รอยเตอร์/เอเอฟพี - เจรจาสุดยอดสองผู้นำสหรัฐฯ-รัสเซียกรณีขีปนาวุธยังไม่มีข้อสรุป หลังบุชยืนกรานติดตั้งโล่ป้องกันขีปนาวุธในยุโรปตะวันออกเพื่อป้องกันตัว ส่วนปูตินคลางแคลงใจไม่เลิก สองมหาอำนาจได้แต่สร้างบรรยากาศร่ำลากันด้วยดี ลงนามในคำประกาศพร้อมแสวงหาหนทางร่วมมือสร้างระบบเพื่อตอบโต้การคุกคามจากขีปนาวุธที่มีศักยภาพ คาดช่วยลดการเผชิญหน้าและรอผู้นำรุ่นใหม่ของสองฝ่ายหาทางสานฝันสางปัญหาต่อไป
การประชุมสุดยอดสองผู้นำสหรัฐฯ และรัสเซียเป็นเวลาสองวัน แม้จะอยู่ในท่ามกลางบรรยากาศการพักผ่อนที่ทำเนียบพักร้อนของผู้นำหมีขาว ณ เมืองโซชิ ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลดำ แต่ผลสรุปกลับกลายเป็นเพียงคำประกาศของสองผู้นำที่จะแสวงหาหนทางสางปัญหาขีปนาวุธต่อไป ด้วยถ้อยคำคลุมเครือ และไม่มีแม้แต่กรอบข้อตกลงใดๆ ที่ชัดเจน
"ผมต้องการที่จะทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ในเชิงยุทธศาสตร์แล้ว ถือว่ายังไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ใน ... ทัศนคติของเราต่อแผนการของสหรัฐฯ" วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย กล่าวกับผู้สื่อข่าว ในการแถลงข่าวสั้นๆ ร่วมกับประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชแห่งสหรัฐฯ
"แต่ในขณะเดียวกันก็มีพัฒนาการที่ดีบางประการ นั่นก็คือ ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ได้รับฟังความกังวลใจของเรา ผมจึงมองในแง่ดีอย่างรอบคอบว่าเราจะบรรลุข้อตกลงระหว่างกันได้ต่อไป"
ด้านสหรัฐฯ กล่าวว่าการที่สหรัฐฯ จะติดตั้งขีปนาวุธสำหรับยิงสกัดขีปนาวุธในโปแลนด์และสถานีเรดาร์ตรวจจับขีปนาวุธในสาธารณรัฐเชกก็เพื่อป้องกันการจู่โจมด้วยขีปนาวุธจาก "รัฐอันธพาล" โดยเฉพาะอิหร่าน แต่รัสเซียตอบโต้ว่าอิหร่านไม่ได้เล็งขีปนาวุธไปยังสหรัฐฯ และเห็นว่าโล่ป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ นั้นเป็นการคุกคามความมั่นคงของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีปูตินและประธานาธิบดีบุชได้สร้างบรรยากาศการพบปะกันแบบเป็นส่วนตัวอย่างอบอุ่นแม้ว่าทั้งสองประเทศจะยังมีความตึงเครียดต่อกัน และผู้นำทั้งสองยังได้กล่าวชื่นชมกันและกันในการพบปะซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายในฐานะผู้นำประเทศ
"มีหลายๆ ครั้งที่เมื่อเป็นเรื่องการเมืองคุณจะมองตาเขาแล้วรู้ว่าเขาพูดสิ่งที่ไม่ได้ออกมาจากใจ แต่เขา(ปูติน)มองตาคุณแล้วพูดตรงกับใจเขา" บุชกล่าว และก่อนหน้านี้เขาได้พบกับ ดมิทรี เมดเวเดฟ ผู้ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของรัสเซียสืบต่อจากปูตินในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ และกล่าวถึงว่าที่ประธานาธิบดีรัสเซียว่า
"เขาดูเหมือนจะเป็นคนตรงไปตรงมา ผมรู้สึกประทับใจเขาตั้งแต่แรกในแง่ดีมาก เขาเป็นคนฉลาด"
ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่าปูตินและบุชต่างต้องการให้ความสัมพันธ์ระดับประธานาธิบดีของทั้งสองจบลงด้วยดี หลังจากที่นาโต้ขยายอิทธิพลเข้าใกล้ชายแดนรัสเซียในช่วงแปดปีที่ผ่านมาและเกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้นจากการที่ปูตินมีแนวทางการบริหารในแบบที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นอำนาจนิยม
