นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวหลังการประกาศรายชื่อ ส.ว.สรรหา 74 คนว่า พอใจกับผลการสรรหาส.ว.ที่ออกมา 74 ท่าน เพราะอย่างน้อยก็ไม่มีเสียงยี้ แม้จะมีการพูดว่ามีตำรวจ ทหารมากไป แต่คณ ะกรรมการสรรหาก็ช่วยกันอย่างรอบคอบแล้ว โดยทุกคนมีความรู้ ความสามารถจริง
อย่างไรก็ตามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 117 ระบุว่าสมาชิกภาพส.ว. ที่มาจากการสรรหาจะเริ่มตั้งแต่วันที่ กกต.ประกาศผลการสรรหา และสมาชิกสภาพ ของส.ว มีกำหนดคราวละ 6 ปีนับแต่วันเลือกตั้งหรือวันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการสรรหา แต่บทเฉพาะกาลมาตรา 297 ก็กำหนดไว้ว่าในวาระเริ่ม ให้ ส.วที่มาจากการสรรหามีวาระ 3 ปีนับแต่วันเริ่มต้นสมาชิกภาพ แต่มิให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการห้ามดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินหนึ่งวาระมาใช้บังคับกับบุคคลดังกล่าวในการสรหาคราวถัดไปหลังจากสิ้นสุดสมาชิกภาพ ดังนั้นส.ว.สรรหาทั้ง 74 คนจะอยู่ในวาระเพียง 3 ปี แต่เมื่อมีการสรรหาใหม่บุคคลทั้งหมดยังสามารถ เป็นผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาได้ และหากได้รับการสรรหาเข้ามาในรอบใหม่ก็จะมีวาระการดำรงตำแหน่งยาวถึง 6 ปี
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงว่า ส่วนตัวมองว่าส.ว.ที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 74 คนไม่ขี้เหร่ เพราะเป็นผู้มีคุณวุฒิ มีประสบการณ์หลายคนเป็นถึงศาสตรจารย์ รองศาสตร์ จบปริญญาโท ปริญญาเอก และหากดูจากประสบการณ์ แต่ละคนเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ แม้ว่าหลายคนสื่อมวลชนจะยังไม่รู้จัก แต่คณะกรรมการสรรหาได้พิจารณาคุณสมบัติรายละเอียดอย่างรอบคอบ อีกทั้งคณะกรรมการสรรหายังได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมา ตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อกลั่นกรอง ก่อนจะเสนอรายชื่อให้คณะกรรมการพิจารณา ทั้งยังได้ตรวจสอบคุณสมบัติกับอีก17 หน่วยงานภาครัฐด้วย
ยืนยันว่าการสรรหาครั้งนี้ไม่มีการล็อบบี้ เพราะกรรมการทุกคนได้พิจารณา ลงมติโดยรับฟังข้อมูลก่อน อีกทั้งยังได้ซักถามประวัติของแต่ละบุคคลอย่างละเอียดถือว่า คณะกรรมการทุกคนได้ทำหน้าที่อย่างรอบคอบแล้ว และผลของการลงมติ นี้ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด โดยหากผู้ที่ใดเห็นว่าการสรรหาครั้งนี้มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ไม่เป็นไปตามกฎหมายก็สามารถ ยื่นคำร้องต่อ กกต.ตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. มาตรา 133 เพื่อให้กกต.ตรวจสอบได้ภายใน 30 นับจากวันประกาศรับรองผล หลังจากนั้นกกต.จะสืบสวนสอบสวนหากมีมูลกกต.ก็จะยื่นเรื่องต่อ ศาลฏีกาให้พิจารณาเพิกถอนได้ภายใน 1 ปี”
