รอยเตอร์ - รัสเซียและจอร์เจียซึ่งลงนามในแผนสันติภาพขั้น "หลักการ" ต่างก็ประกาศเมื่อวานนี้ (13) ไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สู้รบตลอด 5 วันที่เซาท์ออสซีเชีย ก่อนจะนั่งโต๊ะเจรจากันในรายละเอียดของแผนดังกล่าวตามข้อเสนอของสหภาพยุโรป โดยคาดกันว่ายังต้องถกกันหนัก ด้านฝรั่งเศสก็เตรียมนำเสนอแผนดังกล่าวต่อสหภาพยุโรปและสหประชาชาติ ขณะที่สหรัฐฯ ระบุว่ารัสเซียสุ่มเสี่ยงที่จะเสียชื่อเสียง
"เรายังไม่ได้สันติภาพมา" ประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส แถลงข่าวที่กรุงมอสโกในวันอังคาร(12)โดยยืนเคียงคู่กับประธานาธิบดีเมดเวเดฟ "แต่เราได้หยุดความเป็นปฏิปักษ์กันชั่วคราว และทุกคนก็ควรตระหนักด้วยว่านี่เป็นกระบวนการที่สำคัญ"
สื่อฝรั่งเศสรายงานว่า แผนสันติภาพครั้งนี้จะให้ความเคารพต่อ "อธิปไตยและอิสรภาพ" ของจอร์เจีย แต่ไม่ได้อ้างถึง "บูรณภาพของดินแดน" ซึ่งคงจะเป็นประเด็นถกเถียงกันในรายละเอียดต่อไป
ดินแดนสงครามและพื้นที่ใกล้เคียงของจอร์เจียกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้งในช่วงคืนวันอังคาร หลังจากที่ประธานาธิบดีดมิตรี เมดเวเดฟแห่งรัสเซีย ประกาศหยุดปฏิบัติการทางทหารในจอร์เจีย และต่อมาทั้งสองฝ่ายก็ยอมลงนามในข้อตกลง"หลักการ"รวมหกข้อ ตามแผนสันติภาพที่ประธานาธิบดีซาร์โกซี ซึ่งเป็นประธานตามระบบหมุนเวียนของสหภาพยุโรปในวาระปัจจุบัน เสนอในวันเดียวกันนั้น
นอกจากนั้น ในคืนวันอังคารเช่นกัน ชาวจอร์เจียหลายหมื่นคนต่างออกมาชุมนุมกันเพื่อประณามปฏิบัติการของรัสเซีย ซึ่งรวมถึงการทิ้งระเบิดจู่โจมฐานที่มั่นทางทหารสำคัญๆ หลายแห่งทั่วประเทศ
ส่วนที่กรุงมอสโก หนังสือพิมพ์ อิสเวสติยา ของรัสเซียตีพิมพ์ข้อความขึ้นหน้าหนึ่งว่า "ผู้รุกรานถูกลงโทษและได้รับความสูญเสียอย่างมากแล้ว" และรัฐบาลยังสั่งให้ลดธงชาติครึ่งเสาตลอดวันเพื่อไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สู้รบ หลังจากที่รัสเซียได้ส่งกองกำลังพร้อมรถถังเข้าไปยังแคว้นเซาท์ออสซีเชียเมื่อสัปดาห์ก่อน เพื่อหยุดยั้งไม่ให้จอร์เจียเข้ายึดครองดินแดนซึ่งต้องการขอแยกตัวจากจอร์เจีย
อย่างไรก็ตาม ภายในเมืองซฮินวาลี ซึ่งเป็นเมืองเอกของเซาท์ออสซีเชียและบริเวณโดยรอบ ยังคงมีการยิงสู้รบกันประปราย แต่ไม่มีการต่อสู้รุนแรงในบริเวณแนวหน้า และแม้บรรยากาศโดยรวมจะ "ค่อนข้างสงบ" แต่ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมือง ว่ารถถังจำนวนหนึ่งของรัสเซียกำลังเคลื่อนเข้าสู่เมืองโกรี ของจอร์เจีย ซึ่งอยู่ห่างจาก ซฮินวาลีไปทางใต้ราว 25 กิโลเมตร
ทั้งนี้ บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรปจะเข้ารับฟังรายงานจากแบร์นารต์ คุชแนร์ รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศสซึ่งรับผิดชอบภารกิจการรักษาสันติภาพ คาดว่าพวกเขาจะลงนามในแผนการหยุดยิงและนำเสถียรภาพกลับคืนมาอีกครั้ง และเมื่อแผนสันติภาพนี้ผ่านการรับรองจากที่ประชุมในกรุงบรัสเซลซ์แล้วก็จะใช้เป็นมาตรฐานในการลงมติของคณะมนตรีความมั่งคงแห่งสหประชาชาติต่อไป
