xs
xsm
sm
md
lg

5 แกนนำพันธมิตรฯ พร้อมรบ-ขวางหุ่นเชิดทุกรูปแบบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แกนนำพันธมิตรฯ เหลืออดพฤติกรรมรัฐบาลหุ่นเชิด เหตุแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมหวังกรุยทางฟอกทักษิณพ้นผิดก่อนรับกลับประเทศ ประกาศฟื้นตัวต่อสู้ทุกรูปแบบถึงไหนถึงกัน เรียกร้องประชาชนที่รับความเป็นธรรมทั่วประเทศเตรียมพร้อม ยันหากมีการชุมนุมจะทำโดยสันติ อหิงสา และถูกกฎหมาย "สนธิ" ชี้ย้าย "สุนัย" และพฤติกรรมกร่างของ กกต.สมชัย เป็นชนวนสำคัญให้พันธมิตรฯ ต้องออกมา "จำลอง" ลั่นการต่อสู้จะเข้มข้นกว่าเดิมแน่นอน "พิภพ" เตือนถ้ายังไม่เลิกแทรกแซงจะเกิดกลียุคในชาติ "สมเกียรติ" ทวงถามเงื่อนไขการเข้าร่วมรัฐบาล "เติ้ง-สุวิทย์" ที่ไม่ให้มีการแก้แค้นเช็คบิล แต่กลับมีการโยกย้ายอธิบดีดีเอสไอ ที่ทำคดีแม้วและครอบครัว ด้านพันธมิตรฯ ใต้ และภาคตะวันออก ประกาศพร้อมร่วมลุย

ที่บ้านพระอาทิตย์ วานนี้ (25 ก.พ.) อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ร่วมกันหารือถึงสถานการณ์บ้านเมือง และกำหนดจุดยืนของกลุ่มพันธมิตรฯ

หลังการประชุม นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตผู้ประสนงานพันธมิตรฯ อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 1/2551 จำนวน 7 ข้อ โดยมีสาระสำคัญคือการต่อต้าน การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและครอบครัว ของครอบครัว จากรัฐบาลหุ่นเชิดที่นำโดย นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาชน และข้าราชการทุกกลุ่มที่รักชาติบ้านเมืองเตรียมพร้อมสำหรับการลุกขึ้นสู้อีกครั้ง (อ่านรายละเอียด หน้า 2)

รับไม่ได้ยุติธรรมถูกแทรกแซง

นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่า หลังการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ได้ปรึกษากับพรรคพวกว่าต่างฝ่ายต่างก็ไปทำมาหากิน พล.ต.จำลอง ท่านไปทำโรงเรียนผู้นำ นายพิภพไปทำมูลนิธิเด็ก นายสมศักดิ์ก็ไปเรื่องแรงงาน นายสมเกียรติเลือกเดินทางไปในสาย ส.ส.

"ผมเองก็มานั่งทบทวนบทบาทและทิศทางที่จะเดินต่อไป แต่ไม่ใช่เพื่อคัดค้านคุณทักษิณ เพราะเราชื่อเหมือนในแถลงการณ์ที่บอกว่า ตราบใดที่กระบวนการยุติธรรมยังเดินหน้าไม่ถูกแทรกแซง คุณทักษิณอยากกลับมาเมื่อไหร่ก็กลับมาได้ หรือการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้แม้จะน่าขยะแขยงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ผมก็ยังกล้ำกลืน คิดว่าถ้าเขาเข้ามาตั้งใจทำงานให้ชาติบ้านเมือง เพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อคุณทักษิณ และครอบครัวพวกเราก็พอจะรับได้ แต่หลังจากที่อดทน อัดกลั้นมานาน จนกระทั่งมีการโยกย้ายท่านสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีดีเอสไอ ออกไป และกกต. บางท่านได้ใช้วาจาที่ไม่เหมาะสมกับคนซึ่งรักษากติกาของ กกต. พวกเราเลยตัดสินใจมาร่วมตัวกัน"

