xs
xsm
sm
md
lg

"ครูหยุย"แนะแก้ขาดครูก่อนแจกคอมพ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ครูหยุย"สอน"ครูสมชาย" คิดฟื้นประชานิยมด้านการศึกษา ต้องลบภาพข้อผิดพลาดในอดีต เผย 1 อำเภอ 1 ทุน ต้องไม่ใช่ให้ลูกหลานหัวคะแนนพรรค แนะแก้ปัญหาครูขาดแคลนก่อนคิดใช้เงินซื้อคอมพ์ล้านเครื่องแจก ขณะที่ การประชุม ครม.นัดพิเศษ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับเรื่องคุณสมบัติ และผลประโยชน์ของรัฐมนตรีและครอบครัว "สมัคร"เผยพร้อมแถลงนโยบายต่อสภา 18 ก.พ.นี้

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงนโยบายด้านการศึกษา ที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวในการรับตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการว่า จะมีการฟื้นโครงการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกติดกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) โครงการแจกคอมพิวเตอร์ล้านเครื่อง หรือ One laptop one child และทุนเอื้ออาทรต่างๆว่า สิ่งที่ รมว.ศึกษาธิการ แถลงนั้น อยู่ในความคาดหมายอยู่แล้ว เพราะเมื่อรัฐบาลเดิมกลับเข้ามาทำงาน หากไม่รื้อฟื้นโครงการเก่าเขาก็จะเสียหาย แต่หากจะรื้อฟื้นก็ควรจะเอาบทเรียนจากการดำเนินการอันเก่ามาพิจารณาเพื่อประเมินผลก่อน เช่น กรอ. หากทำขึ้นมาแล้วจะส่งผลกระทบต่อคนยากจนหรือไม่ และสามารถแก้ปัญหาเรื่องการจ่ายเงินล่าช้าได้ดีแค่ไหน ซึ่งหากสามารถกระจายทุนไปถึงทุกกลุ่มเป้าหมายได้ก็ดีอย่างยิ่ง

ส่วนโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน หรือโรงเรียนในฝันต่างๆ นั้นก็อยากให้เข้าไปดูแลผู้อำนวยการโรงเรียนด้วยว่า เขามีหนี้สินมากมายแค่ไหน และที่ผ่านมาก็มีการพูดกันตลอดว่า เด็กที่ได้รับการคัดเลือกให้ไปเรียนต่างประเทศ ไม่ใช่เด็กเก่ง แต่เป็นลูกหลานของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เสียมากกว่า ซึ่งหากจะทำก็ต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดไปด้วย

"สำหรับการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 1 ล้านเครื่อง ก็ต้องดูไม่ให้มีการคอร์รัปชั่นโดยเด็ดขาด และควรจะเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพการใช้งานที่ดี ไม่ตกรุ่น แต่ก็อยากจะฝากว่า ปัญหาการศึกษาที่สำคัญคือ คุณภาพครู และการขาดแคลนครู ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรจะต้องลงทุน แทนที่จะซื้อคอมพ์ล้านเครื่องแจกนักเรียน ทำไมไม่เพิ่มอัตราครู หรือคืนอัตราเกษียณให้เต็มจำนวนจะดีกว่า แม้จะบอกว่าหากทำเช่นนั้นก็จะกลายเป็นงบประมาณที่รัฐจะต้องจ่ายผูกพัน แต่การพัฒนาคนจำเป็นต้องมีครู และบางเรื่องก็ต้องยอมมีค่าใช้จ่ายผูกพัน เช่น ทหาร หมอ และครู เป็นต้น" นายวัลลภ กล่าว

นายวัลลภ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ขอฝากให้รัฐบาลดูเรื่องการแยกกระทรวงการอุดมศึกษา และการวิจัยออกจากกระทรวงศึกษาธิการด้วย เพราะตนเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็น หากโครงสร้างเทอะทะไม่คล่องตัว ก็ควรแยกให้อุดมศึกษาเป็นอิสระ ส่วน ศธ. ก็มาทุ่มให้กับการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมถึงพิจารณาเรื่องการปรับโครงสร้าง ศธ.ด้วย เพราะปัจจุบัน ศธ. ยังมีปัญหาเรื่องโครงสร้างที่อุ้ยอ้ายมากเกินไป ทำอย่างไรจึงจะบริหารงานได้คล่องตัวมากขึ้น

"บุญลือ"ยันต้องซื้อเพราะลูกพี่คิด

ด้าน นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการออกท้วงติงการฟื้นโครงการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 1 ล้านเครื่องซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนว่า ยืนยันไม่ใช่การฟื้นเพราะเป็นโครงการเดิมของพรรคที่เตรียมการไว้แล้วตั้งแต่สมัย นายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็น รมว.ศึกษาฯ ซึ่งขณะนั้น นายสรอรรถ กลิ่นประทุม เป็น รมว.ไอซีที ได้ประชุมที่ ศธ. แล้ว 2 ครั้ง แต่ยังไม่ทันได้ซื้อ เพราะมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีก่อน

"ทั้งนี้รัฐธรรมนูญ ในตรา 49-50 ระบุให้ทุกคนมีสิทธิรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปีอย่างเท่าเทียมกัน แต่ทุกวันนี้รัฐบาลจัดสรรอะไรให้กับนักเรียนบ้าง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ห่างไกลในชนบท ฉะนั้นเราจึงไม่อาจจะปล่อยตามยถากรรมได้ แต่จะต้องจัดสร้างอุปกรณ์สื่อการเรียนสอนลงไปให้ โดยเราจะทำเรื่องนี้อย่างรอบคอบ ไม่ให้เกิดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น"รมช.ศึกษาฯ กล่าว

