ผู้จัดการรายวัน –พาณิชย์พลิกเกมส์ดิ้นต่อลุยจัดสัมมนาปัญหาค้าปลีกฯ ไม่เลิกหวังปลุกผีกฎหมายค้าปลีกหลังแท้งไม่เป็นท่า ผู้ประกอบการย้ำกฎหมายยังมีข้อผิดพลาดไม่ได้แก้ปัญหาโชห่วยได้อย่างจริงจัง ย้ำผู้บริโภคต้องได้ประโยชน์จี้แก้ปัญหาราคาสินค้าจะดีกว่า
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง กล่าวว่า ภายหลังจากที่ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ.ที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จัดทำร่างขึ้น และเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา แต่ไม่ทันผ่านวาระ 2 สภานิติบัญญัติแห่งชาติก็หมดวาระลงก่อน ส่งผลให้ร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่ง ฉบับดังกล่าวตกไปนั้น ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณจากนักวิชาการและนักธุรกิจในแวดวงค้าปลีกค้าส่ง ว่าเป็นร่าง พ.ร.บ.ที่ไม่เหมาะสมและไม่สอกคล้องกับความเป็นจริงของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในประเทศไทย รวมทั้งเชื่อว่าหากมีการนำมาบังคับใช้จริง จะยิ่งสร้างปัญหาให้กับธุรกิจค้าปลีกค้าส่งมากกว่าช่วยแก้ปัญหา เพราะเป็นร่าง พ.ร.บ.ที่ให้อำนาจกับข้าราชการประจำมากจนเกินไป โดยการเปิดช่องให้ออกกฎกระทรวงมาควบคุมได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ซึ่งนักวิชาการจำนวนมากออกมาท้วงติงว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการคอร์รัปชั่นได้โดยง่าย
นอกจากนี้ ในสาระสำคัญยังไม่มีการบัญญัติถึงการปกป้องผู้บริโภค หรือการช่วยเหลือโชห่วยที่แท้จริง นอกจากมาตรการที่มุ่งควบคุมโมเดิร์นเทรด ซึ่งหากบังคับใช้จริง ผู้ที่ได้ผลประโยชน์จะเป็นกลุ่มพ่อค้าคนกลางที่เคยมีอำนาจเหนือตลาดค้าปีกค้าส่งมาก่อนที่จะเสียอำนาจให้กับโมเดิร์นเทรด ทำให้ต้องเร่งผลักดันกฎหมายออกมาควบคุมการขยายตัวของโมเดิร์นเทรด เพื่อให้กลุ่มพ่อค้าคนกลางกลับมามีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้าในตลาดอีกครั้ง
“ การที่ร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่งของกรมการค้าภายใน ไม่ผ่านสภาฯ น่าจะเป็นประโยชนสำหรับทุกฝ่าย เพราะผู้ร่างเองก็ได้มีโอกาสกลับไปทบทวนข้อผิดพลาดที่ผ่านมา จากคำท้วงติงของนักวิชาการ และผู้ประกอบการ เพื่อจัดทำร่างขึ้นใหม่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพปัญหาของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งให้มากขึ้น และเชื่อว่า เมื่อมีสภาฯที่มาจากผู้แทนประชาชนจริง ๆ แล้ว การพิจารณากฎหมายต่าง ๆ ย่อมจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานผลประโยชนของประชาชนมากกว่านี้แน่” แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ ยังกล่าวด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือ ทางกระทรวงพาณิชย์ ยังมีความพยายามผลักดันร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ในลักษณะเดิม ๆ อยู่อีก เช่น การจัดสัมมนาของกรมการค้าภายในที่โรงแรมริชมอนด์ ในวันนี้ ( 8 ม.ค.51 )ที่ห้องริชมอนด์บอลรูม ในหัวข้อเอเซียวอลูมโซลัม ออนดีเทลแอนด์โฮเซลล์ตั้งแต่เวลา 8.00 -17.00 น. การตระเวนจัดสัมมนาเพื่อสร้างกระแสข่าวว่าโมเดิร์นเทรดเป็นผู้ทำลายโชห่วย หรือการสร้างกระแสว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีร่างพระราชบัญญัติค้าปลีกค้าส่งที่มีบทบัญญัติที่เข้มงวดรุนแรง จึงจะแก้ปัญหาได้ ทั้ง ๆ ที่ประเทศอื่นที่มีกฎหมายในลักษณะที่เข้มงวดเช่นนั้น ต่างปรับเปลี่ยนใหม่หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประเทศในกลุ่มยุโรป หรืออเมริกาเหนือ และเอเชีย เนื่องจากมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมอย่างมาก และที่สำคัญ ปัญหาของประชาชนขณะนี้ อยู่ที่สินค้าจำเป็นมีราคาแพงขึ้นมาก ทำให้เดือดร้อนในเรื่องของการครองชีพ กรมการค้าภายใน และกระทรวงพาณิชยที่มีหน้าที่โดยตรง น่าจะเอาเวลามาทุ่มเทกับการแก้ปัญหาเรื่องสินค้าขึ้นราคา มากกว่าจะหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องการหาทางช่วยเหลือกลุ่มยี่ปั๊วซาปั๊วอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง กล่าวว่า ภายหลังจากที่ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ.ที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จัดทำร่างขึ้น และเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา แต่ไม่ทันผ่านวาระ 2 สภานิติบัญญัติแห่งชาติก็หมดวาระลงก่อน ส่งผลให้ร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่ง ฉบับดังกล่าวตกไปนั้น ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณจากนักวิชาการและนักธุรกิจในแวดวงค้าปลีกค้าส่ง ว่าเป็นร่าง พ.ร.บ.ที่ไม่เหมาะสมและไม่สอกคล้องกับความเป็นจริงของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในประเทศไทย รวมทั้งเชื่อว่าหากมีการนำมาบังคับใช้จริง จะยิ่งสร้างปัญหาให้กับธุรกิจค้าปลีกค้าส่งมากกว่าช่วยแก้ปัญหา เพราะเป็นร่าง พ.ร.บ.ที่ให้อำนาจกับข้าราชการประจำมากจนเกินไป โดยการเปิดช่องให้ออกกฎกระทรวงมาควบคุมได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ซึ่งนักวิชาการจำนวนมากออกมาท้วงติงว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการคอร์รัปชั่นได้โดยง่าย
นอกจากนี้ ในสาระสำคัญยังไม่มีการบัญญัติถึงการปกป้องผู้บริโภค หรือการช่วยเหลือโชห่วยที่แท้จริง นอกจากมาตรการที่มุ่งควบคุมโมเดิร์นเทรด ซึ่งหากบังคับใช้จริง ผู้ที่ได้ผลประโยชน์จะเป็นกลุ่มพ่อค้าคนกลางที่เคยมีอำนาจเหนือตลาดค้าปีกค้าส่งมาก่อนที่จะเสียอำนาจให้กับโมเดิร์นเทรด ทำให้ต้องเร่งผลักดันกฎหมายออกมาควบคุมการขยายตัวของโมเดิร์นเทรด เพื่อให้กลุ่มพ่อค้าคนกลางกลับมามีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้าในตลาดอีกครั้ง
“ การที่ร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่งของกรมการค้าภายใน ไม่ผ่านสภาฯ น่าจะเป็นประโยชนสำหรับทุกฝ่าย เพราะผู้ร่างเองก็ได้มีโอกาสกลับไปทบทวนข้อผิดพลาดที่ผ่านมา จากคำท้วงติงของนักวิชาการ และผู้ประกอบการ เพื่อจัดทำร่างขึ้นใหม่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพปัญหาของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งให้มากขึ้น และเชื่อว่า เมื่อมีสภาฯที่มาจากผู้แทนประชาชนจริง ๆ แล้ว การพิจารณากฎหมายต่าง ๆ ย่อมจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานผลประโยชนของประชาชนมากกว่านี้แน่” แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ ยังกล่าวด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือ ทางกระทรวงพาณิชย์ ยังมีความพยายามผลักดันร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ในลักษณะเดิม ๆ อยู่อีก เช่น การจัดสัมมนาของกรมการค้าภายในที่โรงแรมริชมอนด์ ในวันนี้ ( 8 ม.ค.51 )ที่ห้องริชมอนด์บอลรูม ในหัวข้อเอเซียวอลูมโซลัม ออนดีเทลแอนด์โฮเซลล์ตั้งแต่เวลา 8.00 -17.00 น. การตระเวนจัดสัมมนาเพื่อสร้างกระแสข่าวว่าโมเดิร์นเทรดเป็นผู้ทำลายโชห่วย หรือการสร้างกระแสว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีร่างพระราชบัญญัติค้าปลีกค้าส่งที่มีบทบัญญัติที่เข้มงวดรุนแรง จึงจะแก้ปัญหาได้ ทั้ง ๆ ที่ประเทศอื่นที่มีกฎหมายในลักษณะที่เข้มงวดเช่นนั้น ต่างปรับเปลี่ยนใหม่หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประเทศในกลุ่มยุโรป หรืออเมริกาเหนือ และเอเชีย เนื่องจากมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมอย่างมาก และที่สำคัญ ปัญหาของประชาชนขณะนี้ อยู่ที่สินค้าจำเป็นมีราคาแพงขึ้นมาก ทำให้เดือดร้อนในเรื่องของการครองชีพ กรมการค้าภายใน และกระทรวงพาณิชยที่มีหน้าที่โดยตรง น่าจะเอาเวลามาทุ่มเทกับการแก้ปัญหาเรื่องสินค้าขึ้นราคา มากกว่าจะหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องการหาทางช่วยเหลือกลุ่มยี่ปั๊วซาปั๊วอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้