ผู้จัดการรายวัน-กองทุนฟื้นฟูฯ ปลื้มชำระหนี้คืนเงินกู้ตลาดอาร์พีได้ครบ 180,000 ล้านบาทแล้ว เชื่อไม่ต้องออกพันธบัตรออกมาดูแลภาระหนี้อีกแล้ว เหตุรับรู้ความเสียหายในอนาคตคงต้องใช้เวลาอีกยาว ชี้บีทีไม่มีแผนที่จะเพิ่มทุนเป็นรอบ 3 ส่วนการขายหุ้นของธนาคารพาณิชย์ทั้ง 3 แห่งที่ถืออยู่ หวังนโยบายจากรัฐบาลใหม่ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจรุ่ง มั่นใจหุ้นน่าลงทุนไม่ได้ขี้เหร่
นางพวงทิพย์ ปรมาพจน์ ผู้อำนวยการ สำนักบริหารธุรกิจและการเงิน สายจัดการกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน(FIDF) สามารถหาเงินมาชำระหนี้ที่เคยกู้จากตลาดซื้อคืนพันธบัตร(อาร์พี) ประมาณ 1.8 แสนล้านบาทได้ครบทั้งจำนวนแล้ว โดยเป็นการออกพันธบัตรกองทุนขายให้กับธปท.ในงบประมาณปี 2551จำนวน 4.3 หมื่นล้านบาท และก่อนหน้านี้ออกพันธบัตรออมทรัพย์ขายให้ประชาชนทั่วไป 7.3 หมื่นล้านบาท และออกพันธบัตรขายเจาะจงให้ธปท.อีก 5 หมื่นล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 1.66 แสนล้านบาท
ส่วนที่เหลืออีก 1.4 หมื่นล้านบาทนั้น กองทุนฟื้นฟูฯได้รับเงินนำส่งรอบปี 2550 จากระบบธนาคารพาณิชย์จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท และนอกจากนี้ ยังได้รับเงินจากเก็บหนี้จากสินทรัพย์ในความดูแลต่างๆอีก 2 พันล้านบาท ทำให้คืนหนี้ที่เคยกู้จากตลาดอาร์พีได้หมดแล้ว
นางพวงทิพย์ กล่าวว่า หลังจากสามารถชำระหนี้ที่กู้ในตลาดอาร์พีได้ครบแล้ว กองทุนฟื้นฟูฯคาดว่าไม่จำเป็นจะต้องออกพันธบัตรเพิ่มเติมมาดูแลภาระหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ อีก เนื่องจากเชื่อว่าจะสามารถประคับประคองสถานการณ์ไปได้อีกนาน ซึ่งภาระหนี้ในอนาคตยังต้องใช้เวลาในการรับรู้ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นเพิ่มเติมจากที่เคยประมาณไว้ 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาสามารถบริหารสินทรัพย์ได้เม็ดเงินกลับคืนมาบ้าง
“ส่วนภารกิจจากนี้ไป คือการติดตามทรัพย์สินส่วนที่เหลือ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถขายได้ และการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะปิดกองทุนฟื้นฟูฯ ส่วนการจะออกพันธบัตรกองทุนเพิ่มเติมหรือไม่นั้น คาดว่ากองทุนคงไม่มีการออกพันธบัตรเพิ่ม ซึ่งจะสามารถประคับประคองตังเองได้ เนื่องจากการรับรู้ความเสียหายคงต้องใช้เวลาอีกยาว”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ กองทุนฟื้นฟูฯ ได้เร่งออกขายพันธบัตรฯ เพื่อนำเงินไปทยอยใช้หนี้เดิม (รีไฟแนนซ์) ที่เคยกู้ไว้ในตลาดอาร์พี เพื่อให้ทันก่อนที่ตลาดนี้จะปิดตัวลงในวันที่ 12 ก.พ. 2551 ที่จะถึงนี้ โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ย.2550 กองทุนฟื้นฟูฯ ได้ออกพันธบัตรฯวงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.35% ขายเฉพาะเจาะจงให้กับธปท. และในวันเดียวกันก็ออกพันธบัตรวงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท อายุ 6 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.12% ขายเฉพาะเจาะจงให้ธปท.อีกเช่นกัน และต่อมาในวันที่ 30 พ.ย.2550 ได้ออกขายพันธบัตรออมทรัพย์กองทุนฟื้นฟูฯให้กับประชาชนทั่วไป ในวงเงิน 7.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น อายุ 2 ปี วงเงิน 4.3 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4.20% และอายุ 4 ปี วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4.65%
