xs
xsm
sm
md
lg

สมัครแฉถูกเลื่อยขาเก้าอี้ระบุ1ในซากศพทรท.วางแผนยั่วให้ตบะแตก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวปฐกถาแด่พระสังฆาธิการที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกจากภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ จำนวน 280 รูป ในโอกาสการฝึกซ้อมอบรมหรือสอบความรู้พระอุปัชฌาย์ (คณะสงฆ์มหานิกาย) รุ่นที่ 43 ตอนหนึ่งว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่หลังการปฏิวัติเมื่อวันที่ 23 ก.พ.2534 สมัยรัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงไปตาม วงจรปกติ มีการแก้รัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง จนมาถึงก่อนการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 เริ่มมีความผิดปกติ มีความแตกแยกออกเป็น 2 ซีก ซีกหนึ่งไม่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกซีกหนึ่งเอา พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ชอบกันอย่างไม่มีเหตุผล มีความเกลียดแค้นชิงชังของคนเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ขนาดก๊วนกอล์ฟที่เคยเล่นกันมานานก็ประกาศไม่ขอเล่นด้วยกัน บางบ้านพ่อแม่ลูกก็มีความเห็นที่แตกต่าง
อย่างไรก็ตามสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันนี้ก็สามารถรักษาได้ด้วยตัวของมันเอง จนกลับคืนมาสู่ภาวะปกติแล้วแม้จะยังไม่ 100 % ก็ตาม เพราะความเกลียดแค้นชิงชังก็ยังมีอยู่
“พื้นฐานสำคัญของคนไทยคือสิ่งที่เป็นความผูกพันของบ้านเมือง คือสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่คนไทยยอมที่จะด่ากัน แตกแยกกันเพราะคนพวกหนึ่งบอกว่าคนๆ นี้ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ด่ากันถึงขนาดที่ว่าจะมีการตั้งราชวงศ์ชินวัตรขึ้นมาแข่ง ตั้งระบอบประธานาธิบดี ซึ่งรุนแรงมาก ใครโดนอย่างนี้คงถึงตาย ไปพูดกันที่สปอร์ตคลับ พวกไฮโซเจาอยู่ เผากันเป็นปี ๆ ว่าคนๆ นี้ไม่จงรักภักดี คนไทยไม่ยอม ซีกหนึ่งเชื่อ อีกซีกไม่เชื่อ ผมเองก็ไม่เชื่อ แต่พวกสังคมลมโชยทั้งหลายเขาเชื่อ และไม่ยอมพิสูจน์ แต่ผมใช้การเมืองเป็นข้อพิสูจน์”
นายสมัคร กล่าววาการที่คนแตกแยกกันได้ในประเทศเป็นเรื่องของความผูกพันในสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนกับเหตุการณ์เมื่อ 61 ปีก่อน ตอนที่ตนอายุ 11 ปี มีการตะโกนกันในโรงหนังเพียงครั้งเดียว แต่มาบัดนี้ก็ต้องมาฆ่ากันใหม่ ฆ่ากันแบบเดิม เหมือนเดิม เพราะข้อกล่าวหาเรื่องความไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน ก่อนการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย. เขาด่ากันอยู่ข้างถนนทุกวัน ไม่ใช่ด่าในโรงหนัง เป็นเดือนว่าไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ บอกว่าจะมีราชวงศ์ชินวัตร จะเป็นประธานาธิบดีบ้าง ตำรวจ ทหารก็ไม่จัดการ จนกระทั่งมีคนมาทำปฏิวัติโดยอ้างสาเหตุนี้ แต่เคราะห์ดีว่ามีระบบการเมืองเข้ามา ซึ่งถ้าเขาไม่ปฏิวัติตนก็คงไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