นายสนธิ กล่าวว่า อยากเรียนผ่านไปยังบรรดารัฐมนตรีปากกล้าทั้งหลายที่ขอบพูดเอาดีใส่ตัว พูดเพื่อหาทางเก็บเงินเก็บทองจาก พ.ต.ท.ทักษิณว่า จุดยืนของตนยังไม่เปลี่ยน ขอยึดถือหลัก "ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง" ถ้ารัฐมนตรีบางท่านพร้อมจะตายกับตนและเจ๊งกับตนก็ยินดีต้อนรับทุกคน ตั้งแต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ที่ต้องการให้ ตรวจสอบรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในขณะอดีต เพราะกลไกต่างๆ ถูกแทรกแซง ถ้ามีการตรวจสอบก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้นักการเมืองเข้ามาหาประโยชน์ส่วนตัว หรือยึดติดการคอร์รัปชั่น เมื่อมีการยึดอำนาย เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมให้ตรวจสอบ ไม่ใช่เพราะการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯเป็นเหตุ แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป วันนี้เห็นได้ชัดว่ากระบวนการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระต่างๆ ก็กลับมาเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว

ชี้ย้าย"สุนัย"เตรียมฟอกผิด"แม้ว"

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2550 ก็มีการทุจริตกันมาก แม้แต่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาฯก็ไม่มีความโปร่งใสเพราะยังมีข้อกล่าวหาอยู่ และมีการโยกย้ายอธิบดีดีเอสไอ ที่กำลังตรวจสอบคดีต่างๆ ไม่น้อยกว่า 20 คดี เป็นการโยกย้ายที่บ่งชัดว่าเตรียมจะฟอกคนที่กำลังถูกสอบสวนให้พ้นผิด ทำให้ประชาชนและประเทศชาติเสียหาย

"ถ้ากระบวนการยุติธรรมดำเนินการไปโดยปราศจากการแทรกแซงผลออกมา อย่างไรพวกเราก็ยอมรับ ฉะนั้นที่เราออกมาเคลื่อนไหวขอย้ำว่า เราพูดมาก่อนหน้านี้ แล้วว่าคุณทักษิณจะกลับมาวันไหนก็ได้ แต่ถ้ามีการแทรกแซงองค์กรอิสระ และกระบวนการยุติธรรม พันธมิตรฯจำเป็นต้องรักษาจุดยืนเดิมเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน"

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จะเห็นว่ามี กกต.บางคนได้แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ยืนอยู่ บนความเป็นธรรม อย่าง นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.มีการออกมาพูดหลายเรื่อง อย่างไปกล่าวหาผู้ที่ร้องเรียนให้ตรวจสอบนายกฯว่าอดีตเคยเป็น ส.ว.มาไม่ถึง 2 ปีก็ไปว่าเขาว่าจิตไม่ปกติ และยังไปรับรองนายยงยุทธ ซึ่งอยู่ระหว่างสอบสวน ซึ่งเป็นการพูดที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายเลือกตั้ง ที่ กกต.มีหน้าที่ต้องทำให้เกิดการบริสุทธ์ เที่ยงธรรม

รัฐบาลไม่หยุดแทรกแซงจะเกิดกลียุค

นายพิภพ กล่าวว่า ถ้าจำกันได้สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทำให้การตัดสินคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เป็นที่ยอมรับเพราะมีกระแสการแทรกแซงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จนเกิดวิกฤตมาตลอด 5 ปี จนเกิดกลุ่มพันธมิตรฯ

"วันนี้ รัฐบาลชุดนี้กำลังนำวิกฤตกลับสู่สภาพเดิม คือมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ไม่ยอมให้คุณทักษิณเข้าสู้กระบวนการยุติธรรมอย่างถุกต้อง และต่อสุ้อย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ วิกฤตครั้งนี้จะใหญ่หลวงกว่าเดิม อาจนำไปสู่การเกิดกลียุคได้ ถ้าคุณทักษิณทำตัวเป็นผีหลอกหลอนสังคมไทยและรัฐบาลก็อุ้มผีตัวนี้ เราจึงต้องปราบผีด้วยธรรม และความยุติธรรม เราจึงออกมาให้รัฐบาลใช้ธรรม คือความถูกต้องในการทำงานการเมืองการตรวจสอบความประพฤติของนักการเมือง อดีตนายกฯทักษิณ และ ต้องปล่อยให้กระบวนการยุติธรรม ดำเนินไปอย่างอิสระ ถ้าเราไม่ออกมาท้วงติงสังคมก็จะเข้าไปสู่กลียุค ดังนั้นรัฐบาลต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ที่พันธมิตรฯออกมาก็เพื่อกระตุ้นให้สังคมตื่นตัวในการป้องกันไม่ให้ประเทศชาติเข้าสู่กลียุค"

ระบุกำลังย้อนรอยคำพิพากษาศาล รธน.

