รอยเตอร์ – คนที่รู้จัก ดมิตรี เมดเวเดฟ พูดถึงเขาว่า เป็นคนฉลาดหลักแหลม ตรงไปตรงมา และไม่ชอบความเสี่ยง แต่คำถามที่ใครๆ กำลังอยากจะได้คำตอบกันก็คือ เขามีสัญชาตญาณทางการเมืองที่จะทำให้สามารถอยู่รอดต่อไปนานๆ เมื่อเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไปของรัสเซียหรือเปล่า
เขาได้รับการจับตามองว่าเป็นตัวเก็งที่จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวานนี้ นับตั้งแต่ที่ วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีผู้กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง และเป็นผู้ให้คำปรึกษาชี้แนะนำทาง เมดเวเดฟ ตลอดหลายๆ ปีที่ผ่านมา ได้ออกมาประกาศรับรองอย่างชัดเจนว่า นี่แหละคือทายาทที่จะมาแทนที่เขา
คุณสมบัติส่วนตัวของเมดเวเดฟสามารถสนองจุดประสงค์ของปูตินได้อย่างเหมาะเจาะ นั่นคือ ปูตินจำเป็นต้องได้พันธมิตรที่จงรักภักดีและไว้วางใจได้มาครองตำแหน่งในพระราชวังเครมลินต่อไป หากว่าเขาต้องการรักษาอิทธิพลบารมีเอาไว้ หลังจากที่เขาหมดวาระการเป็นประธานาธิบดีแดนหมีขาว
อดีตเพื่อนร่วมงานบางคนตั้งข้อปุจฉาว่า ตัวเมดเดเวฟดูจะไม่มีเหลี่ยมคูและความเหี้ยมเกรียมเพียงพอที่จะสยายอำนาจของเขาเอง เมื่อก้าวขึ้นครองตำแหน่งในเครมลินแล้ว
“ดิม่าเป็นคนฉลาด ฉลาดพอที่จะเป็นประธานาธิบดี และเขาก็ทรหด ทรหดพอที่จะเป็นประธานาธิบดี” เป็นความเห็นของอดีตเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของเขาตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1990 ที่บอกกับรอยเตอร์โดยตั้งเงื่อนไขขอไม่ให้เปิดเผยนาม
“แต่คุณยังจะต้องมีวิญญาณความรู้สึก เป็นความเฉลียวฉลาดในทางอารมณ์ความรู้สึก เป็นความรู้สึกที่จะต้องใช้ในเวลาตัดสินใจในเครมลิน ปูตินน่ะมีสิ่งนี้อยู่, (อดีตประธานาธิบดีรัสเซียคนแรก บอริส) เยลตซิน ก็มีมันอย่างเห็นได้ชัดเจน, แต่ดิม่ามีหรือเปล่าล่ะ ผมเองก็ไม่รู้ เราต้องดูกันต่อไป” อดีตเพื่อนร่วมงานผู้นี้กล่าวต่อ
**ประมุขที่หนุ่มที่สุดและมาจากภาคธุรกิจ
ถ้าหากเขาชนะการเลือกตั้ง ด้วยวัยเพียง 42 ปี เมดเวเดฟก็จะกลายเป็นประมุขรัสเซียที่อายุน้อยที่สุด นับตั้งแต่จักรพรรดิรัสเซียองค์สุดท้าย นั่นคือ พระเจ้าซาร์ นิโกลัสที่ 2 นอกจากนั้นเขายังจะเป็นผู้นำรัสเซียคนแรกที่มีภูมิหลังมาจากแวดวงธุรกิจภาคเอกชนอีกด้วย
ตรงกันข้ามกับปูติน ผู้เป็นอดีตสายลับเคจีบีที่ถูกโลกตะวันตกกล่าวหาว่ากำลังฉุดดึงให้ระบอบประชาธิปไตยถอยหลังกลับ เมดเวเดฟผู้เป็นอดีตทนายความและอาจารย์กฎหมาย กลับพูดย้ำถึงความสำคัญของเสรีภาพและความยุติธรรม เขาทำให้ตลาดการเงินชื่นชมด้วยการบอกว่า เขาต้องการจำกัดบทบาทของเครมลินที่มีอยู่ในบริษัทใหญ่ๆ ของแดนหมีขาว
ทว่าแม้กระทั่งเมื่อถึงวันเวลาที่ชาวรัสเซียไปหย่อนบัตรลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดี บุคลิกภาพที่แท้จริงของเมดเดเวฟก็ยังคงเป็นปริศนาลึกลับสำหรับผู้คนส่วนใหญ่อยู่นั่นเอง
