นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี 6 ตุลา 19 ที่ล่าสุดนายอดิศร เพียงเกษ อดีต
กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ออกมาเรียกร้องให้นายสมัคร ขอโทษประชาชนที่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่าง
ประเทศว่า มีคนตายเพียงคนเดียว ว่า เรื่องนี้ขอให้ยุติเถอะ มันจบแล้วขีดเส้นใต้สองเส้น ที่ผ่านมาก็พอเพียง
แก่เหตุแล้ว
เมื่อถามว่า มีข้อสงสัยมากเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลา เป็นไปได้หรือไม่ที่ใช้โอกาสนี้ชำระประวัติ
ศาสตร์ นายสมัคร กล่าวว่าใครจะทำอะไรตนไม่ขัดข้อง แต่ตนขอบอกว่า ยุติแล้ว ไม่พูดอีกแล้ว เมื่อถามการ
วิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายการเมืองในเรื่องนี้จะเกิดเหตุบานปลายหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า มันได้ปุ๋ยอะไรมา
ถึงได้งอกงาม มันถึงได้บานปลาย คุณเห็นมั้ยว่าทั้งสองคำถามเมื่อสักครู่ ผมหยุดตอบ ใช่หรือไม่ เมื่อถามว่า
จะมีคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์อีก นายสมัคร กล่าวว่า มีคนอื่นที่ไหนอีก ก็มีสองคนนี่ที่กำลังถามผมอยู่ อะโด่...
บอกว่ายุติแล้วก็ยุติ พอเถอะเรื่องอื่นมี
เมื่อถามต่อว่า กรณี 6 ตุลาฯจะให้จบแบบที่ยังเข้าใจไม่ตรงกันอย่างนั้นหรือ นายสมัคร กล่าวว่า
ตกลงเมื่อสักครู่ผมบอกจบแล้ว คุณจะเริ่มอีกแล้วหรือ ผมบอกไปแล้วว่า ใครจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ไม่พอ
หรือ
"ผมบอกแล้วว่ามีคนตั้งรางวัลไว้ ถ้าทำให้ตะบะแตกน้อยก็ให้หมื่น แตกมากให้ 5 หมื่น ไม่มีใคร
ได้รางวัลหรอก"
เมื่อถามว่าใครเป็นคนตั้งรางวัล นายสมัคร กล่าว่า ไม่ทราบ ไม่บอก เมื่อถามว่าจะจัดการอย่างไร
กับคนตั้งรางวัลให้บ้านเมืองสงบสุข นายสมัคร กล่าวว่า ไม่น่าสนใจ เรื่องนี้เล่าให้ฟังสนุกๆ ส่วนรางวัล
แตกน้อยหมื่น แตกมากให้ 5 หมื่น
**อดีตประธาน อศ.มธ. โดดอุ้ม"หมัก"
นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน หรือชื่อเดิมคือ นายสมาน เลือด
วงศ์หัด ในฐานะอดีตกรรมการองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตประธานสภาองค์การนัก
ศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ตนมีความเกี่ยวข้องในช่วงเหตุการณ์ 9-14 ตุลา 16 ซึ่งตนเป็นทั้งกรรมการ
องค์การนักศึกษา และประธานสภาองค์การนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งทำหน้าที่ทั้งวางแผนยุทธศาสตร์
และแนวรบในการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาในช่วงนั้น แต่ในช่วง 6 ตุลา 19 ตน ได้เดินทางไปต่าง
ประเทศ เข้าใจว่า การที่นายสมัคร ออกมาพูดว่าคนตาย 1 คนนั้นน่าจะหมายความว่า นายสมัคร เห็นคนตาย
กับตาตัวเองเพียง 1 คน แม้ว่าเรื่องนี้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายมาก แต่ก็ไม่ได้ห่วงอะไร เพราะ
ความจริงก็คือความจริง และหากฝ่ายค้านจะหยิบเรื่องนี้มาโจมตี ก็ต้องไล่ให้ไปถาม นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ
อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และนายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการอิสระ ม.เที่ยงคืน เพื่อ
ให้ตอบว่า ประวัติศาสตร์ คืออะไร เพราะประวัติศาสตร์ไม่ได้หมายถึงความจริง แต่หมายถึงการตีความ การ
เล่าเรื่องของผู้ตีความ
ส่วนที่มีการเสนอให้ชำระประวัติศาสตร์ เพื่อให้เกิดความชัดเจน นายสมาน กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นก็
ต้องมีเรื่องที่ชำระอีกเยอะ เพราะประวัติศาสตร์ไทยที่ซ่อนเร้นมีหลายเรื่อง และบางครั้งการชำระประวัติ
ศาสตร์ ไม่เคยเขียนให้คนแพ้ และก็ต้องถามว่าจะใช้ผงซักฟอกอะไรฟอกตัว ส่วนอาจจะทำให้ประชาชน
เสียความรู้สึกกับรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะญาติวีรชนคนเดือนตุลานั้น นายสมาน กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
แต่เป็นการพูดในมุมมองของนายสมัคร แต่จะให้ตนประเมินอะไรตอนนี้ คงยังตอบไม่ได้
ด้านนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้
โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า"ผมไม่รู้"
**"ตู่"เย้ย"อดิศร"อินมากเกินไป
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ถ้าพรรคฝ่าย
ค้านจะหยิบยกประเด็นนี้มาโจมตี ก็เชิญเลย แต่ต้องไม่ลืมวันที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา
พรรคประชาธิปัตย์ เคยพูดด้วยว่า ที่ไม่เข้าป่าเพราะไม่ศรัทธาพวกคอมมิวนิสต์ ที่จะล้มสถาบันชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ ซึ่งนายชวน ควรเกรงใจคนหนุ่มสาวที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองอื่นด้วย
นอกจากนี้ต้องโทษพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่เด็ดขาด ไม่กล้าประกาศภาวะฉุกเฉินช่วงที่มีการ
ชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ ช่วงคืนวันที่ 5 ตุลา 19 ซึ่งสถานการณ์ขณะนั้นคนกำลังฮึ่มๆ กันอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่านายอดิศร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ออกมาเรียกร้องให้
นายสมัคร ขอโทษ พร้อมทั้งระบุว่านายสมัคร กำลังผลักมิตรเป็นศัตรู นายจตุพร กล่าวว่า การที่นายอดิศร
วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ ต้องเข้าใจ เพราะพ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง ของนายอดิศร หนีเข้าป่าหมด เหมือนกับนายอดิศร
จึงอินกับเหตุการณ์ ดังนั้นจึงต้องเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกนายอดิศร
สำหรับกรณีที่มีการเสนอให้ชำระประวัติศาสตร์นั้น นายจตุพร กล่าวว่า ต้องตั้งคนกลางขึ้นมา
ชำระ แต่ก็ต้องชำระด้วยว่า คนเดือนตุลาบางคนที่ยืนอยู่ข้างเผด็จการ เมื่อมาลงเลือกตั้ง สอบตก และเป็นที่
น่าสังเกตุว่า เหตุการณ์นี้ถูกยกมาใช้ในทางการเมือง ส่วนกรณีที่นายสมัคร ระบุว่า เหตุการณ์ 6 ตุลา มีคนตาย
เพียง 1 คน นั้นนายจตุพร กล่าวว่า เรื่องนี้แล้วแต่มุมมองคน แล้วแต่ใครจะโดนมุมไหน ซึ่งจะไปโทษนาย
สมัคร ไม่ได้ เพราะว่าในขณะนั้นนายสมัคร เห็นคนตายเพียงแค่คนเดียวจริง อีกทั้งการเล่าเหตุการณ์แต่ละ
ฝ่ายก็เล่าในช่วงที่ตัวเองเห็น ไม่ได้เล่าอย่างครบถ้วน
