ผู้จัดการรายวัน - บอร์ด ขสมก.เดินหน้าโครงการเช่ารถเอ็นจีวี 4,000 คัน ตั้งคณะอนุกรรมการ 3 ชุด ร่างทีโออาร์-เปิดประมูล "ปิยะพันธ์"ยันไม่มีการล็อกสเปกเอื้อประโยชน์กลุ่มการเมืองตามกระแสแน่ ลั่นเปิดประชาพิจารณ์จนกว่าจะไม่มีคำครหา
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยภายหลังการประชุมวานนี้ (15 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งอนุกรรมการขึ้น 3 ชุด เพื่อพิจารณาสมบัติผู้ประกอบที่เข้าร่วมประมูลโครงการเช่ารถปรับอากาศใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงจำนวน 4,000 คันของขสมก.ซึ่งคณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบโครงการแล้ว โดยประกอบด้วย 1. คณะกรรมการ พิจารณาร่างทีโออาร์ มีนายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นประธาน 2.คณะกรรมการประกวดราคา โดยจะกรมบัญชีกลางเป็นผู้พิจารณา ประธานคณะกรรมการชุดนี้
โดยตามระเบียบกระทรวงการคลังระบุว่า จะต้องเป็นหัวหน้าองค์กรนั้นเป็นประธาน เนื่องจากมีมูลค่าการลงทุนเกิน 3,000 ล้านบาท และ 3. คณะกรรมการตรวจรับ โดยแต่งตั้งพล.อ.รังสาทย์ แช่มเชื้อ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกลาโหม สำนักงบประมาณ เป็นประธาน
นายปิยะพันธ์ยืนยันว่า การจัดทำร่างทีโออาร์โครงการเช่ารถปรับอากาศเอ็นจีวีจำนวน 4,000 คัน ของขสมก.ครั้งนี้ จะไม่มีการทำในลักษณะล็อกสเปค เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนักการเมืองตามที่มีการตั้งข้อสังเกตุกันไว้อย่างแน่นอน อย่างแน่นอน เนื่องจากการตั้งคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้น จะประกอบด้วยบุคคลที่มีความรู้ เช่น เป็ฯบุคคลที่มีความรู้ ความชำนาญ เกี่ยวกับระบบเครื่องยนต์ ระบบไอที นอกจากนี้ทีโออาร์จะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการทำประชาพิจารณ์อย่างเต็มที่ จนกว่าจะไม่มีใครออกมาท้วงติงถึงความไม่โปร่งใสในการกำหนดที่โออาร์
"ที่ประชุมยังไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินการโครงการประมูลแต่อย่างใด ซึ่งการพิจารณาดังกล่าวจะต้องนำเสนอรายละเอียดต่อที่ประชุมบอร์ดพิจารณาอีกครั้ง โดยการจัดทำร่างทีโออาร์โครงการดังกล่าวจะต้องทำมีการทำในลักษณะประชาพิจารณ์เพื่อเปิดให้มีการให้ความเห็นได้"
นายปิยะพันธ์กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการกลั่นกรองพิเศษ ที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รักษาการ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ปรับลดจำนวนรถเอ็นจีวีที่จะเช่าจาก 6,000 คัน เหลือ 4,000 คันและเสนอให้นำรถเมล์ปรับอากาศของ ขสมก.ที่มีอยู่เดิม จำนวน 1,800 คันเพื่อมาเป็นรถเสริมนั้น บอร์ดได้มอบหมายให้นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นผู้หาหน่วยงานภายนอกเพื่อตรวจสอบสภาพรถ 1,800 คันว่า มีรถที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เท่าใด เนื่องจากรถส่วนใหญ่มีอายุการใช้ 8- 10 ปี และลักษณะของรถส่วนใหญ่มีประตูกลางประตูเดียว จึงเกรงว่าอาจจะไม่เหมาะในการติดตั้งระบบ E- Ticket หรือไม่
สำหรับโครงการเช่ารถปรับอากาศใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง จำนวน 4,000 คันของขสมก. คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบโครงการเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยกำหนดอายุการเช่าเป็นเวลา 10 ปี วงเงิน 62,598 ล้านบาท ซึ่งมีการปรับลดจากที่ขสมก.ได้นำเสนอการจัดเช่าเดิม 6,000 คัน ในอัตราค่าเช่า 5,100 บาท/วัน/คัน เป็นเวลา 10 ปี วงเงิน 111,690 ล้านบาท.
