จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ผู้จัดการทีมนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย เผยพอใจผลงานนักกีฬาที่ทำเหรียญรางวัลได้เท่าครั้งที่แล้ว แนะภาครัฐสนับสนุนต่อเนื่องเชื่อยังพัฒนาได้อีกไกล ยัน ประวัติ วะโฮรัมย์ เป็นคนฉลาดรู้จักใช้เงินคงไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษ
ทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทยสร้างผลงานคว้า 1 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง ในศึกพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
จากผลงานดังกล่าวส่งผลให้ จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ผู้จัดการทีมชาติไทย ออกมาแสดงความรู้สึกพอใจกับผลงานโดยรวม “เมื่อคำนึงถึงจำนวนเหรียญที่ได้เท่ากับเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่เอเธนส์ ผมพอใจ แต่หากคิดถึงเหรียญทองและเงินที่ได้น้อยกว่าเดิมก็ถือว่ายังไม่สมบูรณ์แบบนัก อย่างไรก็ตามนักกีฬาเราสามารถทำลายสถิติได้หลายรายการ ซึ่งแสดงว่าเรามีพัฒนาการที่ใช้ได้ เพียงแต่ว่าประเทศอื่นๆ พัฒนาไปได้เร็วกว่าเราเท่านั้นเอง ”
นอกจากนี้ ผู้จัดการทีมฯ ยังฝากไปถึงภาครัฐว่าควรให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องหากอยากประสบความสำเร็จมากกว่านี้ในศึกพาราลิมปิกเกมส์ ที่ลอนดอน ในอีก 4 ปีข้างหน้า “รัฐบาลต้องมองการไกลไม่ใช่แค่คิดว่าอีก 5-6 เดือนมีการแข่งขันแล้วจึงค่อยมาสนับสนุนเก็บตัวฝึกซ้อม พอนักกีฬาประสบความสำเร็จกลับมาก็มีเงินอัดฉีดให้ ความจริงแล้วงานที่รัฐบาลต้องสานต่อควรเริ่มตั้งแต่อาทิตย์หน้าได้เลย ส่วนอีก 4 ปีข้างหน้าเราจะทำผลงานได้ดีกว่านี้หรือไม่ อยู่ที่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นระหว่างนี้ต่อไป นักกีฬาของเรามีพร้อมอยู่แล้วทั้งจิตใจและการเสียสละที่เรียกได้ว่าเกินร้อยเปอร์เซนต์ แต่ภาครัฐต้องช่วยเหลือ ต้องทำให้เห็นเป็นรูปธรรมที่สมบูรณ์”
ขณะที่เงินอัดฉีดจนถึงขณะนี้มีจากรัฐบาล 2 ล้านบาทสำหรับเหรียญทอง ส่วนเหรียญเงินและทองแดงรับคนละ 1 ล้านบาทและ 5 แสนบาทตามลำดับ ส่วนภาคเอกชนมี บริษัทบุญรอดฯ ที่จะมอบเงินให้คณะนักกีฬาและโค้ชรวม 4 ล้านบาท
ด้านความเป็นห่วงในเรื่องการใช้จ่ายเงินของ ประวัติ วะโฮรัมย์ ยอดนักกีฬาวีลแชร์ที่ได้เหรียญทองเพียงคนเดียวนั้น จุตินันท์ เปิดเผยว่า “เขาประสบความสำเร็จมาหลายครั้งแล้ว อีกทั้งผมคิดว่าเขาเป็นคนฉลาดและมีความคิด ดังนั้นน่าจะสามารถดูแลตนเองได้ จะมีได้ก็แค่ให้คำปรึกษาเท่านั้น เพราะความต้องการของนักกีฬาแต่ละคนไม่เหมือนกัน”