**สากอ้างช่วย"ชวน-ดำรง"ไม่ให้ถูกฆ่า
ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลา
นั้นตนเป็นนายตำรวจติดตาม นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ รมว.พาณิชย์ ในขณะนั้น ซึ่งเหตุสังหารหมู่นักศึกษาที่
ธรรมศาสตร์ ตนได้พานายชวน หลีกภัย ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
หนีออกจากทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 19 เพราะวันที่ 5 ต.ค. ตนได้ฟังวิทยุจากสถานีวิทยุยานเกราะซึ่ง
ปลุกระดมประชาชน และเรียกร้องให้ลูกเสือชาวบ้านไปชุมนุมขับไล่รัฐมนตรี โดยมีการระบุชื่อ นายชวน
นายดำรง และนายสุรินทร์ มาศดิตถ์ ด้วย
ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า เมื่อถึงช่วงเช้าวันที่ 6 ต.ค. 19 ตนไปรับนายดำรงที่บ้าน เพื่อไปส่งที่
ทำเนียบรัฐบาล เสร็จแล้วจึงออกมาดูสถานการณ์ที่สนามไชย ลานพระบรมรูปทรงม้า เห็นว่าสถานการณ์ไม่
น่าไว้วางใจ จึงกลับไปทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเวลา 15.00 น. ครม.เลิกประชุมกันแล้ว มีคลื่นประชาชนเดิน
ขบวนจากลานพระบรมรูปทรงม้า ไปที่ทำเนียบรัฐบาล มีเสียงของประชาชนร้องตะโกนกึกก้องว่า ฆ่ามันๆ
มาตาม ถ.พิษณุโลก กระทั่งมาอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาล และมีป้ายสีขาวยาวประมาณ 10 เมตร ข้อความว่า
กำจัดรัฐมนตรีคอมมิวนิสต์"ชวน-ดำรง-สุรินทร์" ตนจึงตัดสินใจไปห้องประชุม ครม. เพื่อเชิญนายดำรง
และนายสุรินทร์ แต่ไปรถคนละคันจึงพลัดหลงกัน โดยรถคันของตนมีนายดำรง และนายชวน ซึ่งตัดสินใจ
ไปที่บ้านของตน และพักอยู่หนึ่งคืน จากนั้นวันถัดมาก็ย้ายไปบ้านอีกหลังหนึ่ง ใช้วิธีนี้นานเป็นเดือนเนื่อง
จากสถานการณ์ขณะนั้นอันตรายมาก ถ้าไม่หลบอาจถูกฆ่าตายได้
**ยอมรับเห็นตายมากกว่า 1 คน
ส่วนกรณีที่นายสมัคร ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตเพียงคนเดียวนั้นร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า แต่ละคนอยู่คนละ
จุด จึงเห็นไม่เหมือนกัน ดังนั้น ถ้าจะจัดสัมมนาในเรื่อง 6 ตุลา เพื่อสังคายนาก็เห็นด้วย เพื่อจะได้รู้ข้อเท็จ
จริงให้กระจ่าง เพราะครั้งหนึ่ง นายอาคม มกรานนท์ ก็เป็นโฆษกในสถานีวิทยุ และพูดว่านายชวนและ
นายดำรง เป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่งมาวันหนึ่งนายอาคม ก็กลับมายกมือไหว้ขอโทษนายชวน เพราะได้ข้อมูลมาผิด
เนื่องจากขณะนั้นมีความพยายามชี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะรัฐมนตรี 3 คน ซึ่งที่
จริงแล้วเป็นการบิดเบือน
"ยุคนั้นใครไม่ชอบกันก็จะกล่าวหาว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์ ทำให้เสียคน ยุคนั้นโหดร้ายมาก เรื่อง
เหล่านี้มันน่าที่จะเอามาคุยกัน ส่วนเรื่องที่มีการพุ่งเป้ากับนายกฯ นั้น ผมเฉยๆ เพราะบังเอิญนายกฯ อาจอยู่
ในจุดที่มองเห็นคนตายคนเดียวจริงๆ เช่นเดียวกับ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ก็ไม่น่าตำหนิท่าน เพราะท่านไม่ได้ขับรถ
ตระเวนเหมือนผม ผมเอาอาจารย์ดำรง ท่านชวนไปซ่อนที่บ้านแล้ว ผมยังเอารถออกมาตระเวนดู ฉะนั้นผม
