เอเอฟพี/รอยเตอร์ – รัสเซียวานนี้(20)แสดงท่าทีมุ่งสู่การรับรองเอกราชสองแคว้นกบฎของจอร์เจีย พร้อมกันนั้นก็ใช้อำนาจยับยั้งญัตติของฝ่ายตะวันตกในคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ที่เรียกร้องให้มอสโกถอนทหารออกจากจอร์เจีย ทำให้ความตึงเครียดระหว่างสองฝ่ายเพิ่มทวีขึ้น แม้ประธานาธิบดีหมีขาวออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า จะถอนกำลังของตนออกจากจอร์เจียทั้งหมดภายในวันศุกร์(22)นี้
เซอร์เก มิโรนอฟ ประธานสภาสหพันธรัฐ อันเป็นสภาสูงในรัฐสภาของรัสเซีย แถลงวานนี้ว่า สภาสหพันธรัฐจะประชุมวาระฉุกเฉินกันในวันจันทร์(25)นี้ เพื่ออภิปรายคำร้องของแคว้นอับฮาเซีย และแคว้นเซาท์ออสซีเชีย ที่ขอให้รับรองว่าดินแดนซึ่งประกาศแยกตัวเป็นอิสระจากจอร์เจียทั้งสองแห่งนี้ มีฐานะเป็นรัฐเอกราช
การประกาศคราวนี้มีขึ้นเพียงครู่เดียว หลังจากสมาชิกนิติบัญญัติอาวุโสผู้หนึ่งของอับคาเซียแถลงว่า แคว้นของเขาจะพยายามใหม่อีกครั้งเพื่อให้รัสเซียยอมรับรอง
ตามรายงานของสำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์ มิโรนอฟบอกว่า สภาสหพันธรัฐพร้อมรับรองความเป็นเอกราชของเซาท์ออสซีเชีย และ อับฮาเซีย หากเป็นความปรารถนาของประชาชนในดินแดนทั้งสอง และสอดคล้องกับการตัดสินใจของประธานาธิบดีรัสเซีย
ขณะที่ประธานาธิบดี ดมิตรี เมดเวเดฟ ก็ได้แถลงออกมาแล้วว่า รัสเซียสนับสนุน “โดยไม่กำกวม” ต่อการตัดสินใจใดๆ ที่กระทำโดยประชาชนของเซาท์ออสซีเชีย และอับฮาเซีย
ก่อนหน้านั้นในวันอังคาร(19) ฝรั่งเศสได้เสนอญัตติฉบับหนึ่งต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยได้รับความสนับสนุนอย่างแข็งขันจากฝ่ายตะวันตก มีเนื้อหาเรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารออกไปจอร์เจียในทันที ทว่าถูกรัสเซียลงมติคัดค้าน และเนื่องจากรัสเซียเป็น 1 ใน 5 สมาชิกถาวรของคณะมนตรี การคัดค้านเช่นนี้จึงเท่ากับเป็นการใช้อำนาจยับยั้งให้ญัตติต้องตกไป
เนื้อหาในญัตติฉบับนี้มีข้อความที่อ้างถึง “บูรณภาพแห่งดินแดนของจอร์เจียภายในพรมแดนซึ่งเป็นที่ยอมรับกันระหว่างประเทศของประเทศนี้” รัสเซียโต้แย้งว่าถ้อยคำเช่นนี้มุ่งบ่งชี้โดยอ้อมๆ ว่า แคว้นเซาท์ออสซีเชีย ซึ่งเป็นแกนกลางของความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับจอร์เจียคราวนี้ ควรต้องกลับไปบูรณาการกับส่วนกลางของจอร์เจีย อันเป็นสิ่งที่ห่างไกลความเป็นไปได้เสียแล้ว ภายหลังการสู้รบนองเลือดของเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ในวันอังคารเช่นกัน วังเครมลินซึ่งเป็นทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแถลงว่า ประธานาธิบดีเมดเวเดฟได้แจ้งกับประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส ระหว่างหารือกันทางโทรศัพท์ว่า รัสเซียจะถอนกำลังทหารออกจากจอร์เจียและกลับไปประจำการยังที่มั่นเดิมก่อนเกิดสงคราม ภายในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ซึ่งหมายความว่ารัสเซียจะต้องถอนกำลังทหารส่วนใหญ่กลับรัสเซียหรือเซาท์ออสซีเชีย แต่กำลังทหารบางส่วนจะยังคงอยู่ในบริเวณกันชนโดยรอบพื้นที่ขัดแย้ง ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิงที่ฝรั่งเศสเป็นผู้ออกหน้าเจรจาสงบศึกระหว่างทั้งสองฝ่าย
ขณะเดียวกัน แถลงการณ์อีกชุดหนึ่งจากทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็ระบุว่า เมดเวเดฟยินยอมให้ผู้สังเกตการณ์จากองค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี) เข้าไปในเขตกันชนได้
อย่างไรก็ตาม ทางการสหรัฐฯ และจอร์เจียระบุว่า แม้เมดเดเวฟได้แถลงไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะเริ่มถอนทหารออกไปในวันจันทร์(18)ที่ผ่านมา แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่พบว่ามีการถอนทหารรัสเซียอย่างชัดเจนแต่อย่างใด และแม้ทางการรัสเซียจะเผยแพร่รายงานการถอนกำลังทหารหน่วยแรกพร้อมด้วยรถถังและยานพาหนะ 5 คันออกจากเมืองโกรี อันเป็นเมืองยุทธศาสตร์ของจอร์เจีย แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการเคลื่อนกำลังกลับออกมาเป็นจำนวนมากพอที่จะยืนยันว่ารัสเซียกำลังถอนทหารจริง