**คำประกาศมรดก**
ข้อตกลงที่มีการลงนามระหว่างผู้นำทั้งสองที่โซชิมีเพียงคำประกาศว่าด้วย "กรอบเชิงยุทธศาสตร์" ด้านความสัมพันธ์สหรัฐฯ-รัสเซีย โดยมีเป้าหมายที่การจัดให้เป็นมรดกสำหรับผู้นำใหม่ของประเทศทั้งสอง
ข้อตกลงดังกล่าวระบุถึงขอบข่ายความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียทั้งในด้านการค้า การไม่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ และการต่อต้านการก่อการร้าย รวมทั้งยังมีการวางแนวทางการลดความขัดแย้งในเรื่องต่างๆ รวมทั้งเรื่องโล่ป้องกันขีปนาวุธ
อย่างไรก็ตาม พันธะผูกพันที่ชัดเจนเพียงประการเดียวในคำประกาศนี้ก็คือ "การเจรจาในรายละเอียดเพิ่มเติม" และแสวงหาหนทางสร้างความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ในเรื่องระบบป้องกันขีปนาวุธ แต่ไม่มีการระบุถึงรูปแบบของการสร้างความร่วมมือดังกล่าว
"ทางด้านรัสเซียนั้นชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจสร้างสถานีขีปนาวุธในโปแลนด์และสาธารณรัฐเชก และย้ำถึงทางเลือกอื่นที่ได้เสนอไปแล้ว
"แต่กระนั้น รัสเซียก็ชื่นชมต่อมาตรการที่สหรัฐฯ ได้เสนอและประกาศว่า หากมาตรการดังกล่าวบรรลุข้อตกลงและนำออกสู่การปฏิบัติ ก็จะบรรเทาความวิตกกังวลของรัสเซียได้อย่างสำคัญและเป็นประโยชน์
"เราตกลงที่จะเจรจากันในรายละเอียดต่อไปหลังการประชุมที่โซชิในประเด็นความร่วมมือระหว่างกัน (ในเรื่องขีปนาวุธ)"
ทั้งนี้ในคำประกาศยังระบุด้วยว่า "ทั้งสองฝ่ายแสดงความสนใจที่จะสร้างระบบเพื่อตอบโต้การคุกคามจากขีปนาวุธที่มีศักยภาพ โดยรัสเซียและสหรัฐฯ และยุโรปจะร่วมมือกันอย่างเท่าเทียมกัน"
การประชุมสุดยอดสองผู้นำสหรัฐฯ และรัสเซียเป็นเวลาสองวัน แม้จะอยู่ในท่ามกลางบรรยากาศการพักผ่อนที่ทำเนียบพักร้อนของผู้นำหมีขาว ณ เมืองโซชิ ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลดำ แต่ผลสรุปกลับกลายเป็นเพียงคำประกาศของสองผู้นำที่จะแสวงหาหนทางสางปัญหาขีปนาวุธต่อไป ด้วยถ้อยคำคลุมเครือ และไม่มีแม้แต่กรอบข้อตกลงใดๆ ที่ชัดเจน
"ผมต้องการที่จะทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ในเชิงยุทธศาสตร์แล้ว ถือว่ายังไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ใน ... ทัศนคติของเราต่อแผนการของสหรัฐฯ" วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย กล่าวกับผู้สื่อข่าว ในการแถลงข่าวสั้นๆ ร่วมกับประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชแห่งสหรัฐฯ
"แต่ในขณะเดียวกันก็มีพัฒนาการที่ดีบางประการ นั่นก็คือ ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ได้รับฟังความกังวลใจของเรา ผมจึงมองในแง่ดีอย่างรอบคอบว่าเราจะบรรลุข้อตกลงระหว่างกันได้ต่อไป"