นอกจากนี้ ในงบประมาณปี 2551 กองทุนฟื้นฟูฯได้ออกพันธบัตรเพิ่มเติมอีก แบ่งเป็นวันที่ 28 ธ.ค.2550 ออกพันธบัตรวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท อายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 4.84% และ 24 ม.ค.2551ได้ออกพันธบัตรกองทุนฟื้นฟูฯเพิ่มเติมในวงเงิน1.6 หมื่นล้านบาท อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยที่ 5.12% และล่าสุดวันที่ 30 ม.ค.2551 ได้ออกพันธบัตรวงเงิน 7 พันล้านบาท อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.12% ซึ่งเป็นการขายแบบเฉพาะเจาะจงให้กับธปท.ทั้งหมด ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะต่อไปตลาดอาร์พีจะปิดตัวลงในวันที่ 12 ก.พ.ที่จะถึงนี้ จึงจำเป็นต้องการขายก้อนใหญ่ที่มีอายุพันธบัตรไม่ยาวนัก
นางพวงทิพย์ กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าก่อนจะมีการปิดตลาดอาร์พีธปท.ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สายตลาดการเงินยังคงทำธุรกรรมตามปกติในตลาดอาร์พี ธปท.ประมาณ 2-3 คน ส่วนที่เหลือกำลังอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมรองรับแผนมาใช้ตลาดซื้อคืนภาคเอกชน(Private Repo) หรือการกู้ยืมระหว่างธนาคาร (Interbank)แทน
ต่อข้อถามที่ว่าจะมีการเพิ่มทุนธนาคารไทยธนาคาร จำกัด(มหาชน) หรือ บีทีรอบ 3 อีกหรือไม่ นางพวงทิพย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มทุนในธนาคารดังกล่าว ส่วนแผนการขายหุ้นของธนาคาร 3 แห่ง ที่กองทุนถือหุ้นอยู่ คงต้องรอนโยบายจากรัฐบาลใหม่ว่าจะมีนโยบายอย่างไร อย่างไรก็ตาม หุ้นที่กองทุนถือหุ้นอยู่นั้น ถือว่าเป็นหุ้นที่น่าสนใจลงทุน แต่การขายจะต้องรอจังหวะที่เหมาะสม ที่ผ่านมาถือว่าจังหวะไม่ค่อยดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ไม่เอื้ออำนวย
“การขายหุ้นของแบงก์ไทยธนาคารที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่ ต้องรอนโยบายจากรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งหุ้นที่ถืออยู่ก็ไม่ได้ขี้เหร่ แต่การขาย ต้องรอจังหวะที่เหมาะสม”
นางพวงทิพย์ ปรมาพจน์ ผู้อำนวยการ สำนักบริหารธุรกิจและการเงิน สายจัดการกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน(FIDF) สามารถหาเงินมาชำระหนี้ที่เคยกู้จากตลาดซื้อคืนพันธบัตร(อาร์พี) ประมาณ 1.8 แสนล้านบาทได้ครบทั้งจำนวนแล้ว โดยเป็นการออกพันธบัตรกองทุนขายให้กับธปท.ในงบประมาณปี 2551จำนวน 4.3 หมื่นล้านบาท และก่อนหน้านี้ออกพันธบัตรออมทรัพย์ขายให้ประชาชนทั่วไป 7.3 หมื่นล้านบาท และออกพันธบัตรขายเจาะจงให้ธปท.อีก 5 หมื่นล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 1.66 แสนล้านบาท
ส่วนที่เหลืออีก 1.4 หมื่นล้านบาทนั้น กองทุนฟื้นฟูฯได้รับเงินนำส่งรอบปี 2550 จากระบบธนาคารพาณิชย์จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท และนอกจากนี้ ยังได้รับเงินจากเก็บหนี้จากสินทรัพย์ในความดูแลต่างๆอีก 2 พันล้านบาท ทำให้คืนหนี้ที่เคยกู้จากตลาดอาร์พีได้หมดแล้ว
นางพวงทิพย์ กล่าวว่า หลังจากสามารถชำระหนี้ที่กู้ในตลาดอาร์พีได้ครบแล้ว กองทุนฟื้นฟูฯคาดว่าไม่จำเป็นจะต้องออกพันธบัตรเพิ่มเติมมาดูแลภาระหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ อีก เนื่องจากเชื่อว่าจะสามารถประคับประคองสถานการณ์ไปได้อีกนาน ซึ่งภาระหนี้ในอนาคตยังต้องใช้เวลาในการรับรู้ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นเพิ่มเติมจากที่เคยประมาณไว้ 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาสามารถบริหารสินทรัพย์ได้เม็ดเงินกลับคืนมาบ้าง
