รอยเตอร์/เอเอฟพี – ชาวรัสเซียไปใช้สิทธิออกเสียงเลือกประธานาธิบดีคนใหม่กันเมื่อวานนี้(2) โดยเป็นที่คาดหมายกันแบบมั่นใจเต็มร้อยอยู่แล้วว่า ชัยชนะจะตกเป็นของ ดมิตรี เมดเวเดฟ ผู้ซึ่ง วลาดิมีร์ ปูติน ประมุขวังเครมลินเลือกมากับมือเพื่อให้ขึ้นเป็นทายาท แม้จะมีเสียงประณามทั้งจากฝ่ายค้านแดนหมีขาวตลอดจนโลกตะวันตก
เมดเวเดฟต้องเผชิญกับคู่แข่งขันอีก 3 คน ทว่าผลโพลทุกๆ สำนักต่างทำนายว่า รองนายกรัฐมนตรีอันดับหนึ่งและประธานของรัฐวิสาหกิจ “กาซปรอม” ผู้นี้ จะได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ซึ่งจะเป็นหลักประกันว่าปูตินจะสามารถแสดงพลังอำนาจอยู่หลังบัลลังก์ต่อไป
โฟกัสจึงจะอยู่ที่เปอร์เซ็นต์ของผู้ออกมาใช้สิทธิ เพราะหากอยู่ในระดับต่ำก็อาจกลายเป็นเครื่องบดบังรัศมีเรืองรองแห่งชัยชนะของเมดเวเดฟ ด้วยเหตุนี้เอง วังเครมลินจึงใช้ความพยายามอย่างมากในการทำให้ผู้คนออกไปใช้สิทธิกันเยอะๆ โดยมีรายงานว่า เจ้าของโรงงานหลายแห่งซึ่งสนับสนุนเครมลิน บีบบังคับให้ลูกจ้างต้องไปโหวต ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องตกงาน
ในผู้สมัครอื่นๆ ที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็น เกนนาดี ซูย์กานอฟ ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์, วลาดิมีร์ จีรีนอฟสกี นักชาตินิยมจัดผู้เดินแนวทางประชานิยม, และ อันเดร บ็อกดานอฟ ซึ่งแทบไม่มีใครรู้จัก ต่างไม่ได้มีทีท่าจะสามารถท้าทายเมดเวเดฟได้อย่างจริงจังเลย
พวกฝ่ายค้านวังเครมลินต่างบอกว่า ผู้ออกเสียงถูกปฏิเสธไม่ให้มีทางเลือกที่แท้จริงด้วยซ้ำ เพราะบรรดาเครือข่ายโทรทัศน์ใหญ่ที่สุดต่างเต็มไปด้วยรายงานข่าวซึ่งเชียร์เมดเวเดฟ แถมทางคณะกรรมการการเลือกตั้งยังกีดกันตัดสิทธิฝ่ายค้านที่ท่าทางน่าเกรงขามบางราย จนไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
ขณะที่กลุ่มสังเกตการณ์การเลือกตั้งของโลกตะวันตกส่วนใหญ่ ต่างคว่ำบาตรไม่เข้าร่วมให้การรับรองการโหวตคราวนี้ เนื่องจากพิพาทขัดแย้งกับฝ่ายจัดการเลือกตั้งของรัสเซียในเรื่องจำนวนผู้สังเกตการณ์ ตลอดจนเรื่องระยะเวลาที่พวกเขาจะพำนักได้
กระนั้น ผู้ออกเสียงบางคนก็ให้สัมภาษณ์ว่ายินดีเลือกคนที่ปูตินวางไว้ให้เป็นทายาท “ผมโหวตให้เมดเวเดฟ ผมคิดว่าเขาเป็นคนหนุ่มและฉลาด และจะทำงานได้ดีโดยประสานไปกับปูติน” ชาวมอสโกวัย 70 ปีผู้หนึ่งซึ่งบอกเพียงชื่อหน้าของตัวเองว่า จอร์จี กล่าวขณะไปลงคะแนนท่ามกลางหิมะตกปกคลุมทั่วเมืองหลวง
เหตุผลที่สำคัญก็คือ รัสเซียในยุคปูตินประสบความรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยที่สำคัญมาจากน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของแดนหมีขาว กำลังมีราคาพุ่งทะยาน นอกจากนั้นเขายังทำให้ประเทศมีเสถียรภาพและเพิ่มศักดิ์ศรีที่สูญเสียไปมากหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