สำหรับเหตุผลที่คณะกรรมการสรรหาคัดเลือกอดีตสนช.เป็นส.ว.สรรหากว่า 8 คนนั้น แม้ว่ากรรมการสรรหาจะไม่ได้ลงมติในเรื่องนี้ แต่กรรมการฯเห็นตรงกันว่า สนช. ที่ลาออกแล้วสามารถเป็น ส.ว. สรรหาได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญในบทเฉพาะกาลให้ความคุ้มครองไว้ ดังนั้นจึงถือว่าไม่น่าจะเป็นข้อห้าม อีกทั้งกรรมการสรรหายังดูเรื่องการปฏิบัติหน้าที่แม้หลายฝ่ายจะบอกว่า สนช.ปฏิบัติหน้าที่เสมือน ส.ส. แต่ กรรมการสรรหามองว่า การปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าเป็น ส.ส. และไม่เป็นคุณสมบัติต้องห้ามแต่อย่างใด
ส่วนหากผู้ที่ไม่พอใจในผลคะแนนสามารถยื่นคำร้องต่อศาลปกครองได้หรือไม่ นายสุทธิพลกล่าวว่า ตามบทบัญญัติของพ.ร.บ. เลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. ได้เขียนชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นผลการคัดเลือกของกรรมการสรรหาถือว่าเป็นที่สุด และกฎหมายก็มีแนวทางในการเยียวยาอยู่แล้ว และไม่คิดว่าการสรรหาครั้งนี้จะทำให้ กรรมการสรรหาทั้ง 7 คน ถูกลดทอนความน่าเชื่อถือลง เพราะได้ใช้ดุลยพินิจอย่าง ดีที่สุดในการสรรหาบุคคลที่มีความหลากหลาย โดยกระบวนการสรรหามีความอิสระมากพอสมควร ดังนั้นขอให้เชื่อมั่นคณะกรรมการทั้ง 7 คนที่มีความรู้ความสามารถ อย่างดีที่สุดแล้ว จึงขอให้สื่อมวลชนและประชาชนให้โอกาสและยอมรับ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดอดีตส.ว.ปี 49 จึงไม่ได้รับการสรรหาเข้ามาเลย นายสุทธิพล กล่าวว่า คณะกรรมการไม่ได้อธิบายในประเด็นนี้ แต่ได้นำคุณสมบัติของทุกคนเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งมีความหลายหลาก ก่อนที่จะได้รายชื่อออกมาทั้งหมดนี้ ซึ่งได้มีการชิงกันหลายรอบ อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไป ฝ่ายบริหารการเลือกตั้งจะดำเนินการตรวจสอบรายชื่อ ตัวสะกด ของส.ว.สรรหาทั้ง 74 คน หลังจากนั้นจะทำเป็นเอกสารส่งไปยังประธานรัฐสภา เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้น หากส.ว.สรรหาที่ได้รับการประกาศชื่อ สามารถมารับหนังสือรายงานตัวได้ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. ในตั้งแต่วเลา 10.00 น. เป็นต้นไป
นางสุวิมล ภูมิสิงหราช เลขาธิการวุฒิสภา เปิดเผยว่า ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้กำหนดให้ ส.ว.สรรหามารายงานตัวได้ตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ.นี้เป็นต้นไป ระหว่างเวลา 08.30-17.00 น. เว้นวันหยุดราชการ ที่อาคารรัฐสภา 2 โดยให้นำหนังสือรับรองการเป็น ส.ว.จาก กกต. สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบสมรส สำเนาแสดงหลักฐานวุฒิการศึกษา และรุปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว 2 นิ้ว และ 3 นิ้ว ขนาดละ 12 รูป