ด้านสหรัฐฯ กล่าวว่าการที่สหรัฐฯ จะติดตั้งขีปนาวุธสำหรับยิงสกัดขีปนาวุธในโปแลนด์และสถานีเรดาร์ตรวจจับขีปนาวุธในสาธารณรัฐเชกก็เพื่อป้องกันการจู่โจมด้วยขีปนาวุธจาก "รัฐอันธพาล" โดยเฉพาะอิหร่าน แต่รัสเซียตอบโต้ว่าอิหร่านไม่ได้เล็งขีปนาวุธไปยังสหรัฐฯ และเห็นว่าโล่ป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ นั้นเป็นการคุกคามความมั่นคงของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีปูตินและประธานาธิบดีบุชได้สร้างบรรยากาศการพบปะกันแบบเป็นส่วนตัวอย่างอบอุ่นแม้ว่าทั้งสองประเทศจะยังมีความตึงเครียดต่อกัน และผู้นำทั้งสองยังได้กล่าวชื่นชมกันและกันในการพบปะซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายในฐานะผู้นำประเทศ
"มีหลายๆ ครั้งที่เมื่อเป็นเรื่องการเมืองคุณจะมองตาเขาแล้วรู้ว่าเขาพูดสิ่งที่ไม่ได้ออกมาจากใจ แต่เขา(ปูติน)มองตาคุณแล้วพูดตรงกับใจเขา" บุชกล่าว และก่อนหน้านี้เขาได้พบกับ ดมิทรี เมดเวเดฟ ผู้ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของรัสเซียสืบต่อจากปูตินในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ และกล่าวถึงว่าที่ประธานาธิบดีรัสเซียว่า
"เขาดูเหมือนจะเป็นคนตรงไปตรงมา ผมรู้สึกประทับใจเขาตั้งแต่แรกในแง่ดีมาก เขาเป็นคนฉลาด"
ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่าปูตินและบุชต่างต้องการให้ความสัมพันธ์ระดับประธานาธิบดีของทั้งสองจบลงด้วยดี หลังจากที่นาโต้ขยายอิทธิพลเข้าใกล้ชายแดนรัสเซียในช่วงแปดปีที่ผ่านมาและเกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้นจากการที่ปูตินมีแนวทางการบริหารในแบบที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นอำนาจนิยม
**คำประกาศมรดก**
ข้อตกลงที่มีการลงนามระหว่างผู้นำทั้งสองที่โซชิมีเพียงคำประกาศว่าด้วย "กรอบเชิงยุทธศาสตร์" ด้านความสัมพันธ์สหรัฐฯ-รัสเซีย โดยมีเป้าหมายที่การจัดให้เป็นมรดกสำหรับผู้นำใหม่ของประเทศทั้งสอง
ข้อตกลงดังกล่าวระบุถึงขอบข่ายความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียทั้งในด้านการค้า การไม่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ และการต่อต้านการก่อการร้าย รวมทั้งยังมีการวางแนวทางการลดความขัดแย้งในเรื่องต่างๆ รวมทั้งเรื่องโล่ป้องกันขีปนาวุธ
อย่างไรก็ตาม พันธะผูกพันที่ชัดเจนเพียงประการเดียวในคำประกาศนี้ก็คือ "การเจรจาในรายละเอียดเพิ่มเติม" และแสวงหาหนทางสร้างความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ในเรื่องระบบป้องกันขีปนาวุธ แต่ไม่มีการระบุถึงรูปแบบของการสร้างความร่วมมือดังกล่าว
"ทางด้านรัสเซียนั้นชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจสร้างสถานีขีปนาวุธในโปแลนด์และสาธารณรัฐเชก และย้ำถึงทางเลือกอื่นที่ได้เสนอไปแล้ว
"แต่กระนั้น รัสเซียก็ชื่นชมต่อมาตรการที่สหรัฐฯ ได้เสนอและประกาศว่า หากมาตรการดังกล่าวบรรลุข้อตกลงและนำออกสู่การปฏิบัติ ก็จะบรรเทาความวิตกกังวลของรัสเซียได้อย่างสำคัญและเป็นประโยชน์
"เราตกลงที่จะเจรจากันในรายละเอียดต่อไปหลังการประชุมที่โซชิในประเด็นความร่วมมือระหว่างกัน (ในเรื่องขีปนาวุธ)"
ทั้งนี้ในคำประกาศยังระบุด้วยว่า "ทั้งสองฝ่ายแสดงความสนใจที่จะสร้างระบบเพื่อตอบโต้การคุกคามจากขีปนาวุธที่มีศักยภาพ โดยรัสเซียและสหรัฐฯ และยุโรปจะร่วมมือกันอย่างเท่าเทียมกัน"