นายสมเกียรติ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2550 คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ 9 ท่านได้มีมติยุบพรรคไทยรักไทย ในคำพิพากษาหน้า 151 ข้อ ข. กรณีการแทรกแซงองค์กรอิสระตลอดระยะเวลา 5 ปีที่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฏข้อเท็จจริงว่าองค์กรอิสระทั้งหลายตามรัฐธรรมนูญ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. ,ป.ป.ช. คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ถูกแทรกแซง ครอบงำ โดยอำนาจฝ่ายการเมืองมาโดยตลอด ตั้งแต่กระบวนการสรรหา แต่งตั้ง การวินิจฉัยชี้ขาด จนทำให้การปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรอิสระดังกล่าว ขาดความเป็นอิสระและเที่ยงธรรม เป็นการทำลายเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญและพฤติกรรมการแทรกแซง องค์กรอิสระดังกล่าวเกิดขึ้นโดยการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ และบุคคลใกล้ชิดเอง ในหลายกรณี

และในคำพิพากษา หน้า 181 อันนี้ร้ายกาจมาก ระบุว่า ติดต่อวิ่งเต้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหลายคน เพื่อขอความช่วยเหลือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นผิดจากคดีซุกหุ้น โดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้บางคน ในส่วนของวุฒิสภานั้นก็มีการแทรกแซงอีก จึงขอเรียนว่า บัดนี้รัฐบาลที่มีประมุข 2 คน คือ นายสมัคร สุนทรเวช กับนายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้กระทำการเข้าแทรกแซงองค์กรอิสระ โดยเฉพาะนายสมัคร อย่างน่ารังเกียจ ซึ่งจะย้อนรอยคำพิพากษาของตุลาการอาวุโสทั้ง 9 ท่าน ซึ่งเป็นความผิดมหันต์ ถึงขั้นทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

"ผมเห็นว่าการฟื้นกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อต้องการเห็นการลุกขึ้นของพลังทางศิลธรรมอีกครั้ง เพื่อจัดการรัฐบาลหุ่นเชิดโดยทุนสามานย์ครั้งนี้ ซึ่งกำลังฟื้นคืนชีพ"

อดสู ปธ.สภา-รมต.วิ่งหาผู้ร้ายข้ามแดน

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ที่น่าอดสูที่สุดที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาฯ และนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐแต่กลับไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ที่มีหมายจับจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง พวกเขาไปโค้งให้กับผู้ร้ายข้ามแดน อาชญากรของประเทศ ซึ่งกระทำความผิดคดีอาญาหลายคดี และที่สำคัญที่สุด คนกลุ่มนี้ที่นำโดย รมว.ยุติธรรม ความจริงไม่น่าจะใช้คำว่ายุติธรรมเลย ยังบังอาจไปย้ายอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งขณะนี้กำลังรับพิจารณาคดีของระบอบทักษิณ เครือข่าย และครอบครัว พวกพ้องเขา ราว ๆ 20 คดี ข้อมูลที่เราได้รับมา

ทวงถาม 5 เงื่อนไข "เติ้ง-สุวิทย์" ร่วมรัฐบาล

"ผมขอถาม นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เจ้าของประโยค "สัจจะนิยม" นายสุวิทย คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ยื่น 5 เงื่อนไข ก่อนเข้าร่วมกับ "รัฐบาลชิงชัยแห่งชาติ" ชุดนี้ ข้อ 3 บอกว่า ข้อ 3 บอกว่า อยากมองเห็นว่า ไม่มีการล้างแค้นสิ่งต่างๆ ก็ควรจะลืม ไม่เช่นนั้นจะไม่มีวันสิ้นสุด หาข้อยุติไม่ได้ ข้อ 4 พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมโดยชัดเจน และต้องไม่แทรกแซง ไม่ก้าวก่าย ท่านบรรหาร กับท่านสุวิทย์ ท่านยังมีราคาทางประวัติศาสตร์อยู่ไหม ที่ไปร่วมกับรัฐบาลหุ่นเชิดโดยทุนสามานย์แห่งชาติ และท่านจำได้ไหมว่าสัจจะ 5 ประการ ที่ไปยื่นคืออะไร เอกสารนี่ถ่ายให้คนอย่างนายบรรหาร กับนายสุวิทย์ ไปดูหน่อยว่าจะจำความหลังได้ไหม หรือแก่ไปแล้ว หรือเส้นโลหิตในสมองมีปัญหาแล้วลืมไปหมด อันนี้อยากจะพูดกันตรงๆ เลย"

