เอเอฟพี/รอยเตอร์ – รัสเซียประกาศวานนี้(26) รับรองอย่างเป็นทางการว่า เซาท์ออสซีเชีย และ อับฮาเซีย 2 แคว้นกบฎของจอร์เจีย มีฐานะเป็นรัฐเอกราช ความเคลื่อนไหวของมอสโกคราวนี้มีหวังจะทำให้เกิดการประจันหน้าอย่างดุเดือดขึ้นอีกกับฝ่ายตะวันตกที่นำโดยวอชิงตัน
ประธานาธิบดี ดมิตรี เมดเวเดฟ ประกาศการรับรองคราวนี้ ภายหลังประชุมหารือกับบรรดารัฐมนตรีระดับท็อปตลอดจนผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ ในเรื่องวิกฤตจอร์เจีย ถึงแม้มหาอำนาจฝ่ายตะวันตกจะออกมาเตือนไม่ให้ทำเช่นนี้
“ผมได้ลงนามในกฤษฎีกาประธานาธิบดีว่าด้วยการรับรองเอกราชของเซาท์ออสซีเชีย และอับฮาเซีย แล้ว” เมดเวเดฟกล่าวในการปราศรัยทางโทรทัศน์แห่งชาติ “รัสเซียเรียกร้องให้รัฐอื่นๆ กระทำตามตัวอย่างของตน” เขากล่าวต่อ
ประธานาธิบดีรัสเซียบอกว่า เขาตัดสินใจเช่นนี้โดยพิจารณาจาก “เจตนารมณ์ที่แสดงออกมาอย่างเสรีของประชาชนชาวออสซีเชียและอับฮาเซีย” และสอดคล้องกับกฎบัตรสหประชาชาติ ตลอดจนปฏิญญาว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศปี 1970
“นี่ไม่ใช่ทางเลือกที่เลือกกันได้ง่ายๆ แต่มันก็เป็นหนทางเดียวที่จะสามารถรักษาชีวิตของประชาชนได้” เมดเดเวฟกล่าว พร้อมกับพูดถึงความสัมพันธ์กับจอร์เจียว่า รัสเซียได้แสดงถึง “ความยับยั้งชั่งใจและความอดกลั้น” และเรียกร้องให้หาทางแก้ไขปัญหา 2 แคว้นที่ประกาศแยกตัวออกเป็นอิสระจากจอร์เจียมาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 นี้ด้วยการเจรจากัน ทว่าจอร์เจียไม่รับฟัง รวมทั้ง องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) และยูเอ็นก็เพิกเฉย
หลังการประกาศของเมดเวเดฟ ฝ่ายตะวันตกได้ออกมาแสดงปฏิกิริยาคัดค้านไม่เห็นด้วยในทันที อังกฤษบอกว่าปฏิเสธไม่ยอมรับความเคลื่อนไหวเช่นนี้อย่างสิ้นเชิง เยอรมนีก็เรียกการรับรองนี้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ ด้านฝรั่งเศสก็แสดงตกใจผิดหวัง
นอกจากรับรองเอกราชของเซาท์ออสซีเชีย และอับฮาเซียแล้ว เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำนาโต้ ดิมิตรี โรโกซิน แจ้งว่า มอสโกยังได้ระงับความร่วมมือต่างๆ ที่มีอยู่กับนาโต้ รวมถึงการมาเยือนรัสเซียของเลขาธิการนาโต้ ยาป เดอ ฮูป เชฟเฟอร์
ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับฝ่ายตะวันตกเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ นับแต่ที่กองทหารรัสเซียเคลื่อนเข้าสู่จอร์เจียในวันที่ 8 สิงหาคม เพื่อขับไล่กองทัพจอร์เจียที่พยายามบุกยึดแคว้นเซาท์ออสซีเชีย แม้มีการทำข้อตกลงสงบศึกหลังจากนั้น ทว่าสหรัฐฯและชาติตะวันตกอื่นๆ กล่าวหารัสเซียว่าละเมิดข้อตกลง โดยยังไม่ยอมถอนทหารทั้งหมดออกจากจอร์เจีย
