ตลาดหุ้นไทยเช้านี้พุ่งขึ้น แนวเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยมีการกระจายการลงทุนไปในหุ้นทุกกลุ่ม แต่น้ำหนักยังอยู่ที่กลุ่มพลังงานซึ่งมีแรงซื้อกลับอย่างเห็นได้ชัด
โบรกฯ ชี้ตลาดได้รับแรงหนุนจากนโยบายของภาครัฐฯ คาดอัตราดบ.ไทย ปรับลงตามอัตราดบ.โลก ส่งกลุ่มแบงก์-อสังหาฯ วิ่งขึ้นกันทั่วหน้า และยังได้แรงหนุนจากบ่ายนี้ คลัง-ธปท.จะหารือและสรุปมาตรการ 30% ซึ่งตลาดคาดหวังในเชิงบวกมากขึ้น คาดช่วงบ่ายปรับขึ้นต่อเนื่อง ระหว่างเทรดอาจมีแรงขายทำกำไร โดยให้แนวต้าน 830 แนวรับ 807 จุด
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(12 ก.พ.) ดัชนีปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 820.54 จุด เพิ่มขึ้น 16.39 จุด เปลี่ยนแปลง +2.04% มูลค่าการซื้อขาย 13,264.75 ล้านบาท
โดยบรรยากาศในการซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเปิดเทรดแกว่งตัว หลังจากนั้นไม่นานดัชนีก็พุ่งขึ้นกว่า 10 จุด โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 820.54 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 807.84 จุด
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้พุ่งขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่มีการรีบาวน์กลับขึ้นไปเฉลี่ยประมาณ 0.6-0.7% ยกเว้นตลาดหุ้นไต้หวันที่ติดลบหลังเปิดทำการวันนี้เป็นวันแรก โดยหุ้นไทยมีการลงทุนในลักษณะกระจายไปทุกกลุ่ม ซึ่งน้ำหนักการลงทุนมากสุดก็เห็นจะอยู่ในกลุ่มพลังงาน ที่มีแรงซื้อกลับออกมาอย่างชัดเจน ภายหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีการดีดขึ้นแรง
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยคงจะรับปัจจัยจากนโยบายของภาครัฐฯที่กำลังจะออกมา และตลาดก็มีการมองกันว่าในที่สุดแล้ว อัตราดอกเบี้ยของไทยก็จะต้องปรับตัวลงตามอัตราดอกเบี้ยโลก จึงส่งผลให้หุ้นในกลุ่มแบงก์ และอสังหาริมทรัพย์ วิ่งขึ้นกันทั่วหน้า
นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายนี้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะมีการหารือพิจารณาเรื่องมาตรการสำรอง 30% ซึ่งตลาดต่างคาดหวังเรื่องนี้ในเชิงบวกมากขึ้น โดยมีการมองถึงเรื่องอะไรก็ตามที่เป็นอุปสรรคต่อเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศก็น่าที่จะกำจัดออกไป
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ คาดว่า ตลาดหุ้นไทยยังบวกต่อเนื่องได้ แต่ระหว่างเทรดอาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมา โดยให้แนวต้านที่ 830 จุด แนวรับที่ 807 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,573.65 ล้านบาท ปิดที่ 326.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท , SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,016.71 ล้านบาท ปิดที่ 89.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท , PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 801.76 ล้านบาท ปิดที่ 38.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท , BBL มูลค่าการซื้อขาย 702.49 ล้านบาท ปิดที่ 125.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท , KBANK มูลค่าการซื้อขาย 608.19 ล้านบาท ปิดที่ 89.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
โบรกฯ ชี้ตลาดได้รับแรงหนุนจากนโยบายของภาครัฐฯ คาดอัตราดบ.ไทย ปรับลงตามอัตราดบ.โลก ส่งกลุ่มแบงก์-อสังหาฯ วิ่งขึ้นกันทั่วหน้า และยังได้แรงหนุนจากบ่ายนี้ คลัง-ธปท.จะหารือและสรุปมาตรการ 30% ซึ่งตลาดคาดหวังในเชิงบวกมากขึ้น คาดช่วงบ่ายปรับขึ้นต่อเนื่อง ระหว่างเทรดอาจมีแรงขายทำกำไร โดยให้แนวต้าน 830 แนวรับ 807 จุด
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(12 ก.พ.) ดัชนีปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 820.54 จุด เพิ่มขึ้น 16.39 จุด เปลี่ยนแปลง +2.04% มูลค่าการซื้อขาย 13,264.75 ล้านบาท
โดยบรรยากาศในการซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเปิดเทรดแกว่งตัว หลังจากนั้นไม่นานดัชนีก็พุ่งขึ้นกว่า 10 จุด โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 820.54 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 807.84 จุด
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้พุ่งขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่มีการรีบาวน์กลับขึ้นไปเฉลี่ยประมาณ 0.6-0.7% ยกเว้นตลาดหุ้นไต้หวันที่ติดลบหลังเปิดทำการวันนี้เป็นวันแรก โดยหุ้นไทยมีการลงทุนในลักษณะกระจายไปทุกกลุ่ม ซึ่งน้ำหนักการลงทุนมากสุดก็เห็นจะอยู่ในกลุ่มพลังงาน ที่มีแรงซื้อกลับออกมาอย่างชัดเจน ภายหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีการดีดขึ้นแรง
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยคงจะรับปัจจัยจากนโยบายของภาครัฐฯที่กำลังจะออกมา และตลาดก็มีการมองกันว่าในที่สุดแล้ว อัตราดอกเบี้ยของไทยก็จะต้องปรับตัวลงตามอัตราดอกเบี้ยโลก จึงส่งผลให้หุ้นในกลุ่มแบงก์ และอสังหาริมทรัพย์ วิ่งขึ้นกันทั่วหน้า
นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายนี้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะมีการหารือพิจารณาเรื่องมาตรการสำรอง 30% ซึ่งตลาดต่างคาดหวังเรื่องนี้ในเชิงบวกมากขึ้น โดยมีการมองถึงเรื่องอะไรก็ตามที่เป็นอุปสรรคต่อเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศก็น่าที่จะกำจัดออกไป
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ คาดว่า ตลาดหุ้นไทยยังบวกต่อเนื่องได้ แต่ระหว่างเทรดอาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมา โดยให้แนวต้านที่ 830 จุด แนวรับที่ 807 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,573.65 ล้านบาท ปิดที่ 326.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท , SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,016.71 ล้านบาท ปิดที่ 89.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท , PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 801.76 ล้านบาท ปิดที่ 38.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท , BBL มูลค่าการซื้อขาย 702.49 ล้านบาท ปิดที่ 125.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท , KBANK มูลค่าการซื้อขาย 608.19 ล้านบาท ปิดที่ 89.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