อาจจะเห็นมากกว่าคนอื่น" ร.ต.ท.เชาวริน กล่าว
**"หมัก-เหลิม"เขียนประวัติศาสตร์เพื่อตัวเอง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง ข้อเสนอในการชำระประวัติ
ศาสตร์เหตุการณ์ 6 ตุลา ว่า ตนไม่เข้าใจว่านายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย จะทำอะไร เรื่องของเหตุการณ์
6 ตุลา เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น มีคนรู้เห็นเหตุการณ์ ทั้งสื่อมวลชน ประชาชนเข้าใจกันหมด และเขาได้เยียวยา
กันมาในระดับหนึ่งแล้ว
"ทั้งสองท่านไม่ทราบจะฟื้นเรื่องนี้มาด้วยเหตุอะไร พยายามจะเขียนประวัติศาสตร์เพื่อตัวเอง
ทั้งสองคน ผมคิดว่ามีแต่ขาดทุน ผมอยากจะบอกทั้งสองคนว่า ควรจะหยุด เลิกพูดเรื่องนี้ ตั้งหน้าตั้งตาดูแล
แก้ปัญหา บริหารราชการบ้านเมืองตามหน้าที่ความรับผิดชอบ และอยากรวมความไปถึงกรณีเหตุการณ์ที่เกิด
ขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งพยายามจะพูดจาบิดเบือนออกไปเช่นเดียวกัน การที่รัฐบาลพูดเรื่องไม่
จริงทำให้ประชาชนเสียความรู้สึกมากที่สุด จะทำให้ประชาชนเหลืออดเหลือทน" นายสุเทพ กล่าว และว่า
ในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในวันนั้น รู้สึกสลดและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และรู้เห็นจาก
ข่าวหนังสือพิมพ์ วิทยุ ดังนั้นการที่นายสมัคร และร.ต.อ.เฉลิม พยายามบิดเบือน ตนก็รู้สึกไม่พอใจ และเชื่อ
ว่าประชาชนที่มีใจเป็นธรรม ก็ไม่พอใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการบิดเบือนกันมาก ควรมีการทำตำราอย่างเป็นทางการหรือไม่ นายสุเทพ
กล่าวว่า ควรจะทำอย่างยิ่ง เพื่อให้เกิดความถูกต้องให้เป็นธรรม คนรุ่นต่อๆไป ก็จะได้รู้ข้อเท็จจริงที่แท้จริง
ไม่ใช่ว่าพอใครขึ้นมามีอำนาจก็บิดเบือน ตนถือว่าเป็นเรื่องน่าละอายที่สุด และเรื่องนี้เราคงไปฝากอะไร
รัฐบาลไม่ได้ เราต้องช่วยกันคิดเอง
โชว์ "โหงว นั้ง ปัง"มัดคอสมัคร
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ได้อภิปรายถึงนโยบายเรื่องการการสร้างความสมานฉันท์
โดยได้มีการหยิบยกเหตุการณ์ 6 ตุลา มาประกอบการอภิปราย และได้หนังสือชื่อ โหงว นั้ง ปัง ที่เขียนโดย
นายวีระ มุสิกพงศ์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับ นายสมัคร สุนทรเวช ไปพูดที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส
ว่า มีผู้เสียชีวิต 48 คน ไม่ใช่ 1 คนตามที่นายสมัครให้สัมภาษณ์ นอกจากนี้ในหนังสือนิตยสารตุลารำลึก ของ
มูลนิธิร่วมกตัญญู บอกว่ามีคนตายมากกว่า 580 คน
การอภิปรายของนายเทพไท ทำให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลหลายคนต้องลุกขึ้นมาประท้วงอย่างต่อเนื่องเพื่อ
สกัดการอภิปรายดังกล่าว โดยอ้างว่าสิ่งที่นำมาอภิปราย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐบาล และเหตุการณ์นี้
เกิดมาก็ยังไม่มีข้อสรุป อีกทั้งควรรอให้นายสมัคร มาอยู่ในที่ประชุมด้วย จนในที่สุด นายมีชัย ฤชุพันธุ์
ประธาน สนช. ทำหน้าหน้าที่ประธาน ได้ขอให้นายเทพไท ยอมยุติชั่วคราว เพื่อไปอภิปรายอีกครั้ง เมื่อนาย
