ที่ประชุม กก.บห.พลังแม้ว ชักขาสั่นนำประเด็นพันธมิตรฯ เริ่มเคลื่อนไหว ถกด่วนเย็นนี้ อ้างสารพัดควรส่งเสริมระบอบ ปชต.ที่มาจากการเลือกตั้ง และไม่เคยแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพื่อรองรับแม้วกลับมาสู้คดี ระบุไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมในขณะนี้
วันนี้ (25 ก.พ.) ที่พรรคพลังประชาชน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศเตรียมเคลื่อนไหวคัดค้านการดำเนินนโยบายของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมทั้งต่อต้านการเดินทางกลับประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เราไม่เข้าใจว่าการออกมาคัดค้านการเดินทางกลับของ พ.ต.ท.ทักษิณของกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นอาศัยมูลเหตุอะไร ทั้งๆ ที่กลุ่มพันธมิตรฯเคยเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเข้ามาต่อสู้คดีต่างๆ ในกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากขณะนี้มีความชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมโดยไม่มีการแทรกแซงหรือทำให้เกิดการเบี่ยงเบนในกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งไม่ใช้อภิสิทธิ์ หรือใช้สิทธิพิเศษใดๆ ระบุรัฐต้องทำให้เห็นว่าการชุมนุมไม่มีเหตุผลเพียงพอ
ร.ท.กุเทพ กล่าวอีกว่า วันนี้ประเทศกลับสู่ภาวะปกติบรรยากาศเป็นประชาธิปไตย มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น ในหลักการเราควรจะส่งเสริมให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับเข้ามาต่อสู้คดีภายใต้กระบวนการยุติธรรมโดยไม่ใช้สิทธิพิเศษอะไรมาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯจำนวนมากหรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า การเมืองภาคประชาชนที่ตรวจสอบรัฐบาล การชุมนุมถือเป็นมาตรการหนึ่ง ซึ่งเราเข้าใจและคงจะนำมาใช้ในกรณีที่เขาประเมินแล้วเห็นว่าถึงเวลา แต่เชื่อว่ารัฐบาลมีศักยภาพและวิธีในการรับมือ เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ สังคมและประเทศโดยรวม ดังนั้น การชุมนุมเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่รัฐบาลจะต้องใช้ความสามารถในการรับมืออย่างชอบธรรมภายใต้กฎหมาย และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อให้เห็นว่าการชุมนุมไม่มีเหตุผลเพียงพอ
สำหรับกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ อ้างเหตุผลการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม กรณีสั่งย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่รับผิดชอบคดีทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจชัดเจนว่า การย้ายนายสุนัย รัฐบาลตัดสินใจดำเนินการโดยมีเหตุผลที่จะยอมรับได้อย่างไร และแม้นายสุนัยไม่อยู่ในตำแหน่งนี้ บุคคลอื่นที่เข้ามาทำงานแทนจะไม่ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไร เพราะหากการโยกย้ายข้าราชการนั้น ถ้ารัฐบาลไม่ทำเลยคงไม่ได้ เพราะรัฐบาลก็หวังผลในการบริหารงาน รวมถึงการชดเชยและเยียวยาให้ข้าราชการบางกลุ่มที่เคยได้รับความไม่เป็นธรรมที่ถูกโยกย้ายของรัฐบาลที่ผ่านมา แต่จะต้องไม่ใช่การปูทางเพื่อแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น รัฐบาลจะต้องระวังไม่ให้น้ำผึ่งหยดเดียวถูกขยายออกไป
ส่วนการเตรียมเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ จะส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เลื่อนการเดินทางกลับไปประเทศไทยออกไปหรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า วันนี้ไม่มีใครรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับเมื่อไหร่ แต่โดยหลักการควรที่จะกลับมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมภายใต้บรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตย ส่วนจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเชื่อว่าท่านคงจะคิดอยู่แล้ว ไม่ประสงค์ที่จะให้มีการเผชิญหน้า เพื่อให้เกิดบรรยากาศการปรองดอง จึงขอเรียกร้องกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า เมื่อประเทศเป็นประชาธิปไตย และกลุ่มพันธมิตรฯ เคยเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาสู้คดี เมื่อวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาก็ไม่ควรมีเหตุผลอะไรออกมาคัดค้าน อีกทั้งเรายังมีพรรคฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง มีรัฐบาลเงาที่มีประสิทธิภาพ และมีภาคประชาชนที่คอยตรวจสอบ ดังนั้นเราต้องมั่นใจในกระบวนการตรวจสอบนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าจะมี ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนจัดม็อบไปชนกับกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องระวังและจะต้องไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งเราไม่เห็นด้วยที่จะมีการชุมนุมไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม เพราะขณะนี้เราต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น ฝ่ายที่คัดค้านหรือฝ่ายที่เห็นด้วย หากเกิดการเผชิญหน้ากัน ย่อมไม่เป็นผลดีต่อประเทศทั้งสิ้น
ส่วนพรรคจะมีคำสั่งห้ามเด็ดขาดหรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า การชุมนุมเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้าพรรคควบคุม ไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าได้ก็ต้องทำ เพราะการชุมนุมจะขยายผลทำให้เกิดบรรยากาศขุ่นมัว ไม่ทำให้เกิดความสามัคคีปรองดองตามนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น เมื่อมีฝ่ายใดชุมนุม รัฐบาลจะต้องอธิบายให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด และไม่สนับสนุนให้อีกฝ่ายออกมาต่อต้าน
ร.ท.กุเทพ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ในเย็นวันนี้นั้น หากมีการวิเคราะห์สถานการณ์ก็คงจะมีการหยิบยกกรณีขึ้นมาหารือด้วยว่าเสียงสะท้อนของประชาชนเป็นอย่างไร เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ สงบมายาวนานพอสมควร ครั้งนี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งแรก ดังนั้น พรรคต้องรับรู้และวิเคราะห์ว่าจะรับมืออย่างไร เพราะการเคลื่อนไหวจะหวังให้เกิดผลเหมือนเดิมอีกไม่ได้ กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ควรอหังการ หรือหยิ่งยโสว่าถ้าทำแบบนี้จะได้ผลแบบเดิม ส่วนรัฐบาลจะต้องไม่ประเมินตรงนี้ต่ำไปจนเกิดผลอย่างที่ผ่านมา เพราะรัฐบาลจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใด หากเกิดการชุมนุมขึ้น รัฐบาลต้องเป็นผู้ใหญ่ ไม่ไปต่อล้อต่อเถียง แต่ต้องทำปัญหานี้ให้เป็นเพียงหนึ่งปัญหาที่รัฐบาลต้องแก้เท่านั้น