กรมการค้าภายในเตรียมจี้มหาดไทยคุมเข้มออกใบอนุญาตก่อสร้าง-ขยายสาขายักษ์ค้าปลีก หวั่นช่วงสุญญากาศยังไม่มีกฎหมายคุม ยักษ์ค้าปลีกเร่งขยายสาขาไม่หยุดยั้ง ส่วนสัญญามาตรฐานข้าวถุงใกล้เสร็จแล้ว จ่อชง “มิ่งขวัญ” ไฟเขียวใช้เร็วๆ นี้
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ กรมฯ จะเชิญหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตก่อสร้าง และขยายสาขาห้างค้าปลีกสมัยใหม่ขนาดใหญ่ (ดิสเคาน์สโตร์) เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่น สำนักเลขานุการศาลปกครอง สำนักงานจัดการจราจรบางบก สำนักสิ่งแวดล้อม มาหารือ เพื่อทำความเข้าใจถึงแนวทางในการออกใบอนุญาต เพราะปัจจุบันยังมีความเข้าใจไม่ตรงกัน จึงทำให้ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ขยายสาขาได้อย่างจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงที่พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง พ.ศ. ... ยังไม่มีผลบังคับใช้
“ในต่างจังหวัด จะเป็นหน้าที่ขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งในแต่ละจังหวัดก็จะใช้หลักเกณฑ์ต่างกัน บางแห่งใช้หลักเกณฑ์อยู่ห่างจากตัวเมืองไม่ถึง 10 กิโลเมตร ทั้งๆ ที่กฎหมายกำหนดให้ห่างจากตัวเมือง 12-15 กิโลเมตร ถือว่า การออกใบอนุญาตง่ายเกินไป จึงจำเป็นต้องมาทำความเข้าใจร่วมกันอีกครั้ง โดยเฉพาะในระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายโดยเฉพาะบังคับใช้ เพราะเกรงว่า ห้างค้าปลีกจะถือโอกาสนี้ขอขยายสาขาอย่างไม่หยุดยั้ง” นายยรรยงกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆ นี้ กรมฯ จะขอนโยบายจากนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในการดำเนินการต่อไปอย่างไรกับกฎหมายค้าปลีกค้าส่ง ซึ่งกรมเห็นว่า มีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อจัดระเบียบการประกอบธุรกิจ และทำให้ผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก และรายใหญ่ทำธุรกิจอยู่ร่วมกันได้อย่างเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน แต่หากไม่มีกฎหมายเฉพาะบังคับใช้ รายเล็กก็จะได้รับผลกระทบและล้มหายตายจากในที่สุด
นายยรรยงกล่าวต่อถึงการยกร่างสัญญามาตรฐานสำหรับห้างค้าปลีกกับผู้ประกอบการข้าวถุง เพื่อไม่ให้เอาเปรียบผู้ผลิตว่า ขณะนี้ ยกร่างเสร็จแล้ว โดยได้กำหนดทั้งหลักเกณฑ์การเรียกเก็บค่าแรกเข้า (เอ็นทรานซ์ฟี) การหักค่าส่วนลดเมื่อขายได้ตามเป้าหมาย (รีเบต) ระยะเวลาการจ่ายเงินค่าสินค้า เงื่อนไขการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอื่นๆ เป็นต้น ผู้ประกอบการข้าวถุงเห็นชอบแล้ว รอเพียงส่งไปให้ห้างค้าปลีกพิจารณา คาดว่า น่าจะรับได้
“หากทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับแล้ว กรมฯ จะนำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ที่มีรมว.พาณิชย์เป็นประธาน ในเร็วๆ นี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป หากห้างค้าปลีกไม่ปฏิบัติตาม จะมีความผิดตามพ.ร.บ.แข่งขันทางการค้าพ.ศ.2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”นายยรรยงกล่าว
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ กรมฯ จะเชิญหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตก่อสร้าง และขยายสาขาห้างค้าปลีกสมัยใหม่ขนาดใหญ่ (ดิสเคาน์สโตร์) เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่น สำนักเลขานุการศาลปกครอง สำนักงานจัดการจราจรบางบก สำนักสิ่งแวดล้อม มาหารือ เพื่อทำความเข้าใจถึงแนวทางในการออกใบอนุญาต เพราะปัจจุบันยังมีความเข้าใจไม่ตรงกัน จึงทำให้ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ขยายสาขาได้อย่างจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงที่พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง พ.ศ. ... ยังไม่มีผลบังคับใช้
“ในต่างจังหวัด จะเป็นหน้าที่ขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งในแต่ละจังหวัดก็จะใช้หลักเกณฑ์ต่างกัน บางแห่งใช้หลักเกณฑ์อยู่ห่างจากตัวเมืองไม่ถึง 10 กิโลเมตร ทั้งๆ ที่กฎหมายกำหนดให้ห่างจากตัวเมือง 12-15 กิโลเมตร ถือว่า การออกใบอนุญาตง่ายเกินไป จึงจำเป็นต้องมาทำความเข้าใจร่วมกันอีกครั้ง โดยเฉพาะในระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายโดยเฉพาะบังคับใช้ เพราะเกรงว่า ห้างค้าปลีกจะถือโอกาสนี้ขอขยายสาขาอย่างไม่หยุดยั้ง” นายยรรยงกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆ นี้ กรมฯ จะขอนโยบายจากนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในการดำเนินการต่อไปอย่างไรกับกฎหมายค้าปลีกค้าส่ง ซึ่งกรมเห็นว่า มีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อจัดระเบียบการประกอบธุรกิจ และทำให้ผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก และรายใหญ่ทำธุรกิจอยู่ร่วมกันได้อย่างเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน แต่หากไม่มีกฎหมายเฉพาะบังคับใช้ รายเล็กก็จะได้รับผลกระทบและล้มหายตายจากในที่สุด
นายยรรยงกล่าวต่อถึงการยกร่างสัญญามาตรฐานสำหรับห้างค้าปลีกกับผู้ประกอบการข้าวถุง เพื่อไม่ให้เอาเปรียบผู้ผลิตว่า ขณะนี้ ยกร่างเสร็จแล้ว โดยได้กำหนดทั้งหลักเกณฑ์การเรียกเก็บค่าแรกเข้า (เอ็นทรานซ์ฟี) การหักค่าส่วนลดเมื่อขายได้ตามเป้าหมาย (รีเบต) ระยะเวลาการจ่ายเงินค่าสินค้า เงื่อนไขการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอื่นๆ เป็นต้น ผู้ประกอบการข้าวถุงเห็นชอบแล้ว รอเพียงส่งไปให้ห้างค้าปลีกพิจารณา คาดว่า น่าจะรับได้
“หากทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับแล้ว กรมฯ จะนำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ที่มีรมว.พาณิชย์เป็นประธาน ในเร็วๆ นี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป หากห้างค้าปลีกไม่ปฏิบัติตาม จะมีความผิดตามพ.ร.บ.แข่งขันทางการค้าพ.ศ.2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”นายยรรยงกล่าว