"จำลอง"ลั่นการต่อสู้จะเข้มข้นกว่าเดิม

พล.ต.จำลองกล่าวว่า ตนไปทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เจอคนทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักก็เข้ามาต่อว่าบ้านเมืองย้ำแย่อย่างนี้ นั่งอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร ดังนั้นวันนี้เราจึงมาประชุมกันเพื่อยืนยันว่าเราก็คือตัวแทนประชาชนที่มุ่งหวังเพื่อบ้านเมือง ไม่ได้หวังประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง ตนเป็นหนึ่งในพันธมิตรฯ ที่พร้อมจะดำเนินการอย่างเต็มที่ ตามที่เราได้ประชุมและได้แถลงให้กับพี่น้องประชาชนได้ทราบแล้ว

"กรรมการพันธมิตรฯ 5-6 คนไม่พอหรอกครับ คราวนี้เราจะต้องหามาเพิ่มให้มากกว่าเดิม เอานักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมารวบรวมกับเราเพื่อเดินหน้าต่อไปอย่างเต็มที่ พวกเราพร้อมแล้วที่จะดำเนินการทุกรุปแบบเพื่อบ้านเมืองของเรา อยากบอกผ่านสื่อไปยังประชาชนว่าเรายังเหมือนเดิมและเข้มข้นยิ่งกว่าเดิมครับ"

นายสุริยะใส กล่าวเสริมว่า แกนนำพันธมิตรฯจะประชุมกันทุกสัปดาห์ ส่วนจะแถลงหรือไม่นั้นต้องดูสถานการณ์รายสัปดาห์ ถ้าแถลงจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

"สนธิ"สู้ทุกรูปแบบถึงไหนถึงกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่จะเกิดปัญหาในการสื่อสารกับประชาชนโดยเฉพาะ สถานีโทรทัศน์ ASTV ที่นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะจัดระเบียบทีวีผ่านดาวเทียม นายสนธิ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะใน พ.ร.บ.วิทยุโทรทัศน์ อันใหม่ที่รัฐบาลชุดที่แล้วร่างออกมา ไม่ได้มีข้อห้ามวิทยุโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เป็นเพียงแค่การจดทะเบียน และถ้า รมต.ประจำสำนักนายกฯจะใช้อำนาจบาตรใหญ่ ตนเชื่อว่าศาลยังคงเป็นที่พึ่งอยู่ อะไรก็ตามที่ขัดต่อสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารนั้น เราไม่กลัว

"อะไรที่น่ากลัวที่สุด ร้ายที่สุดเราก็สู้มาแล้ว เราไม่ได้ประมาทรัฐบาลชุดนี้ เรายังหวังว่าเขาจะน่าจะทำงานให้กับชาติบ้านเมือง เพื่อชื่อเสียงของเขา ไม่ใช่ทำเพื่อรับใช้ คุณทักษิณ คนที่ประกาศปาวๆ ว่าสนับสนุนจะไปรับที่สนามบิน อันนั้นเป็นการพูดเพื่อสร้างราคาให้ตัวเอง จะได้ได้เงินจากคุณทักษิณมามากขึ้น เมื่อเงินเข้ามาอยู่ในระบบการเมืองแล้ว ประเทศชาติหวังพึ่งไม่ได้อีกแล้ว เพราะฉะนั้น เราจำเป็นต้องสู้"

"ผมเพิ่มเติมนิดหนึ่ง เรากำลังระดมให้พันธมิตรฯ หรือประชาชนที่รักความเป็นธรรมทั่วประเทศไทย ให้เตรียมตัวอยู่ เราจะมีมาตรการในการเคลื่อนไหว โปรดสังเกตคำพูดนะครับ "ทุกรูปแบบ" และผมอยากจะต่อท้าย และผมเชื่อว่าพันธมิตรฯ ทั้งหลายจะเห็นด้วย ว่า "ถึงไหนถึงกัน" ไม่เชื่อถามพันธมิตรฯ ทุกคนว่า เห็นด้วยกับคำพูดผมหรือไม่ เพราะนี่คือมติของพวกเรา ว่า "ทุกรูปแบบ" และ "ถึงไหนถึงกัน"

