญสร้าง หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ถ้าไม่ตอบปัญหาก็จะนำเป็นเงื่อนไขทำอย่างนั้นอย่างนี้ ขอสำคัญคือเขาไม่มาขอหรอก ยังไม่เห็นมีวี่แววว่าจะทำอะไรทำนองนั้น อย่าไปกังวล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.เหล่าทัพยุคนี้จะมีการปฏิวัติอีกหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ทุกคนอยากให้ประเทศเจริญ การปฏิวัติก็มีข้อเสียที่เราเห็นเป็นบทเรียนกันอยู่แล้ว ปีกว่าที่ผ่านมาทุกคนได้บทเรียนกันมากมาย ขอให้ใช้บทเรียนเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์ บทเรียนที่ดีก็นำไปทำให้ดียิ่งขึ้น อะไรไม่ดีอย่าไปทำ หากเราคิดฟุ้งซ่านบ้านเมืองแย่ ทำอะไรต้องตรงไปตรงมา ทำงานให้ดี มองโลกแง่ดี ช่วยกันสร้างสรรค์ หากทุกคนเป็นเช่นนี้ สิ่งไม่ดีเกิดไม่ได้