สำหรับสถิติที่ทางฝ่ายเลขานุการได้รวบรวมไว้เกี่ยวกับส.ว.สรรหา นั้น เป็นผู้ชาย 62 เป็นผู้หญิง 12 คน ซึ่งมีอัตราส่วน 6 ต่อ 1 ที่มีความใกล้เคียงเป็นไปตาม บทบัญญัติที่มีอัตราส่วนผู้ที่ได้รับการสรรหากับผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ โดยส.ว.ที่ได้รับเลือกมีอายุสูงสุด 72 ปี คือนายกมล ประจวบเหมาะ อายุต่ำสุดคือ นายมณเฑียร บุญตัน โดยหากแยกตามกลุ่มอาชีพ ประกอบไปด้วย ศาสตราจารย์ 6 คน รองศาสตราจารย์ 5 คน นักกฎหมาย 8 คน สื่อสารมวลชน 5 คน สาธารณสุข- พยาบาล 5 คน สถาปนิก 1 คน แพทย์ 3 คน วิศวะ 2 คน อดีตผู้ว่าราชการจังหวัด-ฝ่ายปกครอง 4 คน นักการศึกษา 5 คน เกษตรกร 3 คน ผู้พิการ 1 คน ประมง 1 การเงิน-บัญชี 3 คน กลุ่มศาสนา 3 คน คมนาคม 1 นักธุรกิจ 8 คน และอดีตสนช. 8 คน ที่เหลือเป็นภาคอื่น ๆ สำหรับด้านวุฒิทางการศึกษานั้นมีผู้ที่จบปริญญาเอก 9 คน ปริญญาโท 41 คน ปริญญาตรี 24 และสามารถจำแนกเป็นภาคคือ ภาคใต้ 5 คน และเป็นบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 คน ภาคเหนือ 3 คน ภาคอีสาน 2 กทม. 43 ภาคกลาง 21
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอดีตสนช.ทั้ง 8 คน ประกอบด้วย นายคำนูญ สิทธิสมาน นายชลิต แก้วจินดา นายตวง อันทะไชย ร.ท.ภูมิศักดิ์ หงส์หยก นายแวดือราแม มะมิงจิ นายสมชาย แสวงการ นายสมัคร เชาวภานันท์ พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ ซึ่งทั้งหมดลาออกก่อนการได้รับเสนอชื่อจากองค์กรภาคต่างๆ
ส่วนผู้ที่ได้รับการคาดหมายก่อนหน้านี้ว่าจะได้รับการสรรหา แต่กลับไม่ได้รับการสรรหา อาทิ น.พ.ประกิต วาทีสาธกกิจ นายอาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นายสวัสดิ์ โชติพานิช นายสุรพงษ์ ชัยนาม นายนิติธร ล้ำเหลือ ศจ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงงาม นพ. บรรลุ ศิริพานิช นายสันติ วิลาศศักดานนท์ พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี นายวิทยากร เชียงกูล นายคนิน บุญสุวรรณ ร.ศ. ดร.วิชุดา รัตนเพียร นายเดโช สวนานนท์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์
สำหรับรายชื่อ ส.ว. 74 คน ประกอบด้วยภาควิชาการ มี 1.รศ.กอบกุล พันธ์เจริญวรกุล 2.นายคำนูณ สิทธิสมาน 3.นายจำนงค์ สวมประคำ 4.นายโชติรัส ชวนิชย์ 5.ศจ.ตรึงใจ บูรณสมภพ 6. รศ.ทรงศักดิ์ ศรีอนุชาต 7.นายธนู กุลชล 8.นายประสาร มฤคพิทักษ์ 9. รศ.พรชัย สุนทรพันธุ์ 10. นพ.พินิจ กุลละวณิชย์ 11.พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี 12.นายวิทวัส บุญญสถิต 13.นพ.วิรัติ พาณิชย์พงษ์ 14.ศจ.สุกัญญา สุดบรรทัด 15.นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย
ภาครัฐ ประกอบด้วย1. นายจารึก อนุพงษ์ 2. นายเจตน์ ศิรธรานนท์ 3. นายฐิระวัตร กุลละวณิชย์ 4. พล.ร.อ.ณรงค์ ยุทธวงศ์ 5. นายพิเชต สุนทรพิพิธ 6. นายไพบูลย์ นิติตะวัน 7. พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช 8. นายสงคราม ชื่นภิบาล 9.นายสมบูรณ์ งามลักษณ์ 10 พล.อ.สุจินดา สุทธิพงศ์ 11.นายสุพจน์ โพธิ์ทองคำ 12.นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล 13.พล.อ.อ. อาคม กาญจนหิรัญ 14.พล.ต.อ.อำนวย เพชรศิริ