ค้าน"แม้ว"กลับหลังแทรกแซงยุติธรรม

ส่วนการเดินทางกลับประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายสนธิ กล่าวว่า เราคัดค้านแน่นอน ก่อนหน้านั้นเราไม่คัดค้าน แต่เมื่อมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เราจะคัดค้าน แต่อาจจะไม่ได้ไปที่สนามบิน แต่เราจะมีวิธีคัดค้าน เราจะให้คนที่รับเงิน พ.ต.ท.ทักษิณและต้องการโบนัสไปรับที่สนามบิน แต่เราจะใช้ประชาชนทั้งประเทศคัดค้าน วิธีคัดค้านมีมากมายหลายรูปแบบ

ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่เกี่ยวกับคดีที่ขณะนี้มีคดีหมิ่นประมาทและอาจจะถูกศาลมีคำสั่งให้จำคุก นายสนธิ กล่าวว่า ตนเป็นคนเคารพกติกา แม้ในที่สุดศาลฎีการพิพากษาให้ตนติดคุก 10 ปี ก็จะเดินเข้าคุกอย่างหน้าชื่นตาบาน ตนไม่หนี ถึงแม้ว่าในข้อเท็จจริงกระบวนการยุติธรรมบางส่วน ได้ถูกครอบงำไปแล้ว ตนยังเชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาลสถิตยุติธรรม ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ที่รักความเป็นธรรมอยู่ ธรรมขั้นสูงของ "ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง" ก็คือ สละได้แม้กระทั่งความตาย จะไปยี่หระอะไรกับคำพิพากษาให้จำคุก

"กระบวนการข่มขู่ผม กระบวนการให้ร้ายผมว่าผมรับเงินคุณทักษิณมา กระบวนการสาปแช่งผม บอกว่าคนที่ทำไม่ดีกับคุณทักษิณนั้นต้องมีอันเป็นไป เห็นไหม สนธิกับจำลองเป็นอัมพาตแล้ว เริ่มตลอดเวลา มันเป็นยุทธวิธีต่ำๆ ซึ่งผมไม่สนใจ ถามว่าผมเสียใจไหมถ้าผมถูกพิพากษาจำคุก ผมเสียใจ แต่ว่าจำคุกแล้วอย่างไร ไม่จำคุกแล้วอย่างไร ในเมื่อเราใช้ธรรมนำหน้า คือถ้าเราตัดความกลัวตรงนี้ออกไป เราเอาธรรมนำหน้า ผมเชื่อว่าชัยชนะของสังคมที่เต็มไปด้วยธรรมาภิบาลจะต้องมาสักวันหนึ่ง ถ้าผม หรือพวกผมจะต้องเสียสละหลายๆ เรื่อง มันก็คุ้มค่าไม่ใช่หรือครับ"

ย้าย"สุนัย"ชนวนพันธมิตรฯ รวมตัว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประกาศคัดค้านทุกรูปแบบจะนำไปสู่ความรุนแรง ให้เกิดขึ้นหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การใช้ความรุนแรงไม่ใช่เรา ถ้ามีก็เป็นฝ่ายอื่น ที่ผ่านมาเราไปกินนอนอยู่กลางถนน 34 วัน 34 คืน รุนแรงไหมถ้าเขาไม่ใช่กำลังก็ไม่รุนแรง เราชุมนุนอย่างอหิงสา มีธรรมกำกับ เราทำมาแล้ว ฉะนั้นเราเป็นที่เชื่อถือของประชาชนว่า พวกนี้ไม่ใช่พวกใช้ความรุนแรง ถ้าจะมีความรุนแรงมันพวกอื่น ไม่ใช่พันธมิตรฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะกดดันให้คืนตำแหน่งอธิบดี ดีเอสไอ ให้นายสุนัย หรือไม่ นายสนธิ กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลเข้าใจปัญหาการใช้ธรรมนำหน้าก็ต้องคืนตำแหน่งให้ เพราะการคืนตำแหน่งให้นายสุนัย แถบจะทำให้ความชอบธรรมของพันธมิตรฯในการชุมนุมหายไป 50 หรือ 70 % เสียด้วยซ้ำ นายสุนัย เป็นชนวนตัวจริง ทั้งที่เรารู้สึกว่า วุฒิภาวะของ กกต.บางท่านไม่สมควรที่จะออกมาปฎิบัติตนเช่นนี้ หลายเรื่องที่ควรจะถูกส่งไปให้ศาลฎีการแผนคดีเลือกตั้งก็ถูกดอง เราก็ยังมีน้ำอดน้ำทน เพราะเราหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่การโยกย้าย นายสุนัย และมีโอกาสที่จะย้าย นายจรัญภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ผบ.ตร. นั้นมาแรงมาก ทั้งหมดต้องเกิดขึ้นโดยเร็วเพื่อรองรับการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั่นคือหลักปรัชญาทั้งหมดที่พวกเราสรุปว่า รัฐบาลชุดนี้ทำทุกอย่าง ไม่ใช่เพื่อคน 63 ล้านคน แต่เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว เท่านั้น

