ผู้จัดการรายวัน-สบน.เผยสิ้นปี 50 ยอดหนี้สาธารณะคงค้างมีจำนวน 3.18 ล้านล้านบาท คิดเป็น 37.96%ของจีดีพี ลดลงจากเดือนก่อน 2.5 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน-กองทุนฟื้นฟูฯลดลง ขณะที่หนี้รัฐบาลกู้โดยตรงกลับสวนกระแสพุ่งขึ้นกว่าพันล้านบาท เหตุออกเงินกู้ชดเชยการขาดดุลงบประมาณฯ
รายงานข่าวจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้างล่าสุด ณ สิ้นเดือนธ.ค.50 ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 3,183,776 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37.96%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ทำให้เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหนี้ลดลง 25,266 ล้านบาท เนื่องจากหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันและไม่ค้ำประกัน รวมถึงหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงเป็นสำคัญ
โดยหนี้รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 1,397 ล้านบาทจากยอดคงค้างทั้งสิ้น 2,051,140 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.46%ของจีดีพี ขณะที่หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 15,846 ล้านบาท จากยอดคงค้างที่มีอยู่ 166,572 ล้านบาท เช่นเดียวกับหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินลดลง 10,817 ล้านบาทจากปัจจุบันมียอด 939,271 ล้านบาท ส่วนหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปัจจุบันมียอดคงค้างทั้งสิ้น 26,793 ล้านบาท
ทั้งนี้ หนี้รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้นดังกล่าวเกิดจากออกเงินกู้ระยะยาวในรูปพันธบัตรและตราสารหนี้อื่นๆ เพื่อนำเงินมาชดเชยการขาดดุลเงินงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 1.75 หมื่นล้านบาท ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง เนื่องจากกองทุนฟื้นฟูฯ ได้ชำระคืนเงินกู้ในตลาดซื้อคืนพันธบัตรวงเงินรวม 35,800 ล้านบาท และออกพันธบัตรในประเทศ วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท
สำหรับหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันลดลงสุทธิ 5,776 ล้านบาท เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ชำระคืนหนี้ต่างประเทศสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานร่วมระยองระยะที่ 4 และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ชำระคืนหนี้ต่างประเทศสำหรับโครงการวางท่อก๊าซธรรมชาติ ขณะที่หนี้ที่ไม่ค้ำประกันลดลง เพราะบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ชำระหนี้ต่างประเทศสำหรับค่าเช่าซื้อเครื่องบิน ในส่วนของหนี้ในประเทศ การเคหะแห่งชาติได้ชำระคืนหนี้ระยะยาวและพันธบัตร วงเงิน 1,622 ล้านบาท และ 500 ล้านบาท และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้ชำระคืนหุ้นกู้วงเงิน 800 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยอดคงค้างหนี้สาธารณะดังกล่าว แบ่งเป็นหนี้ต่างประเทศ 399,143 ล้านบาท คิดเป็น 12.54% และหนี้ในประเทศ 2,784,633 ล้านบาท คิดเป็น 87.46% ขณะที่หนี้ระยะยาว 3,000,048 ล้านบาท หรือคิดเป็น 94.23% และหนี้ระยะสั้น 183,728 ล้านบาท คิดเป็น 5.77%ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
รายงานข่าวจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้างล่าสุด ณ สิ้นเดือนธ.ค.50 ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 3,183,776 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37.96%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ทำให้เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหนี้ลดลง 25,266 ล้านบาท เนื่องจากหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันและไม่ค้ำประกัน รวมถึงหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงเป็นสำคัญ
โดยหนี้รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 1,397 ล้านบาทจากยอดคงค้างทั้งสิ้น 2,051,140 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.46%ของจีดีพี ขณะที่หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 15,846 ล้านบาท จากยอดคงค้างที่มีอยู่ 166,572 ล้านบาท เช่นเดียวกับหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินลดลง 10,817 ล้านบาทจากปัจจุบันมียอด 939,271 ล้านบาท ส่วนหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปัจจุบันมียอดคงค้างทั้งสิ้น 26,793 ล้านบาท
ทั้งนี้ หนี้รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้นดังกล่าวเกิดจากออกเงินกู้ระยะยาวในรูปพันธบัตรและตราสารหนี้อื่นๆ เพื่อนำเงินมาชดเชยการขาดดุลเงินงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 1.75 หมื่นล้านบาท ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง เนื่องจากกองทุนฟื้นฟูฯ ได้ชำระคืนเงินกู้ในตลาดซื้อคืนพันธบัตรวงเงินรวม 35,800 ล้านบาท และออกพันธบัตรในประเทศ วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท
สำหรับหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันลดลงสุทธิ 5,776 ล้านบาท เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ชำระคืนหนี้ต่างประเทศสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานร่วมระยองระยะที่ 4 และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ชำระคืนหนี้ต่างประเทศสำหรับโครงการวางท่อก๊าซธรรมชาติ ขณะที่หนี้ที่ไม่ค้ำประกันลดลง เพราะบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ชำระหนี้ต่างประเทศสำหรับค่าเช่าซื้อเครื่องบิน ในส่วนของหนี้ในประเทศ การเคหะแห่งชาติได้ชำระคืนหนี้ระยะยาวและพันธบัตร วงเงิน 1,622 ล้านบาท และ 500 ล้านบาท และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้ชำระคืนหุ้นกู้วงเงิน 800 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยอดคงค้างหนี้สาธารณะดังกล่าว แบ่งเป็นหนี้ต่างประเทศ 399,143 ล้านบาท คิดเป็น 12.54% และหนี้ในประเทศ 2,784,633 ล้านบาท คิดเป็น 87.46% ขณะที่หนี้ระยะยาว 3,000,048 ล้านบาท หรือคิดเป็น 94.23% และหนี้ระยะสั้น 183,728 ล้านบาท คิดเป็น 5.77%ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
