เอเอฟพี - ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ได้สั่งให้เรือรบของสหรัฐฯเตรียมยิงขีปนาวุธทำลายดาวเทียมจารกรรมที่กำลังหลุดวงโคจร เพื่อไม่ให้มันตกสู่พื้นโลก เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของสหรัฐฯเผยเมื่อวันพฤหัสบดี(14)
"ท่านประธานาธิบดีได้สั่งให้กระทรวงกลาโหมปฏิการสกัดดาวเทียม" หลังจากสรุปว่า มันอาจช่วยป้องกันการสูญเสียชีวิตอันเกิดจากการที่ดาวเทียมตกสู่พื้นโดยไม่มีการควบคุม เจมส์ เจฟฟรีย์ รองที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ กล่าว
เจฟฟรีย์และเจ้าหน้าที่อาวุโสคนอื่นๆระบุว่า ความเสี่ยงอันตรายจากสารไฮดราซีนหนักประมาณ 1,000 ปอนด์ที่อยู่ในดาวเทียมดวงนั้น เป็นปัจจัยหลักที่ต้องตัดสินใจยิงขีปนาวุธขึ้นไปทำลาย
พวกเขาชี้แจงว่า รัฐบาลไม่ได้ต้องการปกปิดความลับสุดยอดจากดาวเทียม และการยิงสกัดดาวเทียมนั้นไม่ได้มีเจตนาจะแสดงความสามารถทางทหารของสหรัฐฯ
จีนเคยถูกทั่วโลกประท้วงมาแล้ว หลังทำการทดสอบยิงทำลายดาวเทียมพยากรณ์อากาศเมื่อเดือนมกราคม ปี 2007
สหรัฐฯยังไม่เคยยิงทำลายอากาศยานในอวกาศมาก่อน แต่ระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯถูกสร้างให้สกัดหัวรบที่มาจากทางอวกาศ
"เป้าหมายของเราก็คือการลดความเสี่ยง เราจะลดความเสี่ยงที่มีต่ออวกาศ อากาศ และพื้นดิน ซึ่งก็คือ โลก เมืองต่างๆ ผู้คน และอื่นๆ ได้หรือไม่" พลเอกเจมส์ คาร์ตไรต์ รองประธานคณะเสนาธิการทหารผสม กล่าว
เรือรบสหรัฐฯที่ติดตั้งระบบเอจิส จะยิงขีปนาวุธ SM-3 ขึ้นไปที่ดาวเทียมจารกรรมดวงนั้น และหวังว่าจะยิงตรงจุดที่เป็นถังเชื้อเพลิงไฮดราซีน คาร์ตไรต์เผย
เขาบอกว่า ได้มีการวางแผนว่าจะยิงทำลายดาวเทียมเมื่อมันอยู่ในตำแหน่งวงโคจรที่เศษซากจะหลุดจากวงโคจรอย่างรวดเร็ว และกลับเข้าสู้ชั้นบรรยากาศโดยตกสู่มหาสมุทร
"และนั่นคือเป้าหมายของเรา กำจัดสารไฮดราซีนและให้ซากตกสู่มหาสมุทร" คาร์ตไรต์กล่าว
การยิงทำลายดาวเทียมจะเกิดขึ้นได้อย่างเร็วที่สุดใน 3 หรือ 4 วัน แต่ก็ยังเปิดโอกาสได้ถึง 7 หรือ 8 วัน คาร์ตไรต์เผย
ภารกิจนี้จะใช้เรือรบติดระบบเอจิส 3 ลำ โดยจะมีขีปนาวุธสำรอง 2 ชุด เผื่อเกิดปัญหายิงขีปนาวุธลูกแรกไม่ได้
แต่หากยิ่งดาวเทียมเคลื่อนเข้ามาใกล้โลก แล้วมีการยิงทำลาย โอกาสที่ซากจะตกลงสู่พื้นดิน ก็ยิ่งมีมากขึ้น คาร์ตไรต์ระบุว่า "ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็จะไม่ยิง"
เขาบอกว่า ถ้าการยิงทำลายประสบความสำเร็จ เศษซากราวๆครึ่งหนึ่งจะตกสู่โลกภายในการโคจร 2 รอบแรก แต่สำหรับซากชิ้นเล็กๆ อาจต้องใช้เวลานานกว่า 1 เดือนกว่าจะตกสู่โลกได้