บุคคลผู้นี้พูดถึงตัวเองว่าเป็นคนที่ “ปิดปากสนิท” เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ขณะที่การรณรงค์หาเสียงซึ่งมีบรรยากาศแบบโฆษณาด้านเดียว ก็ไม่ได้ช่วยเปิดแง้มให้เห็นถึงความเป็นตัวตนของเขาเลย เขาปฏิเสธไม่ยอมโต้วาทีทางโทรทัศน์กับผู้สมัครคนอื่นๆ และการให้สัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวทางทีวีเพียงหนเดียวที่เขายินยอมกระทำ ก็เป็นรายการซึ่งทีมรณรงค์ หาเสียงของเขาเองเป็นผู้จ่ายเงินซื้อเวลา
ดังนั้น ดมิตรี เมดเวเดฟ คือใคร ยังเป็นคำถามซึ่งไม่ได้รับคำตอบที่จุใจ
จากการเที่ยวสัมภาษณ์สอบถามอดีตเพื่อนร่วมงานและผู้คุ้นเคยบางคนของเมดเวเดฟ กรอบเค้าโครงหลักๆ ซึ่งดูจะน่าตื่นตะลึงที่สุดเกี่ยวกับว่าที่ผู้นำหมีขาวคนใหม่ผู้นี้ ก็คือ เขาไม่ได้เป็นคนที่โดดเด่นผงาดล้ำเหนือคนอื่นๆ เอาเลย อย่างน้อยก็จวบจนกระทั่งถึงเวลานี้
มิคาอิล คัสยานอฟ ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาที่เมดเวเดฟทำงานให้ปูตินในวังเครมลิน แสดงอาการของการใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อระลึกให้ได้ว่า เมดเวเดฟเคยทำอะไรซึ่งเป็นที่น่าจดจำบ้าง
“เขาเป็นแค่ข้าราชการธรรมดาคนหนึ่ง” คัสยานอฟพูดพร้อมกับยักไหล่ แต่ต้องไม่ลืมว่าบุคคลผู้นี้กลายเป็นปรปักษ์ผู้โจมตีปูตินอย่างโกรธเกรี้ยว ภายหลังที่เขาถูกปลดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2004
กระนั้นก็ตาม แม้กระทั่งพวกผู้สนับสนุนเมดเวเดฟก็ยังไม่มีอะไรจะพูดได้มากนักเกี่ยวกับตัวเขา “เขาเป็นคนดี ก็เพียงแค่คนดีคนหนึ่ง” แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเครมลินรายหนึ่งบอก “เขาทำในสิ่งที่เขาบอกว่าจะทำ”
**นักอ่านตัวยงและนักฟังวงเฮฟวี่เมทัล
ดมิตรี อะนาตอลเยวิช เมดเวเดฟ เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน 1965 โดยพ่อแม่เป็นครูทั้งคู่ และเติบโตขึ้นในแฟลตขนาด 40 ตารางเมตร ที่ย่านชานเมืองเลนินกราด หรือที่เปลี่ยนชื่อกลับมาเป็น เซ็นต์ปิเตอร์สเบิร์กในปัจจุบัน
เมดเวเดฟบอกว่า ครอบครัวของเขาไม่เคยต้องอดอยาก และได้ไปพักร้อนยังชายทะเลแถบทะเลดำ อันเป็นแบบฉบับของชนชั้นกลางในระบอบโซเวียต ทว่าบางครั้งเขาก็รู้สึกมีเงินไม่พอที่จะซื้อแผ่นเสียงซึ่งเขาใฝ่ฝันอยากได้
ในวัยเยาว์เขาได้ชื่อว่าเป็นหนอนหนังสือ ตัวเขาเองบอกว่าหนังสือเล่มโปรดของเขาคือ โซเวียต เอนไซโคลปีเดีย (หนังสือชุดสารานุกรม) ถึงแม้ในอีกด้านหนึ่งเขาก็ได้พัฒนารสนิยมในการชื่นชอบวงดนตรีร็อกหนักๆ อย่างเช่น แบล็ก ซับบาธ, เลด เซปเปลิน, และ ดีป เพอร์เพิล
“เขาเป็นคนมีวัฒนธรรมสูงมาก คุณสามารถพูดจากับเขาเกี่ยวกับละคร, ดนตรี, เขายังมีอารมณ์ขันด้วย” เป็นคำบอกเล่าของ นาตาลิยา รัสสกาโซวา ผู้เคยศึกษาในสถาบันเดียวกันกับเมดเวเดฟ นั่นคือ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซ็นต์ปิเตอร์สเบิร์ก