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยภายหลังการประชุมวานนี้ (15 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งอนุกรรมการขึ้น 3 ชุด เพื่อพิจารณาสมบัติผู้ประกอบที่เข้าร่วมประมูลโครงการเช่ารถปรับอากาศใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงจำนวน 4,000 คันของขสมก.ซึ่งคณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบโครงการแล้ว โดยประกอบด้วย 1. คณะกรรมการ พิจารณาร่างทีโออาร์ มีนายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นประธาน 2.คณะกรรมการประกวดราคา โดยจะกรมบัญชีกลางเป็นผู้พิจารณา ประธานคณะกรรมการชุดนี้
โดยตามระเบียบกระทรวงการคลังระบุว่า จะต้องเป็นหัวหน้าองค์กรนั้นเป็นประธาน เนื่องจากมีมูลค่าการลงทุนเกิน 3,000 ล้านบาท และ 3. คณะกรรมการตรวจรับ โดยแต่งตั้งพล.อ.รังสาทย์ แช่มเชื้อ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกลาโหม สำนักงบประมาณ เป็นประธาน
นายปิยะพันธ์ยืนยันว่า การจัดทำร่างทีโออาร์โครงการเช่ารถปรับอากาศเอ็นจีวีจำนวน 4,000 คัน ของขสมก.ครั้งนี้ จะไม่มีการทำในลักษณะล็อกสเปค เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนักการเมืองตามที่มีการตั้งข้อสังเกตุกันไว้อย่างแน่นอน อย่างแน่นอน เนื่องจากการตั้งคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้น จะประกอบด้วยบุคคลที่มีความรู้ เช่น เป็ฯบุคคลที่มีความรู้ ความชำนาญ เกี่ยวกับระบบเครื่องยนต์ ระบบไอที นอกจากนี้ทีโออาร์จะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการทำประชาพิจารณ์อย่างเต็มที่ จนกว่าจะไม่มีใครออกมาท้วงติงถึงความไม่โปร่งใสในการกำหนดที่โออาร์
"ที่ประชุมยังไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินการโครงการประมูลแต่อย่างใด ซึ่งการพิจารณาดังกล่าวจะต้องนำเสนอรายละเอียดต่อที่ประชุมบอร์ดพิจารณาอีกครั้ง โดยการจัดทำร่างทีโออาร์โครงการดังกล่าวจะต้องทำมีการทำในลักษณะประชาพิจารณ์เพื่อเปิดให้มีการให้ความเห็นได้"
นายปิยะพันธ์กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการกลั่นกรองพิเศษ ที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รักษาการ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ปรับลดจำนวนรถเอ็นจีวีที่จะเช่าจาก 6,000 คัน เหลือ 4,000 คันและเสนอให้นำรถเมล์ปรับอากาศของ ขสมก.ที่มีอยู่เดิม จำนวน 1,800 คันเพื่อมาเป็นรถเสริมนั้น บอร์ดได้มอบหมายให้นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นผู้หาหน่วยงานภายนอกเพื่อตรวจสอบสภาพรถ 1,800 คันว่า มีรถที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เท่าใด เนื่องจากรถส่วนใหญ่มีอายุการใช้ 8- 10 ปี และลักษณะของรถส่วนใหญ่มีประตูกลางประตูเดียว จึงเกรงว่าอาจจะไม่เหมาะในการติดตั้งระบบ E- Ticket หรือไม่
สำหรับโครงการเช่ารถปรับอากาศใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง จำนวน 4,000 คันของขสมก. คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบโครงการเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยกำหนดอายุการเช่าเป็นเวลา 10 ปี วงเงิน 62,598 ล้านบาท ซึ่งมีการปรับลดจากที่ขสมก.ได้นำเสนอการจัดเช่าเดิม 6,000 คัน ในอัตราค่าเช่า 5,100 บาท/วัน/คัน เป็นเวลา 10 ปี วงเงิน 111,690 ล้านบาท.
