xs
xsm
sm
md
lg

“เลี้ยบ” อึ้งภาระหนี้ในอนาคตพุ่ง สั่งปรับแผนลงทุน “เมกะโปรเจกต์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รมว.คลัง ตีกลับแผนการใช้เงินใน 5 ปีข้างหน้า ที่ต้องเม็ดเงินถึงกว่า 1.2 ล้านล้านบาท หวั่นภาระหนี้ในอนาคตพุ่งพรวด สั่งหาแหล่งเงินใหม่เพื่อใช้ในการลงทุนเมกะโปรเจกต์ เล็งเพิ่มเงินจากรัฐวิสาหกิจให้มากกว่า 10% และใช้เงินจากกองทุนน้ำมันอีกกว่า 7 หมื่นล้านบาท โปะ

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้นำเสนอแผนในการระดมเงินทุนเพื่อใช้ในการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ให้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับทราบ โดยได้เสนอแผนการใช้เงินใน 5 ปีข้างหน้า มูลค่าโครงการกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมโครงการใหม่ 9 เส้นทางของนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ ซึ่งในการระดมเงินดังกล่าวจะแบ่งเป็นใช้เงินงบประมาณ 44% เงินกู้ 52% รายได้ของรัฐวิสาหกิจ 10% และอื่นๆ 4% แต่หากจำกัดเฉพาะโครงการรถไฟฟ้า 5 สาย จะใช้เงินกู้ 60%

ทั้งนี้ จากการนำเสนอข้อมูลดังกล่าว รมว.คลัง เห็นว่า เป็นภาระหนี้ในอนาคตที่ค่อนข้างสูง ทั้งที่ยังไม่รวมโครงการในอนาคต จึงเสนอแนะให้มองหาแหล่งเงินทุนอื่นๆ โดยให้ศึกษาแนวทางการเพิ่มเงินจากรัฐวิสาหกิจให้มากกว่า 10% นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันอีกกว่า 70,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2551-2554 นั้น ขอให้กลับไปทำแผนการนำเงินมาใช้ให้ชัดเจนอีกครั้ง และให้พิจารณาดูกองทุนอื่นๆ ที่จะสามารถนำเงินมาสนับสนุนโครงการเมกะโปรเจกต์ได้ในอนาคตเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่าการลงทุนโครงการดังกล่าวไม่ควรพึ่งพาเงินงบประมาณมากเกินไป เพราะเมื่อ สบน.ได้นำเสนอตารางการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยในแต่ละปีที่รัฐบาลมีหน้าที่ต้องจัดสรรวงเงินงบประมารณให้พบว่า ในอนาคตจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะในช่วง 2-3 ปีทีผ่านมา รัฐบาลเพียงชำระคืนดอกเบี้ยเท่านั้น เนื่องจากงบชำระหนี้ได้ถูกปรับลดลงโดยสำนักงบประมาณเพื่อนำไปจัดสรรให้ส่วนอื่นแทน

“งบปี 2550 ตามหลักแล้วต้องชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 1 แสนล้านบาท แต่สำนักงบประมาณจัดสรรวงเงินให้เพียง 5.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเพียง 3.5% ของวงเงินงบประมาณทำให้ตามกรอบความยั่งยืนทางการคลังให้ได้ถึง 15% ขณะที่งบปี 2551 มีหนี้ครบชำระ 1.15 แสนล้านบาทแต่ถูกตัดงบเหลือเพียง 4.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 2.8% ของวเงินงบประมาณ ทำให้สามารถจ่ายได้เฉพาะดอกเบี้ยเท่านั้นเงินต้นแทบจะไม่ลดลงเลย ส่วนปี 52 ที่กำลังจัดทำนั้นมีวงเงินครบชะระหนี้ 1.2 แสนล้านบาท หากถูกตัดอีกภาระหนี้ก็จะไปพอกพูนในอนาคต ทำให้รัฐมนตรีคลังค่อนข้างหนักใจกับภาระหนี้ดังกล่าว” แหล่งข่าว กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น