เซอร์เก มิโรนอฟ ประธานสภาสหพันธรัฐ อันเป็นสภาสูงในรัฐสภาของรัสเซีย แถลงวานนี้ว่า สภาสหพันธรัฐจะประชุมวาระฉุกเฉินกันในวันจันทร์(25)นี้ เพื่ออภิปรายคำร้องของแคว้นอับฮาเซีย และแคว้นเซาท์ออสซีเชีย ที่ขอให้รับรองว่าดินแดนซึ่งประกาศแยกตัวเป็นอิสระจากจอร์เจียทั้งสองแห่งนี้ มีฐานะเป็นรัฐเอกราช
การประกาศคราวนี้มีขึ้นเพียงครู่เดียว หลังจากสมาชิกนิติบัญญัติอาวุโสผู้หนึ่งของอับคาเซียแถลงว่า แคว้นของเขาจะพยายามใหม่อีกครั้งเพื่อให้รัสเซียยอมรับรอง
ตามรายงานของสำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์ มิโรนอฟบอกว่า สภาสหพันธรัฐพร้อมรับรองความเป็นเอกราชของเซาท์ออสซีเชีย และ อับฮาเซีย หากเป็นความปรารถนาของประชาชนในดินแดนทั้งสอง และสอดคล้องกับการตัดสินใจของประธานาธิบดีรัสเซีย
ขณะที่ประธานาธิบดี ดมิตรี เมดเวเดฟ ก็ได้แถลงออกมาแล้วว่า รัสเซียสนับสนุน “โดยไม่กำกวม” ต่อการตัดสินใจใดๆ ที่กระทำโดยประชาชนของเซาท์ออสซีเชีย และอับฮาเซีย
ก่อนหน้านั้นในวันอังคาร(19) ฝรั่งเศสได้เสนอญัตติฉบับหนึ่งต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยได้รับความสนับสนุนอย่างแข็งขันจากฝ่ายตะวันตก มีเนื้อหาเรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารออกไปจอร์เจียในทันที ทว่าถูกรัสเซียลงมติคัดค้าน และเนื่องจากรัสเซียเป็น 1 ใน 5 สมาชิกถาวรของคณะมนตรี การคัดค้านเช่นนี้จึงเท่ากับเป็นการใช้อำนาจยับยั้งให้ญัตติต้องตกไป
เนื้อหาในญัตติฉบับนี้มีข้อความที่อ้างถึง “บูรณภาพแห่งดินแดนของจอร์เจียภายในพรมแดนซึ่งเป็นที่ยอมรับกันระหว่างประเทศของประเทศนี้” รัสเซียโต้แย้งว่าถ้อยคำเช่นนี้มุ่งบ่งชี้โดยอ้อมๆ ว่า แคว้นเซาท์ออสซีเชีย ซึ่งเป็นแกนกลางของความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับจอร์เจียคราวนี้ ควรต้องกลับไปบูรณาการกับส่วนกลางของจอร์เจีย อันเป็นสิ่งที่ห่างไกลความเป็นไปได้เสียแล้ว ภายหลังการสู้รบนองเลือดของเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ในวันอังคารเช่นกัน วังเครมลินซึ่งเป็นทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแถลงว่า ประธานาธิบดีเมดเวเดฟได้แจ้งกับประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส ระหว่างหารือกันทางโทรศัพท์ว่า รัสเซียจะถอนกำลังทหารออกจากจอร์เจียและกลับไปประจำการยังที่มั่นเดิมก่อนเกิดสงคราม ภายในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ซึ่งหมายความว่ารัสเซียจะต้องถอนกำลังทหารส่วนใหญ่กลับรัสเซียหรือเซาท์ออสซีเชีย แต่กำลังทหารบางส่วนจะยังคงอยู่ในบริเวณกันชนโดยรอบพื้นที่ขัดแย้ง ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิงที่ฝรั่งเศสเป็นผู้ออกหน้าเจรจาสงบศึกระหว่างทั้งสองฝ่าย
ขณะเดียวกัน แถลงการณ์อีกชุดหนึ่งจากทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็ระบุว่า เมดเวเดฟยินยอมให้ผู้สังเกตการณ์จากองค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี) เข้าไปในเขตกันชนได้
อย่างไรก็ตาม ทางการสหรัฐฯ และจอร์เจียระบุว่า แม้เมดเดเวฟได้แถลงไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะเริ่มถอนทหารออกไปในวันจันทร์(18)ที่ผ่านมา แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่พบว่ามีการถอนทหารรัสเซียอย่างชัดเจนแต่อย่างใด และแม้ทางการรัสเซียจะเผยแพร่รายงานการถอนกำลังทหารหน่วยแรกพร้อมด้วยรถถังและยานพาหนะ 5 คันออกจากเมืองโกรี อันเป็นเมืองยุทธศาสตร์ของจอร์เจีย แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการเคลื่อนกำลังกลับออกมาเป็นจำนวนมากพอที่จะยืนยันว่ารัสเซียกำลังถอนทหารจริง