เมดเวเดฟสำเร็จการศึกษาจากคณะดังกล่าวในปี 1987โดยที่ปูตินเองก็เคยศึกษาอยู่ที่นี่เช่นกัน แต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนหน้านั้น
นิโคไล โครปาชอฟ คณบดีคนปัจจุบันของคณะนิติศาสตร์แห่งนี้ ผู้เคยร่วมงานกับเมดเวเดฟในยุคทศวรรษ 1990 พูดถึงว่าที่ประธานาธิบดีหมีขาวอย่างชื่นชมว่า “เขาเป็นหนึ่งในหมู่ผู้เฉียบแหลมซึ่งจุดประกายให้แก่วงการกฎหมายแพ่ง” และ “ถ้าคุณขอให้เขาหาทางออกสัก 2 ทางสำหรับปัญหาเรื่องหนึ่ง เขาก็จะหาให้ได้ 3 ทาง หรือหาทางออกซึ่งยังไม่เคยมีใครคิดได้มาก่อน”
เมดเวเดฟสอนอยู่ที่นี่ต่อหลังจบการศึกษาแล้ว แต่พร้อมกันนั้นก็ได้ไปทำงานให้แก่ปูติน ผู้ซึ่งตอนนั้นเป็นประธานคณะกรรมการความสัมพันธ์ภายนอก ของนายกเทศมนตรีเซ็นต์ปิเตอร์สเบิร์ก
นอกจากนั้นเขายังเข้าสู่วงการธุรกิจ อันเป็นช่วงชีวิตของเขาที่มักถูกฉีกออกไปจากชีวประวัติฉบับทางการ
เขาทำงานเป็นทนายความคนสำคัญให้แก่กิจการเยื่อกระดาษ อิลิม พัลป์ เปเปอร์ โดยเป็นคนที่ช่วยในเรื่องการก่อตั้งบริษัทแห่งนี้ ถึงแม้เพื่อนร่วมงานหลายคนบอกว่า เขาไม่เคยได้รับการปฏิบัติในฐานะคนเสมอกันจากกลุ่มที่เป็นเจ้าของบริษัทเลย อิลิม พัลป์ เปเปอร์ เจริญก้าวหน้าจนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมนี้ของรัสเซีย ซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
อดีตเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเล่าว่า เมดเวเดฟยึดมั่นในจุดยืนที่ดูแปลกประหลาดสำหรับยุคสมัยในตอนนั้น นั่นคือ เขาหลีกเลี่ยงไม่จ่ายสินบน กระทั่งแม้จะต้องแพ้คดีในศาล เพราะเขาปฏิเสธไม่ยอมจ่ายเงินให้ผู้พิพากษา
**บุญคุณ “ปูติน” ท่วมท้น
การที่เมดเวเดฟได้ก้าวเข้าสู่วงการเมืองและเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในแวดวงนี้ได้ ก็ด้วยการอุปถัมภ์ค้ำชูของปูตินอย่างแท้จริง โดยในปี 1999 มิตรเก่าของเมดเวเดฟผู้นี้ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และจากนั้นไม่นานก็เข้าเป็นประธานาธิบดีสืบแทนเยลตซิน และปูตินก็เชื้อเชิญเมดเวเดฟมาทำงานด้วยกันที่กรุงมอสโก
เขาเข้านั่งเก้าอี้เป็นรองหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำวังเครมลิน ต่อมาก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ แล้วก็ได้เป็นประธานรัฐวิสาหกิจกาซปรอม อันเป็นกิจการก๊าซธรรมชาติใหญ่ที่สุดของโลก
เมดเวเดฟถูกเหวี่ยงเข้าสู่การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปลายปีที่แล้ว เมื่อปูตินประกาศว่าเขาคือคนที่เหมาะสมกับงานนี้ แต่ด้วยการที่ปูตินยังคงทรงอำนาจอย่างยิ่ง อีกทั้งกำลังวางแผนที่จะอยู่ในวงการเมืองต่อไปโดยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งน่าจะได้รับการเสริมขยายอำนาจหน้าที่ให้กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม ฐานะของเมดเวเดฟจึงยังอยู่ในสภาพที่ต้องระมัดระวังตัวมาก
