xs
xsm
sm
md
lg

งบกลาโหมจีนกระฉูด ซามูไรวางดาบไม่ลง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอพี – พญามังกรติดกลุ่มชาติ ซึ่งมีงบประมาณกลาโหมโตเร็วที่สุดในโลก กระทั่งญี่ปุ่นเรียกร้องให้จีนตรงไปตรงมา ทว่าการทุ่มเงินเสริมเขี้ยวเล็บของจีนยังถือว่าจิ๊บจ๊อย เมื่อเทียบกับพญาอินทรีอย่างสหรัฐฯ

จากรายงานของนักวิเคราะห์ของเจนส์ อินฟอร์เมชั่น กรุ๊ป (Jane’s Information Group) ระบุว่า ปัจจุบัน จีนมีการจัดสรรงบประมาณด้านกลาโหมมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก โดยมีจำนวนสูงถึง 58,000 ล้านดอลลาร์ในปี2551 และงบประมาณกลาโหมของจีนจะพุ่งสูงถึง 360,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2563

อย่างไรก็ตาม จีนยังไม่อาจเทียบชั้นกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดอาวุธยุทโธปกรณ์แหล่งใหญ่ที่สุดบนพื้นพิภพ โดยงบประมาณกลาโหมสหรัฐฯ ในแต่ละปีสูงเกือบ 700,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าอังกฤษเกือบ 9 เท่า ทั้งที่ชาติผู้ดีจัดสรรงบประมาณกลาโหมมากเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐฯ อันดับ 3 ฝรั่งเศส อันดับ 5 ญี่ปุ่น

รายงานยังระบุด้วยว่า รัสเซียและอินเดียเป็นอีก 2 ชาติ ที่มีงบประมาณกลาโหมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุด โดยรัสเซียติดอันดับ 8 ในโลกด้วยงบรายจ่ายด้านการป้องกันประเทศสูงเกือบ 36,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ส่วนอินเดียติดอันดับที่ 11 ด้วยงบกลาโหมกว่า 27,000 ล้านดอลลาร์

แต่เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างจีน,รัสเซียและอินเดียแล้ว การเติบโตของงบประมาณกลาโหมจีนนั้น “ ยาวนานและยั่งยืนที่สุด” แม็ตต์ สมิท นักวิเคราะห์เศรษฐกิจด้านการป้องกันประเทศของเจนส์กล่าว

นอกจากนั้น พญามังกรยังน่าจะผงาดขึ้นเป็นชาติผู้ส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์รายใหญ่ เนื่องจากมีปัจจัยเหมาะสมหลายประการได้แก่การพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว, ต้นทุนการผลิตต่ำ และความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์การเมือง จึงดึงดูดใจผู้ซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาติในแอฟริกา

“ จีนมีผลประโยชน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีหลักฐานพิสูจน์ในแหล่งทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ในแอฟริกา และยังพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอย่างแข็งขัน” รายงานระบุ

“การขนส่งอาวุธไปยังซูดานและซิมบั๊บเว่เมื่อเร็ว ๆนี้ ยังแสดงให้เห็นว่าจีนมีเจตนาชัดเจนที่จะทำธุรกิจกับรัฐบาลชาติต่าง ๆ ซึ่งผู้ผลิตอาวุธรายอื่นจะไม่ค้าขายด้วย”

ซามูไรไม่วางใจแสนยานุภาพพญามังกร

ญี่ปุ่นยังคงเฝ้าระวังการเติบโตด้านการทหารของจีน รวมถึงเรื่องที่จีนได้พัฒนาอาวุธเลเซอร์ทำลายดาวเทียม อันเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการทหารในอวกาศ

อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นลดความหวาดวิตกลงเกี่ยวกับจุดยืนของจีนต่อไต้หวัน ดังที่ปรากฏในรายงานการพิจารณาทบทวนด้านการป้องกันประเทศประจำปี 2551 ซึ่งได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาลญี่ปุ่น

ในรายงานได้เรียกร้องอีกครั้งให้จีนจัดสรรงบประมาณกลาโหมอย่างตรงไปตรงมามากกว่านี้ โดยรายจ่ายด้านการทหารของจีน ซึ่งมีการพิมพ์เผยแพร่ แสดงให้เห็นถึงการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักจากปีต่อปีต่อเนื่องมานาน 20 ปีแล้ว

“เป็นการก้าวเดินที่เพิ่มเกือบ 2 เท่าในทุกๆ 5 ปี” รายงานระบุ

อย่างไรก็ตาม จีนอ้างว่า เป้าหมายสำคัญอันดับแรกในการปรับปรุงกองทัพจีนให้ทันสมัยก็เพื่อให้จีนสามารถสกัดกั้นไต้หวันจากการประกาศเอกราช และสกัดกั้น“กองกำลังต่างชาติ” ที่ให้การสนับสนุนไต้หวัน
กำลังโหลดความคิดเห็น