สมัคร อยู่ในห้องประชุม ในที่สุด นายเทพไทก็ตอบตกลง
กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ออกมาเรียกร้องให้นายสมัคร ขอโทษประชาชนที่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่าง
ประเทศว่า มีคนตายเพียงคนเดียว ว่า เรื่องนี้ขอให้ยุติเถอะ มันจบแล้วขีดเส้นใต้สองเส้น ที่ผ่านมาก็พอเพียง
แก่เหตุแล้ว
เมื่อถามว่า มีข้อสงสัยมากเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลา เป็นไปได้หรือไม่ที่ใช้โอกาสนี้ชำระประวัติ
ศาสตร์ นายสมัคร กล่าวว่าใครจะทำอะไรตนไม่ขัดข้อง แต่ตนขอบอกว่า ยุติแล้ว ไม่พูดอีกแล้ว เมื่อถามการ
วิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายการเมืองในเรื่องนี้จะเกิดเหตุบานปลายหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า มันได้ปุ๋ยอะไรมา
ถึงได้งอกงาม มันถึงได้บานปลาย คุณเห็นมั้ยว่าทั้งสองคำถามเมื่อสักครู่ ผมหยุดตอบ ใช่หรือไม่ เมื่อถามว่า
จะมีคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์อีก นายสมัคร กล่าวว่า มีคนอื่นที่ไหนอีก ก็มีสองคนนี่ที่กำลังถามผมอยู่ อะโด่...
บอกว่ายุติแล้วก็ยุติ พอเถอะเรื่องอื่นมี
เมื่อถามต่อว่า กรณี 6 ตุลาฯจะให้จบแบบที่ยังเข้าใจไม่ตรงกันอย่างนั้นหรือ นายสมัคร กล่าวว่า
ตกลงเมื่อสักครู่ผมบอกจบแล้ว คุณจะเริ่มอีกแล้วหรือ ผมบอกไปแล้วว่า ใครจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ไม่พอ
หรือ
"ผมบอกแล้วว่ามีคนตั้งรางวัลไว้ ถ้าทำให้ตะบะแตกน้อยก็ให้หมื่น แตกมากให้ 5 หมื่น ไม่มีใคร
ได้รางวัลหรอก"
เมื่อถามว่าใครเป็นคนตั้งรางวัล นายสมัคร กล่าว่า ไม่ทราบ ไม่บอก เมื่อถามว่าจะจัดการอย่างไร
กับคนตั้งรางวัลให้บ้านเมืองสงบสุข นายสมัคร กล่าวว่า ไม่น่าสนใจ เรื่องนี้เล่าให้ฟังสนุกๆ ส่วนรางวัล
แตกน้อยหมื่น แตกมากให้ 5 หมื่น
**อดีตประธาน อศ.มธ. โดดอุ้ม"หมัก"
นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน หรือชื่อเดิมคือ นายสมาน เลือด
วงศ์หัด ในฐานะอดีตกรรมการองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตประธานสภาองค์การนัก
ศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ตนมีความเกี่ยวข้องในช่วงเหตุการณ์ 9-14 ตุลา 16 ซึ่งตนเป็นทั้งกรรมการ
องค์การนักศึกษา และประธานสภาองค์การนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งทำหน้าที่ทั้งวางแผนยุทธศาสตร์
และแนวรบในการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาในช่วงนั้น แต่ในช่วง 6 ตุลา 19 ตน ได้เดินทางไปต่าง
ประเทศ เข้าใจว่า การที่นายสมัคร ออกมาพูดว่าคนตาย 1 คนนั้นน่าจะหมายความว่า นายสมัคร เห็นคนตาย
กับตาตัวเองเพียง 1 คน แม้ว่าเรื่องนี้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายมาก แต่ก็ไม่ได้ห่วงอะไร เพราะ
ความจริงก็คือความจริง และหากฝ่ายค้านจะหยิบเรื่องนี้มาโจมตี ก็ต้องไล่ให้ไปถาม นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ
อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และนายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการอิสระ ม.เที่ยงคืน เพื่อ