เขาได้รับการจับตามองว่าเป็นตัวเก็งที่จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวานนี้ นับตั้งแต่ที่ วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีผู้กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง และเป็นผู้ให้คำปรึกษาชี้แนะนำทาง เมดเวเดฟ ตลอดหลายๆ ปีที่ผ่านมา ได้ออกมาประกาศรับรองอย่างชัดเจนว่า นี่แหละคือทายาทที่จะมาแทนที่เขา
คุณสมบัติส่วนตัวของเมดเวเดฟสามารถสนองจุดประสงค์ของปูตินได้อย่างเหมาะเจาะ นั่นคือ ปูตินจำเป็นต้องได้พันธมิตรที่จงรักภักดีและไว้วางใจได้มาครองตำแหน่งในพระราชวังเครมลินต่อไป หากว่าเขาต้องการรักษาอิทธิพลบารมีเอาไว้ หลังจากที่เขาหมดวาระการเป็นประธานาธิบดีแดนหมีขาว
อดีตเพื่อนร่วมงานบางคนตั้งข้อปุจฉาว่า ตัวเมดเดเวฟดูจะไม่มีเหลี่ยมคูและความเหี้ยมเกรียมเพียงพอที่จะสยายอำนาจของเขาเอง เมื่อก้าวขึ้นครองตำแหน่งในเครมลินแล้ว
“ดิม่าเป็นคนฉลาด ฉลาดพอที่จะเป็นประธานาธิบดี และเขาก็ทรหด ทรหดพอที่จะเป็นประธานาธิบดี” เป็นความเห็นของอดีตเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของเขาตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1990 ที่บอกกับรอยเตอร์โดยตั้งเงื่อนไขขอไม่ให้เปิดเผยนาม
“แต่คุณยังจะต้องมีวิญญาณความรู้สึก เป็นความเฉลียวฉลาดในทางอารมณ์ความรู้สึก เป็นความรู้สึกที่จะต้องใช้ในเวลาตัดสินใจในเครมลิน ปูตินน่ะมีสิ่งนี้อยู่, (อดีตประธานาธิบดีรัสเซียคนแรก บอริส) เยลตซิน ก็มีมันอย่างเห็นได้ชัดเจน, แต่ดิม่ามีหรือเปล่าล่ะ ผมเองก็ไม่รู้ เราต้องดูกันต่อไป” อดีตเพื่อนร่วมงานผู้นี้กล่าวต่อ
**ประมุขที่หนุ่มที่สุดและมาจากภาคธุรกิจ
ถ้าหากเขาชนะการเลือกตั้ง ด้วยวัยเพียง 42 ปี เมดเวเดฟก็จะกลายเป็นประมุขรัสเซียที่อายุน้อยที่สุด นับตั้งแต่จักรพรรดิรัสเซียองค์สุดท้าย นั่นคือ พระเจ้าซาร์ นิโกลัสที่ 2 นอกจากนั้นเขายังจะเป็นผู้นำรัสเซียคนแรกที่มีภูมิหลังมาจากแวดวงธุรกิจภาคเอกชนอีกด้วย
ตรงกันข้ามกับปูติน ผู้เป็นอดีตสายลับเคจีบีที่ถูกโลกตะวันตกกล่าวหาว่ากำลังฉุดดึงให้ระบอบประชาธิปไตยถอยหลังกลับ เมดเวเดฟผู้เป็นอดีตทนายความและอาจารย์กฎหมาย กลับพูดย้ำถึงความสำคัญของเสรีภาพและความยุติธรรม เขาทำให้ตลาดการเงินชื่นชมด้วยการบอกว่า เขาต้องการจำกัดบทบาทของเครมลินที่มีอยู่ในบริษัทใหญ่ๆ ของแดนหมีขาว
ทว่าแม้กระทั่งเมื่อถึงวันเวลาที่ชาวรัสเซียไปหย่อนบัตรลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดี บุคลิกภาพที่แท้จริงของเมดเดเวฟก็ยังคงเป็นปริศนาลึกลับสำหรับผู้คนส่วนใหญ่อยู่นั่นเอง