**รัสเซียเสี่ยงเสียชื่อ**
ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและจอร์เจียในครั้งนี้ยังเปิดเผยให้เห็นถึงความแตกต่างด้านการทูตในหมู่ผู้นำตะวันตกเองด้วย เนื่องจากสหรัฐฯ และอังกฤษนั้นกล่าวประณามรัสเซียว่ารุกรานเพื่อนบ้านอย่างรุนแรง ในขณะที่ฝรั่งเศส อิตาลี และเยอรมนีนั้นระมัดระวังการพูดวิพากษ์วิจารณ์รัสเซียมากกว่า เพราะรัสเซียเป็นผู้ซัปพลายน้ำมันรายหลักของตน และยังทำธุรกิจร่วมกันอยู่ไม่น้อยด้วย
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ประณามรัสเซียว่ากระทำการรุนแรงและโหดร้ายโดยมีเป้าหมายที่จะล้มประธานาธิบดีมิเฮอิล ซาคัชวิลี ผู้เป็นพันธมิตรของชาติตะวันตก อีกทั้งในวันอังคาร สหรัฐฯ ยังได้ประกาศงดปฏิบัติการซ้อมรบทางเรือในมหาสมุทรแปซิฟิกร่วมกับรัสเซีย อังกฤษ และฝรั่งเศส ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
คอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า ชื่อเสียงและบทบาทของรัสเซียในประชาคมโลก "อยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง"
ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรปในกรุงบรัสเซลส์บอกว่า บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศคงจะบอกกับรัสเซียว่า การใช้กำลังทหารในจอร์เจียครั้งนี้จะกระเทือนต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปกับรัสเซีย โดยไม่เจาะจงว่าจะกระเทือนเรื่องอะไรบ้าง
เป็นที่คาดว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะถ่วงรัสเซีย ได้เข้าเป็นสมาชิกของดับเบิลยูทีโอและองค์การเพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความร่วมมือช้าลงไปอีก และยังสั่นคลอนบทบาทการเป็นหนึ่งในประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 8 ประเทศด้วย
"เรายังไม่ได้สันติภาพมา" ประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส แถลงข่าวที่กรุงมอสโกในวันอังคาร(12)โดยยืนเคียงคู่กับประธานาธิบดีเมดเวเดฟ "แต่เราได้หยุดความเป็นปฏิปักษ์กันชั่วคราว และทุกคนก็ควรตระหนักด้วยว่านี่เป็นกระบวนการที่สำคัญ"
สื่อฝรั่งเศสรายงานว่า แผนสันติภาพครั้งนี้จะให้ความเคารพต่อ "อธิปไตยและอิสรภาพ" ของจอร์เจีย แต่ไม่ได้อ้างถึง "บูรณภาพของดินแดน" ซึ่งคงจะเป็นประเด็นถกเถียงกันในรายละเอียดต่อไป
ดินแดนสงครามและพื้นที่ใกล้เคียงของจอร์เจียกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้งในช่วงคืนวันอังคาร หลังจากที่ประธานาธิบดีดมิตรี เมดเวเดฟแห่งรัสเซีย ประกาศหยุดปฏิบัติการทางทหารในจอร์เจีย และต่อมาทั้งสองฝ่ายก็ยอมลงนามในข้อตกลง"หลักการ"รวมหกข้อ ตามแผนสันติภาพที่ประธานาธิบดีซาร์โกซี ซึ่งเป็นประธานตามระบบหมุนเวียนของสหภาพยุโรปในวาระปัจจุบัน เสนอในวันเดียวกันนั้น
นอกจากนั้น ในคืนวันอังคารเช่นกัน ชาวจอร์เจียหลายหมื่นคนต่างออกมาชุมนุมกันเพื่อประณามปฏิบัติการของรัสเซีย ซึ่งรวมถึงการทิ้งระเบิดจู่โจมฐานที่มั่นทางทหารสำคัญๆ หลายแห่งทั่วประเทศ