ให้ตอบว่า ประวัติศาสตร์ คืออะไร เพราะประวัติศาสตร์ไม่ได้หมายถึงความจริง แต่หมายถึงการตีความ การ
เล่าเรื่องของผู้ตีความ
ส่วนที่มีการเสนอให้ชำระประวัติศาสตร์ เพื่อให้เกิดความชัดเจน นายสมาน กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นก็
ต้องมีเรื่องที่ชำระอีกเยอะ เพราะประวัติศาสตร์ไทยที่ซ่อนเร้นมีหลายเรื่อง และบางครั้งการชำระประวัติ
ศาสตร์ ไม่เคยเขียนให้คนแพ้ และก็ต้องถามว่าจะใช้ผงซักฟอกอะไรฟอกตัว ส่วนอาจจะทำให้ประชาชน
เสียความรู้สึกกับรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะญาติวีรชนคนเดือนตุลานั้น นายสมาน กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
แต่เป็นการพูดในมุมมองของนายสมัคร แต่จะให้ตนประเมินอะไรตอนนี้ คงยังตอบไม่ได้
ด้านนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้
โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า"ผมไม่รู้"
**"ตู่"เย้ย"อดิศร"อินมากเกินไป
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ถ้าพรรคฝ่าย
ค้านจะหยิบยกประเด็นนี้มาโจมตี ก็เชิญเลย แต่ต้องไม่ลืมวันที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา
พรรคประชาธิปัตย์ เคยพูดด้วยว่า ที่ไม่เข้าป่าเพราะไม่ศรัทธาพวกคอมมิวนิสต์ ที่จะล้มสถาบันชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ ซึ่งนายชวน ควรเกรงใจคนหนุ่มสาวที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองอื่นด้วย
นอกจากนี้ต้องโทษพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่เด็ดขาด ไม่กล้าประกาศภาวะฉุกเฉินช่วงที่มีการ
ชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ ช่วงคืนวันที่ 5 ตุลา 19 ซึ่งสถานการณ์ขณะนั้นคนกำลังฮึ่มๆ กันอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่านายอดิศร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ออกมาเรียกร้องให้
นายสมัคร ขอโทษ พร้อมทั้งระบุว่านายสมัคร กำลังผลักมิตรเป็นศัตรู นายจตุพร กล่าวว่า การที่นายอดิศร
วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ ต้องเข้าใจ เพราะพ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง ของนายอดิศร หนีเข้าป่าหมด เหมือนกับนายอดิศร
จึงอินกับเหตุการณ์ ดังนั้นจึงต้องเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกนายอดิศร
สำหรับกรณีที่มีการเสนอให้ชำระประวัติศาสตร์นั้น นายจตุพร กล่าวว่า ต้องตั้งคนกลางขึ้นมา
ชำระ แต่ก็ต้องชำระด้วยว่า คนเดือนตุลาบางคนที่ยืนอยู่ข้างเผด็จการ เมื่อมาลงเลือกตั้ง สอบตก และเป็นที่
น่าสังเกตุว่า เหตุการณ์นี้ถูกยกมาใช้ในทางการเมือง ส่วนกรณีที่นายสมัคร ระบุว่า เหตุการณ์ 6 ตุลา มีคนตาย
เพียง 1 คน นั้นนายจตุพร กล่าวว่า เรื่องนี้แล้วแต่มุมมองคน แล้วแต่ใครจะโดนมุมไหน ซึ่งจะไปโทษนาย
สมัคร ไม่ได้ เพราะว่าในขณะนั้นนายสมัคร เห็นคนตายเพียงแค่คนเดียวจริง อีกทั้งการเล่าเหตุการณ์แต่ละ
ฝ่ายก็เล่าในช่วงที่ตัวเองเห็น ไม่ได้เล่าอย่างครบถ้วน