ภาควิชาชีพ ประกอบด้วย1.พล.ต.ต.เกริก กลัยาณมิตร 2.นายชลิต แก้วจินดา 3. นายตวง อันทะไชย 4. ศ.ทัศนา บุญทอง 5.นายพรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ 6.นายรุสดี บินหะยีสะมะแอ 7. นายไรน่าน อรุณรังษี 8.นายวิชาญ ศิริชัยอกวัฒน์ 9.นายวีระ มาวิจักขณ์ 10.นายสมชาย แสวงการ 11.นายสมัคร เชวภานันท์ 12.พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ 13. นายอนันต์ วรธิติพงศ14. นายอนุรักษ์ นิยมเวช 15. รศ.อัจฉรา เตชฤทธิพิทักษ์
ภาคเอกชน1.นายถาวร ลีนุตพงษ์ 2.นายธวัช บวรวนิชยกูร 3.นายธีระจิตต์ สถิโรตมวงศ์ 4.นางนิลวรรณ เพชระบูรณิน 5.นายบุญชัย โชควัฒนา 6.นายพิชัย อุตมาภินันท์ 7.ร.ท.ภูมิศักดิ์ หงส์หยก 8.นางยุวดี นิ่มสมบุญ 9.นางรสสุคนธ์ ภูริเดช 10.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ 11.นายวรินทร์ เทียมจรัส 12.นายวันชัย แสงสุขเอี่ยม 13.พ.ต.อ.กสนธยาแสงเภา14.นายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ 15.นางอุไร คุณานันทกุล
ภาคอื่น ประกอบด้วย1.พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ 2.พล.อ.เกษมศักดิ์ ปลูกสวัสดิ์ 3.พล.อ.อ.ณพฤษภ์ มัณฑะจิตร 4.นางทิพย์วัลย์ สมุทรักษ์ 5.นายประสงค์ นุรักษ์ 6.ศ.พิเศษ ประสพสุข บุญเดช 7.ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต 8.นายไพโรจน์ ถัดทะพงษ์ 9.นายมณเฑียร บุญตัน 10.นายวรวุฒิ โรจนพานิช 11.นายแวดือรามา มะมิงจิ 12.พล.ต.ต.สุเทพ สุขสงวน 13.พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ14.ท.พ.อนุศักดิ์ คงมาลัย 15.นายอิทธิพล เรืองวรบูรณ์
อย่างไรก็ตามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 117 ระบุว่าสมาชิกภาพส.ว. ที่มาจากการสรรหาจะเริ่มตั้งแต่วันที่ กกต.ประกาศผลการสรรหา และสมาชิกสภาพ ของส.ว มีกำหนดคราวละ 6 ปีนับแต่วันเลือกตั้งหรือวันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการสรรหา แต่บทเฉพาะกาลมาตรา 297 ก็กำหนดไว้ว่าในวาระเริ่ม ให้ ส.วที่มาจากการสรรหามีวาระ 3 ปีนับแต่วันเริ่มต้นสมาชิกภาพ แต่มิให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการห้ามดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินหนึ่งวาระมาใช้บังคับกับบุคคลดังกล่าวในการสรหาคราวถัดไปหลังจากสิ้นสุดสมาชิกภาพ ดังนั้นส.ว.สรรหาทั้ง 74 คนจะอยู่ในวาระเพียง 3 ปี แต่เมื่อมีการสรรหาใหม่บุคคลทั้งหมดยังสามารถ เป็นผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาได้ และหากได้รับการสรรหาเข้ามาในรอบใหม่ก็จะมีวาระการดำรงตำแหน่งยาวถึง 6 ปี