นายสมัคร กล่าวว่า สถาบันพระมหากษัตริย์มีความแข็งแรงมากในบ้านเรา ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตายทั้งเป็นเลย ยังดีที่บ้านเราไม่เหมือนกับปากีสถานที่มีการปฏิวัติถึง 8 ปี แต่บ้านเราปฏิวัติแค่ปีเดียว และมีขั้นตอนจนทำให้มีการเลือกตั้งจนมีรัฐบาลขึ้นมา จากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่ระบบ ตนเองก็เป็นผลพวงจากการปฏิวัติครั้งนี้ด้วย ถ้าไม่มีการปฏิวัติตนคงไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
“61 ปีที่แล้วมีคนๆหนึ่ง ที่ถูกกล่าวหาจนต้องไปอยู่ต่างประเทศและเสียชีวิต จากข้อกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน และมาถึงปัจจุบันคนที่ถูกกล่าวหาคนที่ 2 ยังพอรอดชีวิตได้ แต่คงกลับมาเล่นการเมืองไม่ได้ และคงไม่อยากมาเล่นการเมืองอีก อย่างไรก็ตาม จนถึงวันนี้คิดว่าการปฏิวัติที่ผ่านมาล้มเหลว เพราะพิสูจน์ไม่ได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ไม่จงรักภักดี เขาพิสูจน์ข้อกล่าวหาอะไรไม่ได้เลย คดีต่าง ๆ ทั้ง 6 คดี ก็หลุดไปหมด ซึ่งการเมืองสามารถพิสูจน์ให้เห็นจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ถ้าเลวจริงประชาชนก็คงไม่เทคะแนนให้จนได้ ส.ส.มาถึง 231 คน มันพิสูจน์ได้จากการเมือง”

พ้อเป็นหัวหน้าพปช.แต่เหมือนหุ่น
นายสมัคร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องภายในพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลได้ว่า เมื่อตนเข้ามาก็ต้องเป็นไปตามระบบพรรค ให้โอกาสตนหน่อยถ้าไปขอร้องเขาแล้วไม่ได้ก็ขายหน้า
“ผมบอกว่ามีอะไรให้ไปพูดในพรรค แต่ผมคิดว่าถ้าไปพูดในพรรคก็จะเป็นหุ่นเหมือนเดิม จึงอยากเป็นตัวของตัวเองหน่อย เลยออกมาพูดข้างนอก แม้ว่าจะยังทำอะไรไม่ได้มากนัก ก็อยากให้รอดูสักหน่อย ให้โอกาสทำงานหน่อย ผมไม่ได้เชียร์กันเอง อย่างคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ถ้าคิดอะไรดีๆ เราก็พูดไม่ได้อีก ถ้าเป็นอย่างนี้ใครมาบอกเรื่องดีๆ ก็เล่าไม่ได้ ผมก็ต้องดูโทรทัศน์ อย่าง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นคนที่พูดจาอธิบายความดี ก็ทำให้เรามีความหวังว่า คนที่ทำงานอย่างนี้ก็พอเข้าท่าเข้าทาง ก็รับฟังคนนั้นคนนี้พูด ดูท่าทีของแต่ละคนๆแล้วนำมาประมวลรวมกัน ก็พอจะเห็นภาพข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร กำลังดูอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าพอจะเริ่มเดินหน้าก็วิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่แล้ว ขอความกรุณากันหน่อย ผมคงไม่ขอร้องอะไรบ่อยๆ ไม่อย่างนั้นก็คงต้องขอกันอยู่เรื่อยๆ”