พันธมิตรฯ ใต้ คึกนัดถก 29 ก.พ.นี้

นายอติวัณณ์ ปานเพชร แกนนำพันธมิตรจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ในส่วนของพันธมิตรจังหวัดสงขลา หลังจากที่มีการเลือกตั้งและรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา ก็ได้ติดตาม สถานการณ์บ้านเมืองอย่างใกล้ชิดเช่นกัน เนื่องจากหลายพฤติกรรมชี้ชัดแล้วว่า การเข้ามาของรัฐบาลชุดนี้เพื่อเป็นการสานต่อความต้องการของนายใหญ่ ที่อยู่เบื้องหลัง เมื่อพันธมิตรฯประกาศจะฟื้นความร่วมมืออีกครั้ง พันธมิตรจังหวัดสงขลา ก็จะติดต่อกับแกนนำและสมาชิกว่าทาง จ.สงขลา เพื่อเตรียมประชุมและประเมินสถานการณ์ในวันศุกร์ที่ 29 ก.พ.นี้เพื่อประสานงานยังแกนนำพันธมิตรในภาคใต้ ซึ่งคาดว่า การเตรียมพร้อมของพลังประชาชนจะช่วยยับยั้งไม่ให้มีการใช้อำนาจ ตามอำเภอใจได้ในระดับหนึ่งและถ้าสถานการณ์เข้าสู่วิกฤตพี่น้องชาวใต้ก็จะยังเป็นกำลังสำคัญในการเรียกร้องความถูกต้องต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

สำหรับการประกาศว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับมาประเทศไทยนั้นยังไม่มีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากรัฐบาลนอมินียังวางตำแหน่งสำคัญไม่ครบ แต่ใช้การโยนหินถามทางเพื่อหยั่งกระแสจากประชาชนก่อน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการใช้อำนาจแทรกแซงตำแหน่งสำคัญที่ตรวจสอบการทุจริตของอดีตนายกรัฐมนตรีที่ต้องเดินหน้าต่อไปอย่างแน่นอน

คนตะวันออกร่วมลุยทุกรูปแบบ

นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่า เครือข่ายฯเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ และพร้อมร่วมต่อสู้ในทุกรูปแบบ

นายสุทธิ กล่าวว่าไม่เห็นด้วยกับการกับมาของ พ.ตงท.ทักษิณ เพราะจะทำให้อุณภูมิความขัดแย้งที่มีอยู่ปะทุขึ้นอีกครั้ง จนสร้างความแตกแยกให้สังคม ซึ่งน่าจะให้เรื่องทั้งหมดได้ผ่านกระบวนการขั้นศาลก่อน ทั้งในเรื่องคดีความ ในโครงการต่างๆ ที่เป็นชนักติดตัว ตรงนี้น่าจะมีการรอผลชี้ขาดจากศาล แล้วค่อยให้อดีตนายกรัฐมนตรีกลับมา หลายฝ่ายมองว่าการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในครั้งนี้อาจเข้ามาแทรกแซงกระบวนยุติธรรมในหลายเรื่องๆ ที่ยังคั่งข้าง

นายอัมรินทร์ ยี่เฮง เลขาธิการองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชน จ.สระแก้ว เผยว่า ในอีก 1-2 วันนี้ทางองค์กรจะออกแถลงการณ์แนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อแสดงจุดยืนเดียวกันและพร้อมจะร่วมกิจกรรมต่อต้านกลุ่มพลังแม้วร่วมกันกับกลุ่มพันธมิตรฯในทุกรูปแบบ

นายดุสิต ลำจิต หนึ่งในสมาชิกยามเฝ้าแผ่นดินจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเกรงว่าแผ่นดินจะลุกเป็นไฟและซ้ำรอยสมัยจอมพลถนอน กิตติขจร เมื่อปี 2519 ซึ่งมีประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ต้องการ ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเสียชีวิตจำนวนมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น