เมื่อถูกถามว่า ทำไมการทำลายดาวเทียมครั้งนี้จึงแตกต่างจากการทดสอบสอยดาวเทียมของจีน คาร์ตไรต์ตอบว่า สหรัฐฯแจ้งให้นานาชาติทราบก่อนล่วงหน้า และปฏิบัติการทำลายดาวเทียมในระยะใกล้ขอบอวกาศ
"ท่านประธานาธิบดีได้สั่งให้กระทรวงกลาโหมปฏิการสกัดดาวเทียม" หลังจากสรุปว่า มันอาจช่วยป้องกันการสูญเสียชีวิตอันเกิดจากการที่ดาวเทียมตกสู่พื้นโดยไม่มีการควบคุม เจมส์ เจฟฟรีย์ รองที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ กล่าว
เจฟฟรีย์และเจ้าหน้าที่อาวุโสคนอื่นๆระบุว่า ความเสี่ยงอันตรายจากสารไฮดราซีนหนักประมาณ 1,000 ปอนด์ที่อยู่ในดาวเทียมดวงนั้น เป็นปัจจัยหลักที่ต้องตัดสินใจยิงขีปนาวุธขึ้นไปทำลาย
พวกเขาชี้แจงว่า รัฐบาลไม่ได้ต้องการปกปิดความลับสุดยอดจากดาวเทียม และการยิงสกัดดาวเทียมนั้นไม่ได้มีเจตนาจะแสดงความสามารถทางทหารของสหรัฐฯ
จีนเคยถูกทั่วโลกประท้วงมาแล้ว หลังทำการทดสอบยิงทำลายดาวเทียมพยากรณ์อากาศเมื่อเดือนมกราคม ปี 2007
สหรัฐฯยังไม่เคยยิงทำลายอากาศยานในอวกาศมาก่อน แต่ระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯถูกสร้างให้สกัดหัวรบที่มาจากทางอวกาศ
"เป้าหมายของเราก็คือการลดความเสี่ยง เราจะลดความเสี่ยงที่มีต่ออวกาศ อากาศ และพื้นดิน ซึ่งก็คือ โลก เมืองต่างๆ ผู้คน และอื่นๆ ได้หรือไม่" พลเอกเจมส์ คาร์ตไรต์ รองประธานคณะเสนาธิการทหารผสม กล่าว
เรือรบสหรัฐฯที่ติดตั้งระบบเอจิส จะยิงขีปนาวุธ SM-3 ขึ้นไปที่ดาวเทียมจารกรรมดวงนั้น และหวังว่าจะยิงตรงจุดที่เป็นถังเชื้อเพลิงไฮดราซีน คาร์ตไรต์เผย
เขาบอกว่า ได้มีการวางแผนว่าจะยิงทำลายดาวเทียมเมื่อมันอยู่ในตำแหน่งวงโคจรที่เศษซากจะหลุดจากวงโคจรอย่างรวดเร็ว และกลับเข้าสู้ชั้นบรรยากาศโดยตกสู่มหาสมุทร
"และนั่นคือเป้าหมายของเรา กำจัดสารไฮดราซีนและให้ซากตกสู่มหาสมุทร" คาร์ตไรต์กล่าว
การยิงทำลายดาวเทียมจะเกิดขึ้นได้อย่างเร็วที่สุดใน 3 หรือ 4 วัน แต่ก็ยังเปิดโอกาสได้ถึง 7 หรือ 8 วัน คาร์ตไรต์เผย
ภารกิจนี้จะใช้เรือรบติดระบบเอจิส 3 ลำ โดยจะมีขีปนาวุธสำรอง 2 ชุด เผื่อเกิดปัญหายิงขีปนาวุธลูกแรกไม่ได้
แต่หากยิ่งดาวเทียมเคลื่อนเข้ามาใกล้โลก แล้วมีการยิงทำลาย โอกาสที่ซากจะตกลงสู่พื้นดิน ก็ยิ่งมีมากขึ้น คาร์ตไรต์ระบุว่า "ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็จะไม่ยิง"
เขาบอกว่า ถ้าการยิงทำลายประสบความสำเร็จ เศษซากราวๆครึ่งหนึ่งจะตกสู่โลกภายในการโคจร 2 รอบแรก แต่สำหรับซากชิ้นเล็กๆ อาจต้องใช้เวลานานกว่า 1 เดือนกว่าจะตกสู่โลกได้
เมื่อถูกถามว่า ทำไมการทำลายดาวเทียมครั้งนี้จึงแตกต่างจากการทดสอบสอยดาวเทียมของจีน คาร์ตไรต์ตอบว่า สหรัฐฯแจ้งให้นานาชาติทราบก่อนล่วงหน้า และปฏิบัติการทำลายดาวเทียมในระยะใกล้ขอบอวกาศ