ผู้สื่อข่าวถามว่าเคยบอกว่าขอเป็นตัวของตัวเอง แต่ในอดีตทำไมจึงบอกว่า เป็นนอมินีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร กล่าวว่า เคยบอกเหรอ มีแต่คนมาถามว่าเป็นนอมินีพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ จึงย้อนถามไปว่า นอมินีมันเลวอย่างไร ลองแปลสิว่าจะแปลอย่างไร เพราะตนไปปาฐกถาเรื่องนอมินีก็เอาไปใช้กัน จนกระทั่งกกต.มาสอบผม ก็เลยขอให้ไปถอดเทปดู ก็ยังเอาคำนี้มายืนยันกับตนอีก
ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าแม้วทำไมถึงได้บอกว่ากำลังพยายามสลัดให้หลุดจากการเป็นหุ่นเชิด นายสมัครกล่าวว่า ไม่ใช่หลุดออกจากการถูกเชิด เมื่อตนเข้ามาก็มาตัวคนเดียว คนในพรรคต่างคนต่างก็เลือกเข้ามา คนที่เข้ามาสังกัดพรรคพลังประชาชนก็เป็นคนจากพรรคเก่าครึ่งหนึ่ง มาใหม่ครึ่งหนึ่ง จะโยงใยอย่างไรก็ตามพรรคใหม่ก็มีชื่อว่าพลังประชาชน มีคณะกรรมการบริหาร 37 คน ซึ่งมีรูปแบบวิธีการอยู่ เมื่อตนเข้ามาแล้วก็ต้องทำตัวให้กลมกลืนกับพรรค แต่ตนเป็นหัวหน้าพรรค ตอนรณรงค์ปราศรัยหาเสียง เดินทางทุกจังหวัดที่พรรคกำหนดให้ ความผูกพันระหว่างตนกับผู้ที่เลือกตนเข้ามาก็พอมีอยู่ เรื่องนี้ต้องพยายาม ทำความเข้าใจ พรรคนี้มีคน 233 คน ไม่ว่าจะพรรคไหนที่ก็เคยเป็นหัวหน้าพรรค มาแล้ว 20 กว่าปี ถ้าเป็นพรรคเล็กมี 36 คน มันไม่ยาก แต่ 233 คนนี้ยากหน่อยในการทำความเข้าใจกัน และนี่ก็เพิ่งเข้ามาเป็นรัฐบาลกันหยกๆ

รับเป็นคนต้นทุนต่ำทางสังคม
ส่วนการที่ออกมาขอเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี เลขานุการฯและที่ปรึกษารัฐมนตรีของท่านจะเป็นชนวนความขัดแย้งในพรรคหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า มันขัดแย้งแหงๆ ก็เห็นๆ กันอยู่ แต่ก็ต้องยอมให้เกิดความขัดแย้ง แต่ถ้าสิ่งทึ่ตนขอไปแล้วได้ก็แปลว่าเข้าอย่างชั่วหน่อย แต่ถ้าชนะไม่ได้ก็ขายหน้าเอง เมื่อรับอาสาเขามาทำงานอย่างนี้แล้วจะให้ทำอย่างไร “แต่ไม่เป็นปัญหา ผมมันต้นทุนต่ำ โลว์คอส”
ส่วนความคืบหน้าในการแต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี นายสมัครกล่าวว่า กำลังดำเนินการกันอยู่ วันอังคารที่ 19 ก.พ. คงจะรู้เรื่อง คำว่าหุ่นเชิดมาจากหนังสือพิมพ์ เขาเปรียบว่าตนเป็นหุ่นเชิด เขาพูดกันข้างนอก ถ้าตนไปพูดเฉพาะข้างในมันจะแก้ไขปัญหาอะไรได้ พูดข้างนอกยังมีคนบอกว่าเป็นตัวของตัวเอง

จวก111ซากเน่าปล่อยข่าวนั่งรัฐวิสาหกิจ
“เมื่อชวนเรามาเป็นหัวหน้าพรรค อย่างน้อยก็ต้องให้เกียรติ ให้ดูอะไรกันบ้าง ก็พูดกลับไปแล้วว่าไม่ต้องการอะไรอย่างอื่น ผมก็พูดไปตามที่สมควรจะพูดเท่านั้น อย่างเรื่องจะเอาอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คนมาเป็นบอร์ดในรัฐวิสาหกิจ ผมต้องการจะรู้ไอ้คนที่ให้ข่าวอย่างนี้ แล้วไปใส่ปากหมอเลี๊ยบ (นพ.สุรพงษ์) ผมไม่เห็นด้วยกับคนที่มาออกข่าวแบบนี้ ซึ่งก็อยู่ใน 111 คนนั่นแหละ อยู่ดีๆ ทำให้มันขุ่นมัว พรรคนี้มันคิดกันอย่างไร มันไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาเลยข่าวอย่างนี้ คนใน 111 เขาก็ไม่ได้ยินดีปรีดา และไม่ได้มาขอบคุณอะไรผม แต่พอเป็นข่าวออกมา ก็บอกว่าสมัครเอาอีกแล้ว ผมรู้ว่ามันมีโครงการว่าถ้าทำให้นายสมัครอาละวาดได้เมื่อไหร่ จะได้รางวัล ดังนั้นผมจึงไม่อยากอาละวาดให้ใครได้รางวัล ได้พูดไปแบบนี้ แล้วมีคนเข้าใจก็พอ ไม่ต้องไปบอกใคร”
ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งแต่มารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชนยังไม่ได้ทำงานเลย แต่เจอสถานการณ์ไม่ดี รู้สึกอย่างไรบ้าง นายสมัคร ชมคำถามว่า เป็นคำถามที่เห็นอกเห็นใจที่สุดเท่าที่เคยเจอกันมา ขอบคุณที่ตั้งคำถามแบบนี้ พร้อมกล่าวว่า เดินหน้ามาได้ขนาดนี้ก็นับว่าผู้คนให้โอกาสพอสมควร ก็ขอให้รอฟังนโยบายก่อนว่าเป็นอย่างไร ถ้าหากสถานการณ์เดินหน้าต่อไปได้ ก็คงพิสูจน์ให้เห็น ตนก็ยังถูกด่าว่าเอาแต่พูด ก็ถ้าไม่พูดแล้วจะทำอย่างไร ไอ้ส่วนที่ทำก็ทำอยู่ที่พูดก็ต้องพูดเหมือนกัน

จะไม่ตบะแตกเพื่อให้ใครได้รางวัล
ส่วนจะฝากถึงคนที่ยั่วให้ตบะแตกอย่างไรบ้างนั้น นายสมัครกล่าวว่า ไม่ฝาก แต่รู้ว่าถ้ายั่วให้ตนตบะแตกได้เขาจะได้รางวัล ไม่ฝากอะไรไปบอกแต่ขอให้รู้ไว้เท่านั้น เมื่อถามว่า เป็นคนในพรรคใช่หรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า ไม่ใช่ คนที่ไหนไม่รู้ เขาไม่อยากให้ตนพูดถึงเรื่องนี้ แต่ไม่เป็นไร คือให้รู้ว่าคนที่พยายามเพื่อให้ได้รับรางวัล คงจะได้ยาก เมื่อถามว่า จะได้รับรางวัลจากใคร นายสมัครกล่าวว่า ไม่ขอตอบ ให้รู้ไว้ว่าได้ยาก เพราะผมจะระมัดระวัง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมช่วงนี้จึงสามารถระงับสติอารมณ์ได้มากขึ้น นายสมัครหัวเราะและกล่าวว่า ปกติก็เป็นคนแบบนี้ แต่ในทางการเมืองเมื่อมีสถานะก็ต้องเป็นอีกแบบหนึ่ง ก็มีคนบอกว่าสถานะอย่างนั้นเป็นฝ่ายค้านได้ แต่เป็นนายกฯ ไม่ได้ เมื่อยังอยากเป็นนายกฯอยู่ต่อไปก็เลยต้องปรับปรุง
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกโกรธหรือไม่กับคำถามแรงๆแทงใจดำ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่โกรธ แต่สงสาร บางคนไม่รู้แล้วถามก็เลยสงสาร เมื่อถามว่า จะให้ความมั่นใจอย่างไรว่า จะบริหารประเทศต่อไปได้ และมีไม้เด็ดอะไรที่จะคุมการเมือง ภายในพรรค นายสมัคร กล่าวว่า กำลังพยายาม แต่จะใช้คำว่าคุมไม่ได้ ผูกมัดให้เขาอยู่ด้วยกัน เป็นมัดเดียวกัน เหมือนกับ ครม.เวลานี้ที่อยู่ด้วยกัน ทำงานให้สนุกแล้วอยู่ด้วยกัน แต่ถ้าอยู่ดีๆ แล้วกลับไปสนามรบอีกมันก็น่าเบื่อ ผู้สื่อข่าวแย้วว่า แต่นักการเมืองเป็นพวกถมไม่เต็ม นายสมัครหัวเราะก่อนกล่าวว่า คิดว่าเขาจะทันสมัยขึ้น ยุคนี้คงจะวางลงมากขึ้น แต่ไม่อยากนินทา พรรคพวกเดียวกัน มันน่าเกลียด เพราะเรามากันพวกเดียวกับเขา แต่ก็ขอบคุณ ที่ให้ข้อคิด ถ้าเจอในวงสนทนาจะบอกว่าผู้สื่อข่าวฝากข้อคิดมา โดยใช้สำนวนว่า ถมไม่เต็ม จะเอากันท่าเดียว เมื่อถามว่า จะจัดการเด็ดขาดกับคนที่จะเอาท่าเดียวหรือไม่ นายสมัครตอบว่า ยังไม่เจอ ก็พูดไปอย่างนั้น

