ภาวะหุ้นไทย เปิดตลาดเช้าดัชนีดิ่งลงทันทีเกือบ 13 จุด คาดรับผลกระทบจากตลาดหุ้นสหรัฐ โดยเมื่อคืนนี้ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงหนักกว่า 300 จุด รับผลกระทบตัวเลขดัชนีการผลิตต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาผลประกอบการณ์ของเมอร์ริล ลินซ์ ออกมาขาดทุนอย่างหนัก เป็นตัวสะท้อนวิกฤติซับไพร์มที่รุนแรงขึ้น โบรกฯ คาดดัชนีมีโอกาสผงกหัวขึ้นได้ เชื่อสถาบัน-กองทุน เข้าช้อซื้อพยุงดัชนี
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้(18 ม.ค.) ดัชนีเปิดภาคเช้านี้ร่วงแรงกว่า 12 จุด ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นนิวยอร์กในสหรัฐ ปิดตลาดติดลบกว่า 300 จุด เมื่อคืนนี้ เนื่องจากตัวเลขดัชนีการผลิตภาคโรงงานในเขตมิดเวสต์ที่ร่วงลงมากกว่าที่คาดไว้ และมีการประกาศการขาดทุนอย่างหนักของเมอร์ริล ลินช์ ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเมื่อเวลา 9.56 น.ดัชนีอยู่ที่ 778.51 จุด ลบ 12.74 จุด เปลี่ยนแปลง -1.61%
นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เปิดตลาดมาร่วงทันทีกว่า 10 จุด คาดว่าเป็นการรับผลจากตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งตลาดสหรัฐ และตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย เช้าวันนี้ ต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลก กำลังวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของสหรัฐ
ทั้งนี้ คาดว่าเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติคงจะไหลออกจากตลาดทุนไทยต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสที่จะรีบาวน์กลับได้ช่วงระหว่างการเทรด ซึ่งขึ้นอยู่กับแรงซื้อของนักลงทุนรายสถาบัน พร้อมให้แนวรับ 770 จุด แนวต้าน 795 จุด
โดยเมื่อเวลา 10.01 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 779.81 จุด ลดลง 11.44 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,910.91 ล้านบาท มีแรงขายหนาแน่นเข้ามาใหหุ้นพลังงาน กลุ่ม ปตท.ถูกเทขายออกมาหนัก แต่คาดว่า กองทุนและโบรกเกอร์ ต้องเข้ามาช้อนซื้อพยุงภาวะตลาด อาจทำให้รีบาวน์ขึ้นได้ในช่วงสั้นๆ
ล่าสุด 10.38 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 782.86 จุด ลดลง 8.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4,191.86 ล้านบาท