ผู้จัดการรายวัน- แจง ปี51ตลาดกทม.-ปริมณฑลแข่งดุ ต้นทุนวัสดุก่อสร้างปรับขึ้น โฟร์พัฒนา เสริมช่องทางเพิ่มรายได้จับมือพันธมิตรเจ้าของที่ดินย่านติว่านนท์ผุด โครงการบ้านจัดสรร “บุษบา” มูลค่ากว่า 200ล้านบาท เผย 4 กลยุทธ์รองรับการเติบโตตลาดรับสร้างบ้าน เน้น ผลิตภัณฑ์ -มาตรฐาน- การให้บริการ -ความร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจ ตั้งเป้ายอดขาย505 ล้านบาท เติบโตจากปี50กว่า 10.2%
นายปราโมทย์ ธีรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี51 มีทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากที่การเมืองเริ่มชัดเจน แต่ปัจจัยลบใหม่ที่เข้ามากระทบตลาดในปีนี้คือปัญหาการปรับราคาน้ำมัน ซึ่งส่งผลต่อราคาวัสดุก่อสร้างปรับราคาขายขึ้น ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ในขณะนี้ยังไม่มีการปรับราคาขายขึ้น เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ประกอบกับตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มจากปีที่ผ่านมา ซึ่งแนวทางการทำตลาดในปีนี้นั้น บริษัทจะยังเน้นเจาะตลาดกรุงเทพฯ-ปริมณฑลอย่างเช่นที่ผ่านมา
ทั้งนี้แม้ว่าตลาดในปีนี้จะมีการแข่งขันที่รุนแรง แต่บริษัทก็ยังไม่มีแผนจะขยายตลาดไปในต่างจังหวัด แต่จะเน้นการจับมือกับพันธ์มิตร เพื่อเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้มากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับเจ้าที่ดินในย่านถนนติวานนท์ พัฒนาโครงการบ้านจัดสรร ภายใต้ชื่อ บ้านบุษบา บนเนื้อที่ 8 ไร่ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะพัฒนาในรูปแบบบ้านเดี่ยว ขนาดพื้นที่ 60-70 ตารางวา จำนวน50ยูนิต มูลค่าขายรวม 200ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถเปิดขายได้อย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 3 นี้
“ก่อนหน้านั้นบริษัทได้ร่วมกับเจ้าของที่ดินในย่านประชาชื่น พัฒนาโครงการบ้านจัดสรรภายใต้ชื่อบ้านชื่นรัชดา ซึ่งขณะนี้สามารถปิดการขายโครงการแล้ว และคาดว่าจะส่งมอบบ้านในโครงการทั้ง 22 ยูนิตได้ในปีนี้”
นอกจากโครงการบ้านบุษบา แล้วบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับเจ้าผู้ประกอบการที่ดินจัดสรรในย่านสวนหลวง ร.9 2รายซึ่งแต่ละรายมีที่ดินรอการพัฒนา 100 ไร่ขึ้นไป อย่างไรก็ตามทั้ง2 โครงการดังกล่าวจะมีรูปแบบความร่วมมือในลักษณ์ การเข้าไปสร้างบ้านในที่ดินของเจ้าของโครงการ ซึ่งใน2โครงการนี้ได้เลือกบริษัทรับสร้างบ้านหลายๆรายเข้าไปเป็นพันธ์มิตร เพื่อเสนอแบบบ้านให้ลูกค้าที่เข้ามาซื้อที่ดินพร้อมบ้าน ซึ่งบริษัทรับสร้างบ้านจะเป็นทางเลือกให้ลูกค้าอีกครั้งหนึ่ง
นายปราโมทย์ กล่าวว่าในปีนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์รองรับการเติบโตของตลาด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Year of 4” โดยจะเน้นแผนงาน 4 ส่วน ประกอบด้วยการเน้นด้านผลิตภัณฑ์ (Products)มาตรฐาน (Standard)การให้บริการ (Service) และความร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจ (Partners) เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และมุ่งเน้นการให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง ตกแต่ง และการให้บริการหลังการขาย โดยบริษัทฯมีแบบบ้าน 50 แบบ แบ่งตามระดับราคาตั้งแต่ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท โฟร์ดีเวลลอป เฮ้าส์ จำกัด ราคา 5-10 ล้านบาท และ 10 ล้านบาทขึ้นไป บริษัท จะดำเนินการเอง
สำหรับปี51บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 505 ล้านบาท เติบโตจากปี 50 ที่ยอดขาย 458 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2 % โดยยอดขายดังกล่าวจะมาจาก กลุ่มบ้านระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท รวม 75 ล้านบาท , บ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท 240 ล้านบาท , บ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป 80 ล้านบาท,งานออกแบบและตกแต่งภายใน 50 ล้านบาท, งานออกแบบ ตกแต่ง แลนด์สเคป 10 ล้านบาท, การจำหน่ายวัสดุกันซึม สนามเทนนิส และโครงหลังคาเหล็ก ไร้สนิม อีซี่ ทรัส 35 ล้านบาท และงานออกแบบโฆษณา และ อีเว้นต์ 15 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงต้นปีนี้บริษัทจะยังคงราคาขายไว้โดยไม่มีการปรับขึ้นตามต้นทุนก่อสร้างสร้างและราคาวัสดุ แต่เนื่องจากการปรับขึ้นราคาวัสดุมีแนวโน้มต่อเนื่องและคาดว่าจะสูงขึ้นดังนั้นในเดือนเมษายนนี้บริษัทจึงมีแผนจะปรับราคาขายบ้านเพิ่มอีก 5-7% เพื่อให้ครอบคุ้มต้นทุนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