บุคคลผู้นี้พูดถึงตัวเองว่าเป็นคนที่ “ปิดปากสนิท” เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ขณะที่การรณรงค์หาเสียงซึ่งมีบรรยากาศแบบโฆษณาด้านเดียว ก็ไม่ได้ช่วยเปิดแง้มให้เห็นถึงความเป็นตัวตนของเขาเลย เขาปฏิเสธไม่ยอมโต้วาทีทางโทรทัศน์กับผู้สมัครคนอื่นๆ และการให้สัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวทางทีวีเพียงหนเดียวที่เขายินยอมกระทำ ก็เป็นรายการซึ่งทีมรณรงค์ หาเสียงของเขาเองเป็นผู้จ่ายเงินซื้อเวลา
ดังนั้น ดมิตรี เมดเวเดฟ คือใคร ยังเป็นคำถามซึ่งไม่ได้รับคำตอบที่จุใจ
จากการเที่ยวสัมภาษณ์สอบถามอดีตเพื่อนร่วมงานและผู้คุ้นเคยบางคนของเมดเวเดฟ กรอบเค้าโครงหลักๆ ซึ่งดูจะน่าตื่นตะลึงที่สุดเกี่ยวกับว่าที่ผู้นำหมีขาวคนใหม่ผู้นี้ ก็คือ เขาไม่ได้เป็นคนที่โดดเด่นผงาดล้ำเหนือคนอื่นๆ เอาเลย อย่างน้อยก็จวบจนกระทั่งถึงเวลานี้
มิคาอิล คัสยานอฟ ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาที่เมดเวเดฟทำงานให้ปูตินในวังเครมลิน แสดงอาการของการใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อระลึกให้ได้ว่า เมดเวเดฟเคยทำอะไรซึ่งเป็นที่น่าจดจำบ้าง
“เขาเป็นแค่ข้าราชการธรรมดาคนหนึ่ง” คัสยานอฟพูดพร้อมกับยักไหล่ แต่ต้องไม่ลืมว่าบุคคลผู้นี้กลายเป็นปรปักษ์ผู้โจมตีปูตินอย่างโกรธเกรี้ยว ภายหลังที่เขาถูกปลดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2004
กระนั้นก็ตาม แม้กระทั่งพวกผู้สนับสนุนเมดเวเดฟก็ยังไม่มีอะไรจะพูดได้มากนักเกี่ยวกับตัวเขา “เขาเป็นคนดี ก็เพียงแค่คนดีคนหนึ่ง” แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเครมลินรายหนึ่งบอก “เขาทำในสิ่งที่เขาบอกว่าจะทำ”
**นักอ่านตัวยงและนักฟังวงเฮฟวี่เมทัล
ดมิตรี อะนาตอลเยวิช เมดเวเดฟ เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน 1965 โดยพ่อแม่เป็นครูทั้งคู่ และเติบโตขึ้นในแฟลตขนาด 40 ตารางเมตร ที่ย่านชานเมืองเลนินกราด หรือที่เปลี่ยนชื่อกลับมาเป็น เซ็นต์ปิเตอร์สเบิร์กในปัจจุบัน
เมดเวเดฟบอกว่า ครอบครัวของเขาไม่เคยต้องอดอยาก และได้ไปพักร้อนยังชายทะเลแถบทะเลดำ อันเป็นแบบฉบับของชนชั้นกลางในระบอบโซเวียต ทว่าบางครั้งเขาก็รู้สึกมีเงินไม่พอที่จะซื้อแผ่นเสียงซึ่งเขาใฝ่ฝันอยากได้
ในวัยเยาว์เขาได้ชื่อว่าเป็นหนอนหนังสือ ตัวเขาเองบอกว่าหนังสือเล่มโปรดของเขาคือ โซเวียต เอนไซโคลปีเดีย (หนังสือชุดสารานุกรม) ถึงแม้ในอีกด้านหนึ่งเขาก็ได้พัฒนารสนิยมในการชื่นชอบวงดนตรีร็อกหนักๆ อย่างเช่น แบล็ก ซับบาธ, เลด เซปเปลิน, และ ดีป เพอร์เพิล
“เขาเป็นคนมีวัฒนธรรมสูงมาก คุณสามารถพูดจากับเขาเกี่ยวกับละคร, ดนตรี, เขายังมีอารมณ์ขันด้วย” เป็นคำบอกเล่าของ นาตาลิยา รัสสกาโซวา ผู้เคยศึกษาในสถาบันเดียวกันกับเมดเวเดฟ นั่นคือ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซ็นต์ปิเตอร์สเบิร์ก
