เอเจนซี – รัสเซียเผยแผนทำลายดาวเทียมดวงหนึ่งที่หลุดจากวงโคจรของสหรัฐฯ อาจเป็นแค่ฉากบังหน้าเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นการยิงทดสอบระบบป้องกันขีปนาวุธ
กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ (16) ว่า กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ไม่ได้ให้เหตุผลอย่างเพียงพอ เพื่อสนับสนุนแผนการใช้ขีปนาวุธยิงทำลายดาวเทียมที่หลุดจากวงโคจรก่อนตกสู่พื้นโลกในสัปดาห์หน้า
“ในประเด็นดังกล่าวมีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ พยายามที่จะใช้เรื่องของดาวเทียมในการทดสอบประสิทธิภาพของระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการยิงทำลายดาวเทียมของประเทศอื่นๆ” แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุ
รัฐบาลประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยุ บุช ออกมาระบุก่อนหน้านี้ ว่า แผนยิงทำลายดาวเทียมที่อาจมีขึ้นในสัปดาห์หน้าไม่ใช่การทดสอบในแผนทำลายประสิทธิภาพด้านข่าวกรองและการสื่อสารผ่านดาวเทียมของประเทศอื่นๆ
ขณะที่ ทูตสหรัฐฯ ที่ประจำการอยู่ในประเทศต่างๆ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ชี้แจงรัฐบาลประเทศนั้นๆ เกี่ยวกับแผนการยิงทำลายดาวเทียม ว่า มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องผู้คนจากเชื้อเพลิงไฮดราซีนที่เป็นพิษสูงจากดาวเทียมขนาดเท่ารถบัส ซึ่งคาดว่าจะตกสู่พื้นโลกบริเวณทวีปอเมริกาเหนือประมาณต้นเดือนมีนาคมนี้ รวมถึงแผนการยิงทำลายดาวเทียมในครั้งนี้ยังมีความแตกต่างจากเมื่อครั้งที่จีนยิงทดสอบขีปนาวุธทำลายดาวเทียมเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้ ดาวเทียมดังกล่าว ซึ่งมีชื่อว่า ยูเอส 193 ถูกยิงขึ้นสู่วงโคจรเมื่อเดือนธันวาคมปี 2006 และได้ชื่อว่าเป็นดาวเทียมที่มีระบบเซ็นเซอร์รับภาพที่สลับซับซ้อนและเป็นความลับ แต่เกิดปัญหาพลังงานหมด และคอมพิวเตอร์ส่วนกลางไม่ทำงาน จนไม่สามารถควบคุมได้ และหลุดจากวงโคจรในที่สุด
ขณะที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ คาดว่า หากไม่มีการยิงทำลายดาวเทียม นอกจากมีโอกาสที่ดาวเทียมดวงดังกล่าวจะตกสู่พื้นโลกแล้ว ซากที่เหลือประมาณครึ่งหนึ่งของดาวเทียมซึ่งมีน้ำหนักถึง 5,000 ปอนด์ (2,270 กิโลกรัม) อาจล่องลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศ ก่อนที่จะแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กๆ และพุ่งไปไกลเป็นระยะทางหลายร้อยไมล์