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำมอสโกประกาศวานนี้ว่า เรือพิฆาตลำหนึ่งของสหรัฐฯกำลังนำความช่วยเหลือมนุษยธรรม มุ่งหน้าสู่เมืองโปตี อันเป็นเมืองท่าริมทะเลดำของจอร์เจียที่ยังคงมีทหารรัสเซียตั้งประจำอยู่ ทว่าต่อมาสถานทูตก็บอกว่าไม่สามารถยืนยันข่าวนี้ได้
พล.อ.อนาโตลี โนโกวิตซิน นายทหารระดับท็อปผู้หนึ่งของรัสเซีย ได้ออกมาตั้งคำถามว่า ทำไมกำลังนาวีของนาโต้จึงกำลังมีกิจกรรม “ในระดับสุดๆ” ในเขตทะเลดำเวลานี้ และกำลังมีเรือรบนาโต้เพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ โดยเมื่อวันจันทร์(25) เขาทราบว่ามีเรือนาโต้ในทะเลดำอยู่ 9 ลำ พอถึงกลางคืนทราบว่า เรือฟริเกตของสหรัฐฯผ่านช่องแคบบอสโฟรัสเข้ามาอีก 1 ลำ และยังจะมีเรือรบนาโต้อีก 8 ลำเข้ามาในเร็วๆนี้
ขณะที่ โรโกซิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำนาโต้บอกว่า บรรยากาศในเวลานี้ทำให้เขาคิดถึงสถานการณ์ในยุโรปปี 1914 นั่นคือช่วงที่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งกำลังจะปะทุขึ้น เมื่อผู้ก่อการร้ายชาวเซิร์บที่ชื่อ กัฟริโล ปรินซิป ลอบปลงพระชนม์ อาร์ชดุ๊ก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ แห่งออสเตรีย จนกลายเป็นชนวนทำให้สงครามโลกดังกล่าวระเบิดขึ้น
“ผมหวังว่า มิเฮอิล ซาคัชวิลี (ประธานาธิบดีจอร์เจีย) จะไม่ปรากฏนามในประวัติศาสตร์ต่อไปข้างหน้า ในฐานะของ กัฟริโล ปรินซิป คนใหม่” เขากล่าว
ประธานาธิบดี ดมิตรี เมดเวเดฟ ประกาศการรับรองคราวนี้ ภายหลังประชุมหารือกับบรรดารัฐมนตรีระดับท็อปตลอดจนผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ ในเรื่องวิกฤตจอร์เจีย ถึงแม้มหาอำนาจฝ่ายตะวันตกจะออกมาเตือนไม่ให้ทำเช่นนี้
“ผมได้ลงนามในกฤษฎีกาประธานาธิบดีว่าด้วยการรับรองเอกราชของเซาท์ออสซีเชีย และอับฮาเซีย แล้ว” เมดเวเดฟกล่าวในการปราศรัยทางโทรทัศน์แห่งชาติ “รัสเซียเรียกร้องให้รัฐอื่นๆ กระทำตามตัวอย่างของตน” เขากล่าวต่อ
ประธานาธิบดีรัสเซียบอกว่า เขาตัดสินใจเช่นนี้โดยพิจารณาจาก “เจตนารมณ์ที่แสดงออกมาอย่างเสรีของประชาชนชาวออสซีเชียและอับฮาเซีย” และสอดคล้องกับกฎบัตรสหประชาชาติ ตลอดจนปฏิญญาว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศปี 1970
“นี่ไม่ใช่ทางเลือกที่เลือกกันได้ง่ายๆ แต่มันก็เป็นหนทางเดียวที่จะสามารถรักษาชีวิตของประชาชนได้” เมดเดเวฟกล่าว พร้อมกับพูดถึงความสัมพันธ์กับจอร์เจียว่า รัสเซียได้แสดงถึง “ความยับยั้งชั่งใจและความอดกลั้น” และเรียกร้องให้หาทางแก้ไขปัญหา 2 แคว้นที่ประกาศแยกตัวออกเป็นอิสระจากจอร์เจียมาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 นี้ด้วยการเจรจากัน ทว่าจอร์เจียไม่รับฟัง รวมทั้ง องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) และยูเอ็นก็เพิกเฉย