ส่วนที่กรุงมอสโก หนังสือพิมพ์ อิสเวสติยา ของรัสเซียตีพิมพ์ข้อความขึ้นหน้าหนึ่งว่า "ผู้รุกรานถูกลงโทษและได้รับความสูญเสียอย่างมากแล้ว" และรัฐบาลยังสั่งให้ลดธงชาติครึ่งเสาตลอดวันเพื่อไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สู้รบ หลังจากที่รัสเซียได้ส่งกองกำลังพร้อมรถถังเข้าไปยังแคว้นเซาท์ออสซีเชียเมื่อสัปดาห์ก่อน เพื่อหยุดยั้งไม่ให้จอร์เจียเข้ายึดครองดินแดนซึ่งต้องการขอแยกตัวจากจอร์เจีย
อย่างไรก็ตาม ภายในเมืองซฮินวาลี ซึ่งเป็นเมืองเอกของเซาท์ออสซีเชียและบริเวณโดยรอบ ยังคงมีการยิงสู้รบกันประปราย แต่ไม่มีการต่อสู้รุนแรงในบริเวณแนวหน้า และแม้บรรยากาศโดยรวมจะ "ค่อนข้างสงบ" แต่ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมือง ว่ารถถังจำนวนหนึ่งของรัสเซียกำลังเคลื่อนเข้าสู่เมืองโกรี ของจอร์เจีย ซึ่งอยู่ห่างจาก ซฮินวาลีไปทางใต้ราว 25 กิโลเมตร
ทั้งนี้ บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรปจะเข้ารับฟังรายงานจากแบร์นารต์ คุชแนร์ รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศสซึ่งรับผิดชอบภารกิจการรักษาสันติภาพ คาดว่าพวกเขาจะลงนามในแผนการหยุดยิงและนำเสถียรภาพกลับคืนมาอีกครั้ง และเมื่อแผนสันติภาพนี้ผ่านการรับรองจากที่ประชุมในกรุงบรัสเซลซ์แล้วก็จะใช้เป็นมาตรฐานในการลงมติของคณะมนตรีความมั่งคงแห่งสหประชาชาติต่อไป
**รัสเซียเสี่ยงเสียชื่อ**
ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและจอร์เจียในครั้งนี้ยังเปิดเผยให้เห็นถึงความแตกต่างด้านการทูตในหมู่ผู้นำตะวันตกเองด้วย เนื่องจากสหรัฐฯ และอังกฤษนั้นกล่าวประณามรัสเซียว่ารุกรานเพื่อนบ้านอย่างรุนแรง ในขณะที่ฝรั่งเศส อิตาลี และเยอรมนีนั้นระมัดระวังการพูดวิพากษ์วิจารณ์รัสเซียมากกว่า เพราะรัสเซียเป็นผู้ซัปพลายน้ำมันรายหลักของตน และยังทำธุรกิจร่วมกันอยู่ไม่น้อยด้วย
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ประณามรัสเซียว่ากระทำการรุนแรงและโหดร้ายโดยมีเป้าหมายที่จะล้มประธานาธิบดีมิเฮอิล ซาคัชวิลี ผู้เป็นพันธมิตรของชาติตะวันตก อีกทั้งในวันอังคาร สหรัฐฯ ยังได้ประกาศงดปฏิบัติการซ้อมรบทางเรือในมหาสมุทรแปซิฟิกร่วมกับรัสเซีย อังกฤษ และฝรั่งเศส ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
คอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า ชื่อเสียงและบทบาทของรัสเซียในประชาคมโลก "อยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง"
ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรปในกรุงบรัสเซลส์บอกว่า บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศคงจะบอกกับรัสเซียว่า การใช้กำลังทหารในจอร์เจียครั้งนี้จะกระเทือนต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปกับรัสเซีย โดยไม่เจาะจงว่าจะกระเทือนเรื่องอะไรบ้าง
เป็นที่คาดว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะถ่วงรัสเซีย ได้เข้าเป็นสมาชิกของดับเบิลยูทีโอและองค์การเพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความร่วมมือช้าลงไปอีก และยังสั่นคลอนบทบาทการเป็นหนึ่งในประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 8 ประเทศด้วย