เมดเวเดฟสำเร็จการศึกษาจากคณะดังกล่าวในปี 1987โดยที่ปูตินเองก็เคยศึกษาอยู่ที่นี่เช่นกัน แต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนหน้านั้น
นิโคไล โครปาชอฟ คณบดีคนปัจจุบันของคณะนิติศาสตร์แห่งนี้ ผู้เคยร่วมงานกับเมดเวเดฟในยุคทศวรรษ 1990 พูดถึงว่าที่ประธานาธิบดีหมีขาวอย่างชื่นชมว่า “เขาเป็นหนึ่งในหมู่ผู้เฉียบแหลมซึ่งจุดประกายให้แก่วงการกฎหมายแพ่ง” และ “ถ้าคุณขอให้เขาหาทางออกสัก 2 ทางสำหรับปัญหาเรื่องหนึ่ง เขาก็จะหาให้ได้ 3 ทาง หรือหาทางออกซึ่งยังไม่เคยมีใครคิดได้มาก่อน”
เมดเวเดฟสอนอยู่ที่นี่ต่อหลังจบการศึกษาแล้ว แต่พร้อมกันนั้นก็ได้ไปทำงานให้แก่ปูติน ผู้ซึ่งตอนนั้นเป็นประธานคณะกรรมการความสัมพันธ์ภายนอก ของนายกเทศมนตรีเซ็นต์ปิเตอร์สเบิร์ก
นอกจากนั้นเขายังเข้าสู่วงการธุรกิจ อันเป็นช่วงชีวิตของเขาที่มักถูกฉีกออกไปจากชีวประวัติฉบับทางการ
เขาทำงานเป็นทนายความคนสำคัญให้แก่กิจการเยื่อกระดาษ อิลิม พัลป์ เปเปอร์ โดยเป็นคนที่ช่วยในเรื่องการก่อตั้งบริษัทแห่งนี้ ถึงแม้เพื่อนร่วมงานหลายคนบอกว่า เขาไม่เคยได้รับการปฏิบัติในฐานะคนเสมอกันจากกลุ่มที่เป็นเจ้าของบริษัทเลย อิลิม พัลป์ เปเปอร์ เจริญก้าวหน้าจนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมนี้ของรัสเซีย ซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
อดีตเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเล่าว่า เมดเวเดฟยึดมั่นในจุดยืนที่ดูแปลกประหลาดสำหรับยุคสมัยในตอนนั้น นั่นคือ เขาหลีกเลี่ยงไม่จ่ายสินบน กระทั่งแม้จะต้องแพ้คดีในศาล เพราะเขาปฏิเสธไม่ยอมจ่ายเงินให้ผู้พิพากษา
**บุญคุณ “ปูติน” ท่วมท้น
การที่เมดเวเดฟได้ก้าวเข้าสู่วงการเมืองและเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในแวดวงนี้ได้ ก็ด้วยการอุปถัมภ์ค้ำชูของปูตินอย่างแท้จริง โดยในปี 1999 มิตรเก่าของเมดเวเดฟผู้นี้ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และจากนั้นไม่นานก็เข้าเป็นประธานาธิบดีสืบแทนเยลตซิน และปูตินก็เชื้อเชิญเมดเวเดฟมาทำงานด้วยกันที่กรุงมอสโก
เขาเข้านั่งเก้าอี้เป็นรองหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำวังเครมลิน ต่อมาก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ แล้วก็ได้เป็นประธานรัฐวิสาหกิจกาซปรอม อันเป็นกิจการก๊าซธรรมชาติใหญ่ที่สุดของโลก
เมดเวเดฟถูกเหวี่ยงเข้าสู่การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปลายปีที่แล้ว เมื่อปูตินประกาศว่าเขาคือคนที่เหมาะสมกับงานนี้ แต่ด้วยการที่ปูตินยังคงทรงอำนาจอย่างยิ่ง อีกทั้งกำลังวางแผนที่จะอยู่ในวงการเมืองต่อไปโดยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งน่าจะได้รับการเสริมขยายอำนาจหน้าที่ให้กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม ฐานะของเมดเวเดฟจึงยังอยู่ในสภาพที่ต้องระมัดระวังตัวมาก