นายปราโมทย์ ธีรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี51 มีทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากที่การเมืองเริ่มชัดเจน แต่ปัจจัยลบใหม่ที่เข้ามากระทบตลาดในปีนี้คือปัญหาการปรับราคาน้ำมัน ซึ่งส่งผลต่อราคาวัสดุก่อสร้างปรับราคาขายขึ้น ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ในขณะนี้ยังไม่มีการปรับราคาขายขึ้น เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ประกอบกับตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มจากปีที่ผ่านมา ซึ่งแนวทางการทำตลาดในปีนี้นั้น บริษัทจะยังเน้นเจาะตลาดกรุงเทพฯ-ปริมณฑลอย่างเช่นที่ผ่านมา
ทั้งนี้แม้ว่าตลาดในปีนี้จะมีการแข่งขันที่รุนแรง แต่บริษัทก็ยังไม่มีแผนจะขยายตลาดไปในต่างจังหวัด แต่จะเน้นการจับมือกับพันธ์มิตร เพื่อเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้มากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับเจ้าที่ดินในย่านถนนติวานนท์ พัฒนาโครงการบ้านจัดสรร ภายใต้ชื่อ บ้านบุษบา บนเนื้อที่ 8 ไร่ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะพัฒนาในรูปแบบบ้านเดี่ยว ขนาดพื้นที่ 60-70 ตารางวา จำนวน50ยูนิต มูลค่าขายรวม 200ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถเปิดขายได้อย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 3 นี้
“ก่อนหน้านั้นบริษัทได้ร่วมกับเจ้าของที่ดินในย่านประชาชื่น พัฒนาโครงการบ้านจัดสรรภายใต้ชื่อบ้านชื่นรัชดา ซึ่งขณะนี้สามารถปิดการขายโครงการแล้ว และคาดว่าจะส่งมอบบ้านในโครงการทั้ง 22 ยูนิตได้ในปีนี้”
นอกจากโครงการบ้านบุษบา แล้วบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับเจ้าผู้ประกอบการที่ดินจัดสรรในย่านสวนหลวง ร.9 2รายซึ่งแต่ละรายมีที่ดินรอการพัฒนา 100 ไร่ขึ้นไป อย่างไรก็ตามทั้ง2 โครงการดังกล่าวจะมีรูปแบบความร่วมมือในลักษณ์ การเข้าไปสร้างบ้านในที่ดินของเจ้าของโครงการ ซึ่งใน2โครงการนี้ได้เลือกบริษัทรับสร้างบ้านหลายๆรายเข้าไปเป็นพันธ์มิตร เพื่อเสนอแบบบ้านให้ลูกค้าที่เข้ามาซื้อที่ดินพร้อมบ้าน ซึ่งบริษัทรับสร้างบ้านจะเป็นทางเลือกให้ลูกค้าอีกครั้งหนึ่ง
นายปราโมทย์ กล่าวว่าในปีนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์รองรับการเติบโตของตลาด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Year of 4” โดยจะเน้นแผนงาน 4 ส่วน ประกอบด้วยการเน้นด้านผลิตภัณฑ์ (Products)มาตรฐาน (Standard)การให้บริการ (Service) และความร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจ (Partners) เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และมุ่งเน้นการให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง ตกแต่ง และการให้บริการหลังการขาย โดยบริษัทฯมีแบบบ้าน 50 แบบ แบ่งตามระดับราคาตั้งแต่ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท โฟร์ดีเวลลอป เฮ้าส์ จำกัด ราคา 5-10 ล้านบาท และ 10 ล้านบาทขึ้นไป บริษัท จะดำเนินการเอง
สำหรับปี51บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 505 ล้านบาท เติบโตจากปี 50 ที่ยอดขาย 458 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2 % โดยยอดขายดังกล่าวจะมาจาก กลุ่มบ้านระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท รวม 75 ล้านบาท , บ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท 240 ล้านบาท , บ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป 80 ล้านบาท,งานออกแบบและตกแต่งภายใน 50 ล้านบาท, งานออกแบบ ตกแต่ง แลนด์สเคป 10 ล้านบาท, การจำหน่ายวัสดุกันซึม สนามเทนนิส และโครงหลังคาเหล็ก ไร้สนิม อีซี่ ทรัส 35 ล้านบาท และงานออกแบบโฆษณา และ อีเว้นต์ 15 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงต้นปีนี้บริษัทจะยังคงราคาขายไว้โดยไม่มีการปรับขึ้นตามต้นทุนก่อสร้างสร้างและราคาวัสดุ แต่เนื่องจากการปรับขึ้นราคาวัสดุมีแนวโน้มต่อเนื่องและคาดว่าจะสูงขึ้นดังนั้นในเดือนเมษายนนี้บริษัทจึงมีแผนจะปรับราคาขายบ้านเพิ่มอีก 5-7% เพื่อให้ครอบคุ้มต้นทุนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น