ผู้คนส่วนใหญ่ยังมองว่า การทำงานคู่กันระหว่างปูตินกับเมดเวเดฟ น่าจะเป็นสิ่งที่หวังได้มากที่สุด เพื่อทำให้ความมั่งคั่งและเสถียรภาพซึ่งเพิ่งได้พบพาน สามารถยืนยาวสืบเนื่องต่อไป
เมดเวเดฟต้องเผชิญกับคู่แข่งขันอีก 3 คน ทว่าผลโพลทุกๆ สำนักต่างทำนายว่า รองนายกรัฐมนตรีอันดับหนึ่งและประธานของรัฐวิสาหกิจ “กาซปรอม” ผู้นี้ จะได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ซึ่งจะเป็นหลักประกันว่าปูตินจะสามารถแสดงพลังอำนาจอยู่หลังบัลลังก์ต่อไป
โฟกัสจึงจะอยู่ที่เปอร์เซ็นต์ของผู้ออกมาใช้สิทธิ เพราะหากอยู่ในระดับต่ำก็อาจกลายเป็นเครื่องบดบังรัศมีเรืองรองแห่งชัยชนะของเมดเวเดฟ ด้วยเหตุนี้เอง วังเครมลินจึงใช้ความพยายามอย่างมากในการทำให้ผู้คนออกไปใช้สิทธิกันเยอะๆ โดยมีรายงานว่า เจ้าของโรงงานหลายแห่งซึ่งสนับสนุนเครมลิน บีบบังคับให้ลูกจ้างต้องไปโหวต ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องตกงาน
ในผู้สมัครอื่นๆ ที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็น เกนนาดี ซูย์กานอฟ ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์, วลาดิมีร์ จีรีนอฟสกี นักชาตินิยมจัดผู้เดินแนวทางประชานิยม, และ อันเดร บ็อกดานอฟ ซึ่งแทบไม่มีใครรู้จัก ต่างไม่ได้มีทีท่าจะสามารถท้าทายเมดเวเดฟได้อย่างจริงจังเลย
พวกฝ่ายค้านวังเครมลินต่างบอกว่า ผู้ออกเสียงถูกปฏิเสธไม่ให้มีทางเลือกที่แท้จริงด้วยซ้ำ เพราะบรรดาเครือข่ายโทรทัศน์ใหญ่ที่สุดต่างเต็มไปด้วยรายงานข่าวซึ่งเชียร์เมดเวเดฟ แถมทางคณะกรรมการการเลือกตั้งยังกีดกันตัดสิทธิฝ่ายค้านที่ท่าทางน่าเกรงขามบางราย จนไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
ขณะที่กลุ่มสังเกตการณ์การเลือกตั้งของโลกตะวันตกส่วนใหญ่ ต่างคว่ำบาตรไม่เข้าร่วมให้การรับรองการโหวตคราวนี้ เนื่องจากพิพาทขัดแย้งกับฝ่ายจัดการเลือกตั้งของรัสเซียในเรื่องจำนวนผู้สังเกตการณ์ ตลอดจนเรื่องระยะเวลาที่พวกเขาจะพำนักได้
กระนั้น ผู้ออกเสียงบางคนก็ให้สัมภาษณ์ว่ายินดีเลือกคนที่ปูตินวางไว้ให้เป็นทายาท “ผมโหวตให้เมดเวเดฟ ผมคิดว่าเขาเป็นคนหนุ่มและฉลาด และจะทำงานได้ดีโดยประสานไปกับปูติน” ชาวมอสโกวัย 70 ปีผู้หนึ่งซึ่งบอกเพียงชื่อหน้าของตัวเองว่า จอร์จี กล่าวขณะไปลงคะแนนท่ามกลางหิมะตกปกคลุมทั่วเมืองหลวง
เหตุผลที่สำคัญก็คือ รัสเซียในยุคปูตินประสบความรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยที่สำคัญมาจากน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของแดนหมีขาว กำลังมีราคาพุ่งทะยาน นอกจากนั้นเขายังทำให้ประเทศมีเสถียรภาพและเพิ่มศักดิ์ศรีที่สูญเสียไปมากหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
ผู้คนส่วนใหญ่ยังมองว่า การทำงานคู่กันระหว่างปูตินกับเมดเวเดฟ น่าจะเป็นสิ่งที่หวังได้มากที่สุด เพื่อทำให้ความมั่งคั่งและเสถียรภาพซึ่งเพิ่งได้พบพาน สามารถยืนยาวสืบเนื่องต่อไป