ไม่ตั้ง111ซากศพเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ
นายสมัคร ยืนยันว่าไม่เคยคิดจะเอา 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยมาเป็นบอร์รัฐวิสาหกิจ เพราะจะทำให้ยุ่ง จะทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ทำไม แต่ตนอยากรู้ว่าต้นต่อข่าวนี้มาจากไหน
“ยุคนี้ที่มีข่าวอย่างนี้ เพราะมีคนที่อยากจะเป็น อยากจะทำก็มาออกข่าวอย่างนี้ แล้วก็ไปยัดใส่ปากหมอเลี๊ยบ บังเอิญเขาเป็นสุภาพบุรุษเกินไป แต่ผมเป็นสุภาพบุรุษน้อยกว่าหน่อย ก็เลยขอพูดหน่อย”
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีนโยบายเกี่ยวกับการให้ตำแหน่งต่างตอบแทนอย่างไร เพราะสังคมวิตกเรื่องนี้ นายสมัครกล่าวว่า ตนเองก็เป็นสังคมหนึ่งเหมือนกัน ก็วิตก เวลานี้ก็ถูกวิจารณ์ คือระบบพรรคเขามีอยู่ ตนก็ต้องอยู่ภายใต้พรรคเขา แต่ถ้าอะไรที่มันมากไปมันจะขายหน้าชาวบ้านก็ต้องพูดกันบ้าง แต่เมื่อพูดไปก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ คนก็บอกว่าพูดอย่างนี้ดีแล้ว เป็นตัวของตัวเอง แต่บางคนก็บอกว่านายสมัครพูดไปอย่างนั้นเอง ก็พยายามจะปรับว่าสิ่งที่พรรคเขาต้องการ
“ระบบที่เขามีอยู่นั้น ในฐานะที่เราเป็นสมาชิกอยู่ เมื่อระบบเป็นอย่างนี้ แต่อะไรมากไปก็ต้องขอ เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ได้หรือไม่ ซึ่งเขาก็บอกมาว่ามีอะไรทำไมไม่มาบ่นข้างใน ผมก็เลยบอกว่าถ้าบอกในพรรคก็เป็นหุ่นเชิดอยู่อย่างนั้นเอง ก็พูดกับเขาชัดเจนว่าการมาพูดข้างนอกเพื่อจะได้ไม่เป็นหุ่นเชิด แก้ไม่ได้ผมก็ขายหน้าเอง ผมจะยอมขายหน้าถ้าทำไม่ได้ แต่ถ้าแก้ได้ก็แสดงว่า ทางองค์กรเขาดีขึ้น เชื่อว่าเขาคงไม่รุนแรงกับผมจนเกินเหตุ”
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้ายังคงปล่อยให้การเมืองเป็นอยู่อย่างนี้การเมืองจะพัฒนาได้อย่างไร นายสมัครกล่าวว่า ใช่ ผมจะช่วยพัฒนาให้ กำลังทำความเข้าใจกับเขาอยู่ว่าขอให้ช่วยกันพัฒนาหน่อย เมื่อถามถึงท่าทีของพรรคว่าจะสนับสนุนแค่ไหน นายสมัครกล่าวว่า ก็สมควรแก่เหตุ เอาเท่าที่ได้ ถ้าไม่สำเร็จผมขายหน้าเอง ต้องเห็นใจผมหน่อย เพราะผมมาตัวคนเดียว

ซัดโพลแค่รู้ว่าใครทำก็ทราบผลแล้ว
นายสมัคร กล่าวถึงการสำรวจความเห็นคนในกทม. ของกรุงเทพโพลล์ ที่ระบุว่ายังไม่มั่นใจรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาภาคใต้และการคอร์รัปชั่นว่า รัฐบาลทำงานถึง 3 เดือนหรือยัง นี่ทำงานมา 3 เดือนหรือ 3 วัน เข้ามา 3 วันก็สำรวจกันแล้วเหรอ โธ่..มันไม่มีเหตุผล แล้วผู้สื่อข่าวเห็นด้วยหรือไม่ ยังไม่ทันจะทำงานเลยก็มีโพลแล้ว เหมือนสื่อบางฉบับเรายังไม่ทันทำอะไรเลยก็ไปด่าแล้วว่า มิสเตอร์ที 10 % อย่างนี้คนของผมไม่ตายเหรอ เชิญนายสมัครมา แต่ไปด่า เลขาฯนายกฯ ว่า 10 % ถ้าไปฟ้องร้องมันไม่วุ่นวายเหรอ เป็นการเจตนาเขียนด่าเขาชัดๆ