“ส่วนภารกิจจากนี้ไป คือการติดตามทรัพย์สินส่วนที่เหลือ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถขายได้ และการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะปิดกองทุนฟื้นฟูฯ ส่วนการจะออกพันธบัตรกองทุนเพิ่มเติมหรือไม่นั้น คาดว่ากองทุนคงไม่มีการออกพันธบัตรเพิ่ม ซึ่งจะสามารถประคับประคองตังเองได้ เนื่องจากการรับรู้ความเสียหายคงต้องใช้เวลาอีกยาว”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ กองทุนฟื้นฟูฯ ได้เร่งออกขายพันธบัตรฯ เพื่อนำเงินไปทยอยใช้หนี้เดิม (รีไฟแนนซ์) ที่เคยกู้ไว้ในตลาดอาร์พี เพื่อให้ทันก่อนที่ตลาดนี้จะปิดตัวลงในวันที่ 12 ก.พ. 2551 ที่จะถึงนี้ โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ย.2550 กองทุนฟื้นฟูฯ ได้ออกพันธบัตรฯวงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.35% ขายเฉพาะเจาะจงให้กับธปท. และในวันเดียวกันก็ออกพันธบัตรวงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท อายุ 6 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.12% ขายเฉพาะเจาะจงให้ธปท.อีกเช่นกัน และต่อมาในวันที่ 30 พ.ย.2550 ได้ออกขายพันธบัตรออมทรัพย์กองทุนฟื้นฟูฯให้กับประชาชนทั่วไป ในวงเงิน 7.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น อายุ 2 ปี วงเงิน 4.3 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4.20% และอายุ 4 ปี วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4.65%
นอกจากนี้ ในงบประมาณปี 2551 กองทุนฟื้นฟูฯได้ออกพันธบัตรเพิ่มเติมอีก แบ่งเป็นวันที่ 28 ธ.ค.2550 ออกพันธบัตรวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท อายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 4.84% และ 24 ม.ค.2551ได้ออกพันธบัตรกองทุนฟื้นฟูฯเพิ่มเติมในวงเงิน1.6 หมื่นล้านบาท อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยที่ 5.12% และล่าสุดวันที่ 30 ม.ค.2551 ได้ออกพันธบัตรวงเงิน 7 พันล้านบาท อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.12% ซึ่งเป็นการขายแบบเฉพาะเจาะจงให้กับธปท.ทั้งหมด ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะต่อไปตลาดอาร์พีจะปิดตัวลงในวันที่ 12 ก.พ.ที่จะถึงนี้ จึงจำเป็นต้องการขายก้อนใหญ่ที่มีอายุพันธบัตรไม่ยาวนัก
นางพวงทิพย์ กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าก่อนจะมีการปิดตลาดอาร์พีธปท.ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สายตลาดการเงินยังคงทำธุรกรรมตามปกติในตลาดอาร์พี ธปท.ประมาณ 2-3 คน ส่วนที่เหลือกำลังอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมรองรับแผนมาใช้ตลาดซื้อคืนภาคเอกชน(Private Repo) หรือการกู้ยืมระหว่างธนาคาร (Interbank)แทน
ต่อข้อถามที่ว่าจะมีการเพิ่มทุนธนาคารไทยธนาคาร จำกัด(มหาชน) หรือ บีทีรอบ 3 อีกหรือไม่ นางพวงทิพย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มทุนในธนาคารดังกล่าว ส่วนแผนการขายหุ้นของธนาคาร 3 แห่ง ที่กองทุนถือหุ้นอยู่ คงต้องรอนโยบายจากรัฐบาลใหม่ว่าจะมีนโยบายอย่างไร อย่างไรก็ตาม หุ้นที่กองทุนถือหุ้นอยู่นั้น ถือว่าเป็นหุ้นที่น่าสนใจลงทุน แต่การขายจะต้องรอจังหวะที่เหมาะสม ที่ผ่านมาถือว่าจังหวะไม่ค่อยดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ไม่เอื้ออำนวย
“การขายหุ้นของแบงก์ไทยธนาคารที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่ ต้องรอนโยบายจากรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งหุ้นที่ถืออยู่ก็ไม่ได้ขี้เหร่ แต่การขาย ต้องรอจังหวะที่เหมาะสม”