**สากอ้างช่วย"ชวน-ดำรง"ไม่ให้ถูกฆ่า
ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลา
นั้นตนเป็นนายตำรวจติดตาม นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ รมว.พาณิชย์ ในขณะนั้น ซึ่งเหตุสังหารหมู่นักศึกษาที่
ธรรมศาสตร์ ตนได้พานายชวน หลีกภัย ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
หนีออกจากทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 19 เพราะวันที่ 5 ต.ค. ตนได้ฟังวิทยุจากสถานีวิทยุยานเกราะซึ่ง
ปลุกระดมประชาชน และเรียกร้องให้ลูกเสือชาวบ้านไปชุมนุมขับไล่รัฐมนตรี โดยมีการระบุชื่อ นายชวน
นายดำรง และนายสุรินทร์ มาศดิตถ์ ด้วย
ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า เมื่อถึงช่วงเช้าวันที่ 6 ต.ค. 19 ตนไปรับนายดำรงที่บ้าน เพื่อไปส่งที่
ทำเนียบรัฐบาล เสร็จแล้วจึงออกมาดูสถานการณ์ที่สนามไชย ลานพระบรมรูปทรงม้า เห็นว่าสถานการณ์ไม่
น่าไว้วางใจ จึงกลับไปทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเวลา 15.00 น. ครม.เลิกประชุมกันแล้ว มีคลื่นประชาชนเดิน
ขบวนจากลานพระบรมรูปทรงม้า ไปที่ทำเนียบรัฐบาล มีเสียงของประชาชนร้องตะโกนกึกก้องว่า ฆ่ามันๆ
มาตาม ถ.พิษณุโลก กระทั่งมาอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาล และมีป้ายสีขาวยาวประมาณ 10 เมตร ข้อความว่า
กำจัดรัฐมนตรีคอมมิวนิสต์"ชวน-ดำรง-สุรินทร์" ตนจึงตัดสินใจไปห้องประชุม ครม. เพื่อเชิญนายดำรง
และนายสุรินทร์ แต่ไปรถคนละคันจึงพลัดหลงกัน โดยรถคันของตนมีนายดำรง และนายชวน ซึ่งตัดสินใจ
ไปที่บ้านของตน และพักอยู่หนึ่งคืน จากนั้นวันถัดมาก็ย้ายไปบ้านอีกหลังหนึ่ง ใช้วิธีนี้นานเป็นเดือนเนื่อง
จากสถานการณ์ขณะนั้นอันตรายมาก ถ้าไม่หลบอาจถูกฆ่าตายได้
**ยอมรับเห็นตายมากกว่า 1 คน
ส่วนกรณีที่นายสมัคร ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตเพียงคนเดียวนั้นร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า แต่ละคนอยู่คนละ
จุด จึงเห็นไม่เหมือนกัน ดังนั้น ถ้าจะจัดสัมมนาในเรื่อง 6 ตุลา เพื่อสังคายนาก็เห็นด้วย เพื่อจะได้รู้ข้อเท็จ
จริงให้กระจ่าง เพราะครั้งหนึ่ง นายอาคม มกรานนท์ ก็เป็นโฆษกในสถานีวิทยุ และพูดว่านายชวนและ
นายดำรง เป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่งมาวันหนึ่งนายอาคม ก็กลับมายกมือไหว้ขอโทษนายชวน เพราะได้ข้อมูลมาผิด
เนื่องจากขณะนั้นมีความพยายามชี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะรัฐมนตรี 3 คน ซึ่งที่
จริงแล้วเป็นการบิดเบือน
"ยุคนั้นใครไม่ชอบกันก็จะกล่าวหาว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์ ทำให้เสียคน ยุคนั้นโหดร้ายมาก เรื่อง
เหล่านี้มันน่าที่จะเอามาคุยกัน ส่วนเรื่องที่มีการพุ่งเป้ากับนายกฯ นั้น ผมเฉยๆ เพราะบังเอิญนายกฯ อาจอยู่
ในจุดที่มองเห็นคนตายคนเดียวจริงๆ เช่นเดียวกับ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ก็ไม่น่าตำหนิท่าน เพราะท่านไม่ได้ขับรถ
ตระเวนเหมือนผม ผมเอาอาจารย์ดำรง ท่านชวนไปซ่อนที่บ้านแล้ว ผมยังเอารถออกมาตระเวนดู ฉะนั้นผม
อาจจะเห็นมากกว่าคนอื่น" ร.ต.ท.เชาวริน กล่าว
