xs
xsm
sm
md
lg

AMATAปี50กำไร1,055ล.โต35%ยอดขายที่ดิน-รายได้บริการเพิ่มขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พลตำรวจเอก ชวลิต ยอดมณี ประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA กล่าวว่า ในปี 2550 บริษัทมียอดกำไรสุทธิของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 1,055.04ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากผลดำเนินงานเมื่อปี 2549 ซึ่งมียอดกำไรสุทธิ780.87 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 274.17 ล้านบาท

โดยสาเหตุที่ส่งผลให้ยอดกำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจาก บริษัทมีรายได้จากการขายที่ดินในปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 3,424.80 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ารายได้จากการขายที่ดินเมื่อปี 2549 ที่มีอยู่ 2,557.56 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 34% ทั้งนี้เนื่องจากบริษัท มีการขายที่ดินให้กับลูกค้าได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก

นอกจานี้ บริษัทยังมีรายจากการให้เช่าและรายได้ค่าบริการอื่นๆ ในปี 2550 จำนวน 973.83 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนจำนวน 864.33 ล้านบาท พบว่าเพิ่มขึ้นถึง 109.50 ล้านบาท หรือ 13% เนื่องจากลูกค้าของบริษัทมีจำนวนเพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ในส่วนนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี

ขณะเดียวกัน ในปี 2550 บริษัทฯได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับการบันทึก เงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในงบการเงินเฉพาะกิจการ จากวิธีส่วนได้เสีย เป็นวิธีราคาทุน ตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 44(ปรับปรุง 2550) เรื่องงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการ ซึ่งกำหนดให้เงินลงทุนในบริษัทย่อย เงินลงทุนในกิจการที่มีการควบคุมร่วมกัน และเงินลงทุนในบริษัทร่วมในงบการเงินเฉพาะกิจการต้องแสดงตามวิธีราคาทุน

ดังนั้นในการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีดังกล่าว บริษั ทฯได้ปรับย้อนหลังงบการเงิ นเฉพาะกิ จ การงวดก่อนที่นํามาแสดงเปรียบเทียบเสมือนว่าบริษัทฯได้ถือปฏิบัติเกี่ยวกับการบัน ทึก บัญชีเงินลงทุนในบริษัทย่อย และบริษัทร่วมตามวิธีราคาทุนมาโดยตลอด การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้บริษัทฯมีกำไรสุทธิในงบกำไรขาดทุนเฉพาะกิจการ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 เพิ่มขึ้นจำนวน 21 ล้านบาท (0.02 บาทต่อหุ้น)และลดลง 180 ล้านบาท (0.17 บาทต่อหุ้น) ตามลำดับ
โดยผลสะสมของการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีดังกล่าวได้แสดงไว้ในหัวข้อ "ผลสะสมจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม" ในงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นเฉพาะกิจการแล้ว

นักวิเคราะห์ บล.ธนชาต จำกัด กล่าวถึง AMATA ว่า แนะนำซื้อ Target Price 20 บาท โดยให้เหตุผลว่าถึงแม้ความขัดแย้งที่รุนแรงทางการเมืองได้ส่งผลกระทบทางลบต่อ AMATA แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2006 เนื่องจากยอดขายที่ดินในปี 2007 ในประเทศไทยมีแนวโน้มทีดีขึ้น โดยมรยอดการขายที่ดินเพิ่มขึ้น มากกว่า 1,700 ไร่ (680 เอเคอร์) เทียบกับทั้งปี 2006 ที่มีจำนวน 547 ไร่ แม้ว่าในปี 2007 ยอดขายอันดับ 3 มาจาก Holly ซึ่งเป็นหุ้นส่วนจีนของบริษัทฯ แต่ยังคงมีการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ”

อย่างไรก็ตาม ลูกค้าหลักของ AMATA ในปีนี้คาดว่าจะยังคงเป็นลูกค้าชาวญี่ปุ่น (มีสัดส่วนเป็น 43%) และเป็นลูกค้าผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ (37%) ในวันที่ 5 มิถุนายน รัฐบาลไทยได้ตัดสินใจออกนโยบายสนับสนุนการผลิตรถอีโค-คาร์ ขึ้นในประเทศไทย โดยการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตลงจากเดิม 30% เป็น 17% (เทียบกับอัตราภาษี 30% สำหรับรถยนต์นั่งโดยสาร และ 20% สำหรับรถปิคอัพบรรทุก) และเราเห็นถึงการขยายตัวที่ได้รับการอนุมัติจาก BOI ในช่วง 4Q07 แล้ว ซึ่งจากนโยบายดังกล่าวจะส่งผลดีอย่างมากให้กับธุรกิจของ AMATA และคาดว่ายอดขายที่ดินในนิคมอุตฯ จะเพิ่มขึ้นจากลูกค้าเก่าที่ต้องการขยายกำลังการผลิต และลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่กำลังหาที่ดินเพื่อตั้งโรงงานใหม่ เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ดีที่สุดในประเทศไทย

“เราปรับเพิ่มประมาณการผลการดำเนินงานของเราสำหรับ AMATA ราว 16% ในปี 2007-08 และราคาเป้าหมายของเราคำนวณโดยวิธี DCF อยู่ที่ 20 บาท/หุ้น ซึ่งหมายความถึงการซื้อขายในระดับ P/E ที่ 15.9 เท่า ในปี 2008 (3% yield) ปัจจัยผลักดัน คือ สมมติฐานยอดขายที่ดินที่ค่อนข้าง conservative สำหรับปัจจัยผลักดันอื่นที่มีต่อราคาหุ้น AMATAคือ บริษัทย่อยของ AMATA (ถือหุ้นอยู่ 61%) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของเวียดนาม AMATA เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่อันดับ 3 ในประเทศเวียดนามซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาธุรกิจที่เวียดนามสร้างรายได้และกำไรเกือบราว 15% ของรายได้และกำไรรวมของบริษัทฯ เราปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ จาก ถือ”
กำลังโหลดความคิดเห็น