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงว่า ส่วนตัวมองว่าส.ว.ที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 74 คนไม่ขี้เหร่ เพราะเป็นผู้มีคุณวุฒิ มีประสบการณ์หลายคนเป็นถึงศาสตรจารย์ รองศาสตร์ จบปริญญาโท ปริญญาเอก และหากดูจากประสบการณ์ แต่ละคนเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ แม้ว่าหลายคนสื่อมวลชนจะยังไม่รู้จัก แต่คณะกรรมการสรรหาได้พิจารณาคุณสมบัติรายละเอียดอย่างรอบคอบ อีกทั้งคณะกรรมการสรรหายังได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมา ตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อกลั่นกรอง ก่อนจะเสนอรายชื่อให้คณะกรรมการพิจารณา ทั้งยังได้ตรวจสอบคุณสมบัติกับอีก17 หน่วยงานภาครัฐด้วย
ยืนยันว่าการสรรหาครั้งนี้ไม่มีการล็อบบี้ เพราะกรรมการทุกคนได้พิจารณา ลงมติโดยรับฟังข้อมูลก่อน อีกทั้งยังได้ซักถามประวัติของแต่ละบุคคลอย่างละเอียดถือว่า คณะกรรมการทุกคนได้ทำหน้าที่อย่างรอบคอบแล้ว และผลของการลงมติ นี้ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด โดยหากผู้ที่ใดเห็นว่าการสรรหาครั้งนี้มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ไม่เป็นไปตามกฎหมายก็สามารถ ยื่นคำร้องต่อ กกต.ตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. มาตรา 133 เพื่อให้กกต.ตรวจสอบได้ภายใน 30 นับจากวันประกาศรับรองผล หลังจากนั้นกกต.จะสืบสวนสอบสวนหากมีมูลกกต.ก็จะยื่นเรื่องต่อ ศาลฏีกาให้พิจารณาเพิกถอนได้ภายใน 1 ปี”
สำหรับเหตุผลที่คณะกรรมการสรรหาคัดเลือกอดีตสนช.เป็นส.ว.สรรหากว่า 8 คนนั้น แม้ว่ากรรมการสรรหาจะไม่ได้ลงมติในเรื่องนี้ แต่กรรมการฯเห็นตรงกันว่า สนช. ที่ลาออกแล้วสามารถเป็น ส.ว. สรรหาได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญในบทเฉพาะกาลให้ความคุ้มครองไว้ ดังนั้นจึงถือว่าไม่น่าจะเป็นข้อห้าม อีกทั้งกรรมการสรรหายังดูเรื่องการปฏิบัติหน้าที่แม้หลายฝ่ายจะบอกว่า สนช.ปฏิบัติหน้าที่เสมือน ส.ส. แต่ กรรมการสรรหามองว่า การปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าเป็น ส.ส. และไม่เป็นคุณสมบัติต้องห้ามแต่อย่างใด
ส่วนหากผู้ที่ไม่พอใจในผลคะแนนสามารถยื่นคำร้องต่อศาลปกครองได้หรือไม่ นายสุทธิพลกล่าวว่า ตามบทบัญญัติของพ.ร.บ. เลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. ได้เขียนชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นผลการคัดเลือกของกรรมการสรรหาถือว่าเป็นที่สุด และกฎหมายก็มีแนวทางในการเยียวยาอยู่แล้ว และไม่คิดว่าการสรรหาครั้งนี้จะทำให้ กรรมการสรรหาทั้ง 7 คน ถูกลดทอนความน่าเชื่อถือลง เพราะได้ใช้ดุลยพินิจอย่าง ดีที่สุดในการสรรหาบุคคลที่มีความหลากหลาย โดยกระบวนการสรรหามีความอิสระมากพอสมควร ดังนั้นขอให้เชื่อมั่นคณะกรรมการทั้ง 7 คนที่มีความรู้ความสามารถ อย่างดีที่สุดแล้ว จึงขอให้สื่อมวลชนและประชาชนให้โอกาสและยอมรับ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดอดีตส.ว.ปี 49 จึงไม่ได้รับการสรรหาเข้ามาเลย นายสุทธิพล กล่าวว่า คณะกรรมการไม่ได้อธิบายในประเด็นนี้ แต่ได้นำคุณสมบัติของทุกคนเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งมีความหลายหลาก ก่อนที่จะได้รายชื่อออกมาทั้งหมดนี้ ซึ่งได้มีการชิงกันหลายรอบ อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไป ฝ่ายบริหารการเลือกตั้งจะดำเนินการตรวจสอบรายชื่อ ตัวสะกด ของส.