“ผมอยากจะขอปรับทุกข์หน่อย แค่เราคิดอ่านจะมีโครงการอย่างนั้นอย่างนี้ ก็หาว่าเพ้อฝัน พูดจาพร่ำเพ้อแล้วจะไม่ให้บอกว่าจะทำอะไรอย่างไรอย่างนี้ได้ไหม แค่รองนายกฯไปกระทรวงฯนักข่าวก็เตรียมคำถามกันไว้เสร็จเรียบร้อย แล้วก็ถามนำ แต่ไม่มีวันตกหลุม เพราะรัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบายเลย ข่าวก็ออกไปแล้วว่า มีการตกลงกันอย่างนั้นอย่างนี้ ยังไม่แถลงนโยบายแต่มาคาดคั้นกัน เตี๊ยมอย่างนี้มันน่าเกลียด”
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาอย่างไร นายสมัครกล่าวย้ำว่า ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย จะเรียกความเชื่อมั่นอย่างไร ทำงานผ่านไป 6 เดือนแล้วไม่มีอะไรเลย อย่างนั้นค่อยมาเรียกความเชื่อมั่นกัน นโยบายยังไม่แถลง จะแถลงวันที่ 18 ก.พ.นี้ จะให้ผมทำอย่างไร เพิ่งเข้ามาก็ให้โอกาสกันก่อน จะไม่ให้กันเลยเหรอ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลโพลที่ออกมาคนกทม.ไม่เชื่อมั่นรัฐบาลในการแก้ปัญหาหลายอย่าง นายสมัครกล่าวว่า คนกทม.คนไหน เอารายชื่อมาให้หน่อยจะได้ตามไปถามเขา กรุงเทพโพลล์ไปสำรวจประชาชนกี่คน ตนอยากวิจารณ์ คนที่ทำโพลเหมือนกัน แค่เห็นชื่อโพลก็รู้แล้วว่าเป็นอย่างไร โพลนี้เป็นอย่างนี้ พอบอกชื่อก็รู้ทันที ฉะนั้นขออนุญาตไม่วิจารณ์โพล

พปช.ถกหาตัวคนยั่วสมัครตบะแตก
แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า หลังจากนายสมัคร ออกมาแฉกับสื่อมวลชนยว่ามีคนใน 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง หวังจะยั่วนายสมัครให้ตบะแตก หรือคนที่ทำสำเร็จแล้วจะได้รางวัล ซึ่งแกนนำพรรคหลายคนได้หารือและมองความเป็นไปได้ในสิ่งที่นายสมัครกล่าว ซึ่งมีการคาดเดากันไปต่างๆนานา โดยหนึ่งในชื่อที่ถูกคาดเดานั้นคือ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เพราะหลายคนในพรรครู้ดีว่า นายเนวินพยายามใช้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชาชน เป็นตัวเดินเกมและนำเรื่องที่ นายเนวินคิดไปเสนอกับนายสมัคร
โดยหลายเรื่องนั้นนายเนวินมักอ้างชื่อผู้ใหญ่คนอื่นๆในพรรค เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้มอบหมายให้นายเนวินดำเนินการ ทั้งๆที่ ไม่เป็นความจริง ฉะนั้นการที่นายสมัคร ระบุเช่นนั้นแกนนำพรรคจึงมองว่า เป็นการออกมาปรามและเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

เลื่อนสัมมนาพรรคเพราะส.ส.ฟัดกันเอง
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่นายสมัครระบุว่า จะมีการสัมมนาส.ส.พรรคนั้น เรื่องนี้ผู้ใหญ่ในพรรคได้เบรกโครงการดังกล่าวไปก่อน เพราะเกิดปัญหาภายในพรรคที่มาจากความขัดแย้งของส.ส.และอดีตส.ส.ในการแย่งตำแหน่งทางการเมือง ทำให้ต้องเลื่อนการสัมมนาดังกล่าวออกไป เพราะเกรงว่าอาจจะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคขึ้นได้
กำลังโหลดความคิดเห็น