**"หมัก-เหลิม"เขียนประวัติศาสตร์เพื่อตัวเอง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง ข้อเสนอในการชำระประวัติ
ศาสตร์เหตุการณ์ 6 ตุลา ว่า ตนไม่เข้าใจว่านายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย จะทำอะไร เรื่องของเหตุการณ์
6 ตุลา เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น มีคนรู้เห็นเหตุการณ์ ทั้งสื่อมวลชน ประชาชนเข้าใจกันหมด และเขาได้เยียวยา
กันมาในระดับหนึ่งแล้ว
"ทั้งสองท่านไม่ทราบจะฟื้นเรื่องนี้มาด้วยเหตุอะไร พยายามจะเขียนประวัติศาสตร์เพื่อตัวเอง
ทั้งสองคน ผมคิดว่ามีแต่ขาดทุน ผมอยากจะบอกทั้งสองคนว่า ควรจะหยุด เลิกพูดเรื่องนี้ ตั้งหน้าตั้งตาดูแล
แก้ปัญหา บริหารราชการบ้านเมืองตามหน้าที่ความรับผิดชอบ และอยากรวมความไปถึงกรณีเหตุการณ์ที่เกิด
ขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งพยายามจะพูดจาบิดเบือนออกไปเช่นเดียวกัน การที่รัฐบาลพูดเรื่องไม่
จริงทำให้ประชาชนเสียความรู้สึกมากที่สุด จะทำให้ประชาชนเหลืออดเหลือทน" นายสุเทพ กล่าว และว่า
ในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในวันนั้น รู้สึกสลดและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และรู้เห็นจาก
ข่าวหนังสือพิมพ์ วิทยุ ดังนั้นการที่นายสมัคร และร.ต.อ.เฉลิม พยายามบิดเบือน ตนก็รู้สึกไม่พอใจ และเชื่อ
ว่าประชาชนที่มีใจเป็นธรรม ก็ไม่พอใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการบิดเบือนกันมาก ควรมีการทำตำราอย่างเป็นทางการหรือไม่ นายสุเทพ
กล่าวว่า ควรจะทำอย่างยิ่ง เพื่อให้เกิดความถูกต้องให้เป็นธรรม คนรุ่นต่อๆไป ก็จะได้รู้ข้อเท็จจริงที่แท้จริง
ไม่ใช่ว่าพอใครขึ้นมามีอำนาจก็บิดเบือน ตนถือว่าเป็นเรื่องน่าละอายที่สุด และเรื่องนี้เราคงไปฝากอะไร
รัฐบาลไม่ได้ เราต้องช่วยกันคิดเอง
โชว์ "โหงว นั้ง ปัง"มัดคอสมัคร
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ได้อภิปรายถึงนโยบายเรื่องการการสร้างความสมานฉันท์
โดยได้มีการหยิบยกเหตุการณ์ 6 ตุลา มาประกอบการอภิปราย และได้หนังสือชื่อ โหงว นั้ง ปัง ที่เขียนโดย
นายวีระ มุสิกพงศ์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับ นายสมัคร สุนทรเวช ไปพูดที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส
ว่า มีผู้เสียชีวิต 48 คน ไม่ใช่ 1 คนตามที่นายสมัครให้สัมภาษณ์ นอกจากนี้ในหนังสือนิตยสารตุลารำลึก ของ
มูลนิธิร่วมกตัญญู บอกว่ามีคนตายมากกว่า 580 คน
การอภิปรายของนายเทพไท ทำให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลหลายคนต้องลุกขึ้นมาประท้วงอย่างต่อเนื่องเพื่อ
สกัดการอภิปรายดังกล่าว โดยอ้างว่าสิ่งที่นำมาอภิปราย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐบาล และเหตุการณ์นี้
เกิดมาก็ยังไม่มีข้อสรุป อีกทั้งควรรอให้นายสมัคร มาอยู่ในที่ประชุมด้วย จนในที่สุด นายมีชัย ฤชุพันธุ์
ประธาน สนช. ทำหน้าหน้าที่ประธาน ได้ขอให้นายเทพไท ยอมยุติชั่วคราว เพื่อไปอภิปรายอีกครั้ง เมื่อนาย
สมัคร อยู่ในห้องประชุม ในที่สุด นายเทพไทก็ตอบตกลง