ว.สรรหาทั้ง 74 คน หลังจากนั้นจะทำเป็นเอกสารส่งไปยังประธานรัฐสภา เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้น หากส.ว.สรรหาที่ได้รับการประกาศชื่อ สามารถมารับหนังสือรายงานตัวได้ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. ในตั้งแต่วเลา 10.00 น. เป็นต้นไป
นางสุวิมล ภูมิสิงหราช เลขาธิการวุฒิสภา เปิดเผยว่า ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้กำหนดให้ ส.ว.สรรหามารายงานตัวได้ตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ.นี้เป็นต้นไป ระหว่างเวลา 08.30-17.00 น. เว้นวันหยุดราชการ ที่อาคารรัฐสภา 2 โดยให้นำหนังสือรับรองการเป็น ส.ว.จาก กกต. สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบสมรส สำเนาแสดงหลักฐานวุฒิการศึกษา และรุปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว 2 นิ้ว และ 3 นิ้ว ขนาดละ 12 รูป
สำหรับสถิติที่ทางฝ่ายเลขานุการได้รวบรวมไว้เกี่ยวกับส.ว.สรรหา นั้น เป็นผู้ชาย 62 เป็นผู้หญิง 12 คน ซึ่งมีอัตราส่วน 6 ต่อ 1 ที่มีความใกล้เคียงเป็นไปตาม บทบัญญัติที่มีอัตราส่วนผู้ที่ได้รับการสรรหากับผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ โดยส.ว.ที่ได้รับเลือกมีอายุสูงสุด 72 ปี คือนายกมล ประจวบเหมาะ อายุต่ำสุดคือ นายมณเฑียร บุญตัน โดยหากแยกตามกลุ่มอาชีพ ประกอบไปด้วย ศาสตราจารย์ 6 คน รองศาสตราจารย์ 5 คน นักกฎหมาย 8 คน สื่อสารมวลชน 5 คน สาธารณสุข- พยาบาล 5 คน สถาปนิก 1 คน แพทย์ 3 คน วิศวะ 2 คน อดีตผู้ว่าราชการจังหวัด-ฝ่ายปกครอง 4 คน นักการศึกษา 5 คน เกษตรกร 3 คน ผู้พิการ 1 คน ประมง 1 การเงิน-บัญชี 3 คน กลุ่มศาสนา 3 คน คมนาคม 1 นักธุรกิจ 8 คน และอดีตสนช. 8 คน ที่เหลือเป็นภาคอื่น ๆ สำหรับด้านวุฒิทางการศึกษานั้นมีผู้ที่จบปริญญาเอก 9 คน ปริญญาโท 41 คน ปริญญาตรี 24 และสามารถจำแนกเป็นภาคคือ ภาคใต้ 5 คน และเป็นบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 คน ภาคเหนือ 3 คน ภาคอีสาน 2 กทม. 43 ภาคกลาง 21
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอดีตสนช.ทั้ง 8 คน ประกอบด้วย นายคำนูญ สิทธิสมาน นายชลิต แก้วจินดา นายตวง อันทะไชย ร.ท.ภูมิศักดิ์ หงส์หยก นายแวดือราแม มะมิงจิ นายสมชาย แสวงการ นายสมัคร เชาวภานันท์ พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ ซึ่งทั้งหมดลาออกก่อนการได้รับเสนอชื่อจากองค์กรภาคต่างๆ
ส่วนผู้ที่ได้รับการคาดหมายก่อนหน้านี้ว่าจะได้รับการสรรหา แต่กลับไม่ได้รับการสรรหา อาทิ น.พ.ประกิต วาทีสาธกกิจ นายอาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นายสวัสดิ์ โชติพานิช นายสุรพงษ์ ชัยนาม นายนิติธร ล้ำเหลือ ศจ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงงาม นพ. บรรลุ ศิริพานิช นายสันติ วิลาศศักดานนท์ พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี นายวิทยากร เชียงกูล นายคนิน บุญสุวรรณ ร.ศ. ดร.วิชุดา รัตนเพียร นายเดโช สวนานนท์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์