หลังการประกาศของเมดเวเดฟ ฝ่ายตะวันตกได้ออกมาแสดงปฏิกิริยาคัดค้านไม่เห็นด้วยในทันที อังกฤษบอกว่าปฏิเสธไม่ยอมรับความเคลื่อนไหวเช่นนี้อย่างสิ้นเชิง เยอรมนีก็เรียกการรับรองนี้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ ด้านฝรั่งเศสก็แสดงตกใจผิดหวัง
นอกจากรับรองเอกราชของเซาท์ออสซีเชีย และอับฮาเซียแล้ว เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำนาโต้ ดิมิตรี โรโกซิน แจ้งว่า มอสโกยังได้ระงับความร่วมมือต่างๆ ที่มีอยู่กับนาโต้ รวมถึงการมาเยือนรัสเซียของเลขาธิการนาโต้ ยาป เดอ ฮูป เชฟเฟอร์
ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับฝ่ายตะวันตกเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ นับแต่ที่กองทหารรัสเซียเคลื่อนเข้าสู่จอร์เจียในวันที่ 8 สิงหาคม เพื่อขับไล่กองทัพจอร์เจียที่พยายามบุกยึดแคว้นเซาท์ออสซีเชีย แม้มีการทำข้อตกลงสงบศึกหลังจากนั้น ทว่าสหรัฐฯและชาติตะวันตกอื่นๆ กล่าวหารัสเซียว่าละเมิดข้อตกลง โดยยังไม่ยอมถอนทหารทั้งหมดออกจากจอร์เจีย
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำมอสโกประกาศวานนี้ว่า เรือพิฆาตลำหนึ่งของสหรัฐฯกำลังนำความช่วยเหลือมนุษยธรรม มุ่งหน้าสู่เมืองโปตี อันเป็นเมืองท่าริมทะเลดำของจอร์เจียที่ยังคงมีทหารรัสเซียตั้งประจำอยู่ ทว่าต่อมาสถานทูตก็บอกว่าไม่สามารถยืนยันข่าวนี้ได้
พล.อ.อนาโตลี โนโกวิตซิน นายทหารระดับท็อปผู้หนึ่งของรัสเซีย ได้ออกมาตั้งคำถามว่า ทำไมกำลังนาวีของนาโต้จึงกำลังมีกิจกรรม “ในระดับสุดๆ” ในเขตทะเลดำเวลานี้ และกำลังมีเรือรบนาโต้เพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ โดยเมื่อวันจันทร์(25) เขาทราบว่ามีเรือนาโต้ในทะเลดำอยู่ 9 ลำ พอถึงกลางคืนทราบว่า เรือฟริเกตของสหรัฐฯผ่านช่องแคบบอสโฟรัสเข้ามาอีก 1 ลำ และยังจะมีเรือรบนาโต้อีก 8 ลำเข้ามาในเร็วๆนี้
ขณะที่ โรโกซิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำนาโต้บอกว่า บรรยากาศในเวลานี้ทำให้เขาคิดถึงสถานการณ์ในยุโรปปี 1914 นั่นคือช่วงที่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งกำลังจะปะทุขึ้น เมื่อผู้ก่อการร้ายชาวเซิร์บที่ชื่อ กัฟริโล ปรินซิป ลอบปลงพระชนม์ อาร์ชดุ๊ก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ แห่งออสเตรีย จนกลายเป็นชนวนทำให้สงครามโลกดังกล่าวระเบิดขึ้น
“ผมหวังว่า มิเฮอิล ซาคัชวิลี (ประธานาธิบดีจอร์เจีย) จะไม่ปรากฏนามในประวัติศาสตร์ต่อไปข้างหน้า ในฐานะของ กัฟริโล ปรินซิป คนใหม่” เขากล่าว