สำหรับรายชื่อ ส.ว. 74 คน ประกอบด้วยภาควิชาการ มี 1.รศ.กอบกุล พันธ์เจริญวรกุล 2.นายคำนูณ สิทธิสมาน 3.นายจำนงค์ สวมประคำ 4.นายโชติรัส ชวนิชย์ 5.ศจ.ตรึงใจ บูรณสมภพ 6. รศ.ทรงศักดิ์ ศรีอนุชาต 7.นายธนู กุลชล 8.นายประสาร มฤคพิทักษ์ 9. รศ.พรชัย สุนทรพันธุ์ 10. นพ.พินิจ กุลละวณิชย์ 11.พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี 12.นายวิทวัส บุญญสถิต 13.นพ.วิรัติ พาณิชย์พงษ์ 14.ศจ.สุกัญญา สุดบรรทัด 15.นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย
ภาครัฐ ประกอบด้วย1. นายจารึก อนุพงษ์ 2. นายเจตน์ ศิรธรานนท์ 3. นายฐิระวัตร กุลละวณิชย์ 4. พล.ร.อ.ณรงค์ ยุทธวงศ์ 5. นายพิเชต สุนทรพิพิธ 6. นายไพบูลย์ นิติตะวัน 7. พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช 8. นายสงคราม ชื่นภิบาล 9.นายสมบูรณ์ งามลักษณ์ 10 พล.อ.สุจินดา สุทธิพงศ์ 11.นายสุพจน์ โพธิ์ทองคำ 12.นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล 13.พล.อ.อ. อาคม กาญจนหิรัญ 14.พล.ต.อ.อำนวย เพชรศิริ
ภาควิชาชีพ ประกอบด้วย1.พล.ต.ต.เกริก กลัยาณมิตร 2.นายชลิต แก้วจินดา 3. นายตวง อันทะไชย 4. ศ.ทัศนา บุญทอง 5.นายพรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ 6.นายรุสดี บินหะยีสะมะแอ 7. นายไรน่าน อรุณรังษี 8.นายวิชาญ ศิริชัยอกวัฒน์ 9.นายวีระ มาวิจักขณ์ 10.นายสมชาย แสวงการ 11.นายสมัคร เชวภานันท์ 12.พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ 13. นายอนันต์ วรธิติพงศ14. นายอนุรักษ์ นิยมเวช 15. รศ.อัจฉรา เตชฤทธิพิทักษ์
ภาคเอกชน1.นายถาวร ลีนุตพงษ์ 2.นายธวัช บวรวนิชยกูร 3.นายธีระจิตต์ สถิโรตมวงศ์ 4.นางนิลวรรณ เพชระบูรณิน 5.นายบุญชัย โชควัฒนา 6.นายพิชัย อุตมาภินันท์ 7.ร.ท.ภูมิศักดิ์ หงส์หยก 8.นางยุวดี นิ่มสมบุญ 9.นางรสสุคนธ์ ภูริเดช 10.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ 11.นายวรินทร์ เทียมจรัส 12.นายวันชัย แสงสุขเอี่ยม 13.พ.ต.อ.กสนธยาแสงเภา14.นายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ 15.นางอุไร คุณานันทกุล
ภาคอื่น ประกอบด้วย1.พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ 2.พล.อ.เกษมศักดิ์ ปลูกสวัสดิ์ 3.พล.อ.อ.ณพฤษภ์ มัณฑะจิตร 4.นางทิพย์วัลย์ สมุทรักษ์ 5.นายประสงค์ นุรักษ์ 6.ศ.พิเศษ ประสพสุข บุญเดช 7.ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต 8.นายไพโรจน์ ถัดทะพงษ์ 9.นายมณเฑียร บุญตัน 10.นายวรวุฒิ โรจนพานิช 11.นายแวดือรามา มะมิงจิ 12.พล.ต.ต.สุเทพ สุขสงวน 13.พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ14.ท.พ.อนุศักดิ์ คงมาลัย 15.นายอิทธิพล เรืองวรบูรณ์