ประชุม ครม.นัดแรกไม่เน้นสาระ

สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นัดพิเศษนัดแรก ของรัฐบาล"สมัคร 1" เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (8 ก.พ.) โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับปัญหาเรื่องคุณสมบัติ และผลประโยชน์ของรัฐมนตรี

นายสมัคร ให้สัมภาษณ์ อีกครั้งหลังการประชุม ครม. ว่า เนื่องจากเป็นการประชุมนัดแรก จึงยังไม่ได้พูดถึงเรื่องแบ่งงานรองนายกฯ และเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ การเรียกความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ แต่ได้ประชุมเรื่องนโยบายกันไปคร่าว ๆ และวันจันทร์ก็จะแจกเอกสารให้ ครม.ทั้ง 35 ให้อ่านกันก่อน วันอังคารก็จะประชุม ครม. จะมีการสรุปนโยบายอีกครั้ง วันพุธ ก็จะส่ง พิมพ์ ซึ่งก็ได้บอกสภาว่า ขอที่จะแถลงนโยบายต่อสภา ในวันที่ 18 ก.พ. มั่นใจว่า นโยบายต้องทำเสร็จเรียบร้อยแน่นอน

"หมัก"จ้อสื่อนอกเลิกกันเงินสำรอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 15.30 น. วันเดียวกันนี้ ที่พรรคพลังประชาชน นายสมัครได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ อาทิ สำนักข่าวอัล-จาซีร่า สำนักข่าวรอยเตอร์ สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ฟูจิทีวี กว่า 1 ชม. โดยนายสมัคร กล่าวถึงมาตการกันเงินสำรอง 30 เปอร์เซ็นต์ ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วย และจะนำเรื่องนี้หารือกับ ครม. หลังจากการประชุมครม.ในวันที่ 12 ก.พ. และอาจพิจารณาเป็นมติ ครม. แต่จะไม่บรรจุในวาระของการแถลงนโยบายของรัฐต่อสภาฯ เพราะเป็นเรื่องเปราะบาง จึงต้องหารือกับธปท. ก่อน เพราะรัฐบาลอยากให้ ธปท. มีความเป็นอิสระในการทำงาน

ผู้สื่อข่าวต่างชาติถามว่า หากนางธาริสา วัฒนเกษ ผู้ว่าฯธปท. ไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิก นายสมัครกล่าวว่า หากไม่เห็นด้วย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯและรมว.คลัง ต้องหาเหตุผลที่ดีกว่า ว่าเหตุใดต้องยกเลิกมาตรการดังกล่าวมาอธิบาย

"เลี้ยบ"คุย 6 เดือนเศรษฐกิจฉลุย

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุม ครม.ว่า จะมีการหารือร่วมกับรมช.คลัง ทั้ง 2 คน เพื่อกำหนดภารกิจเร่งด่วนของกระทรวงการคลัง ก่อนที่สัปดาห์หน้าจะเริ่มแบ่งงาน โดยมี 4 หน่วยงานหลักมาร่วมหารือ คือ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะทำการหารือกันทุกวันจันทร์

ทั้งนี้ยอมรับว่าได้มีการหารือร่วมกับ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เป็นระยะๆ ซึ่งก่อนประชุม ครม. ก็ได้การแลกเปลี่ยนในหลายเรื่อง ว่าจะทำงานอย่างไรเพื่อที่จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้รวดเร็ว ขณะที่นายมิ่งขวัญจะรับผิดชอบในส่วนของการสร้างรายได้

นอกจากนี้หลังการประชุมครม. จะมีการประชุมเรื่องนโยบายรัฐบาลของคณะทำงานร่างนโยบายรัฐบาล ต่อ โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน ร่วมกับรัฐมนตรีจากทุกพรรค และมีตัวแทนจาก สศช. สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักเลขาธิการ ครม.ร่วมประชุม

ทั้งนี้ร่างนโยบายรัฐบาล จะเน้นหลักการและนโยบาย แผนงานโดยละเอียด คงไม่ได้บรรจุไว้เนื่องจากจะละเอียดเกินไป เพราะนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาฯ จะมีความยาวพอสมควร ดังนั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น คงจะไม่ได้บรรจุไว้ ซึ่งต่อไปคงจะออกมาเป็นชุดของมาตรการ ซึ่งจะมีการให้รายละเอียดชัดเจนหลังวันที่ 20 ก.พ. นี้ ซึ่งตนได้บอกกับผู้ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงการคลังไปแล้วว่า ในสัปดาห์หน้าจะเร่งทำงานทันที

ตัวนโยบายของรัฐบาลจะมีเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง การพัฒนาประชาธิปไตย โดยเศรษฐกิจจะเน้นการกลับมาสู่ภาวะปกติ การสร้างอาชีพสร้างโอกาส การเรียนรู้ ขณะเดียวกันจะนำนโยบายเก่าของพรรคไทยรักไทยมาปรับใช้ โดยเฉพาะนโยบายที่ดีจะนำมาต่อยอดโดยพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อความต่อเนื่องทั้งคน ความรู้ โครงสร้างพื้นฐาน

"กรอบระยะเวลาที่วางไว้ 6 เดือน จะได้เห็นภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่ยังสอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่เป็นหลักการการที่ไม่สุ่มเสี่ยง" น.พ.สุรพงษ์ กล่าว

"เลี้ยบ"ข่ม"เจ๊มิ่ง"คุมคลังต้องใช้กึ๋น

นพ.สุรพงษ์ ยังปฏิเสธ ถึงกระแสข่าวความขัดแย้งกับ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เนื่องจากรับผิดชอบกันคนละด้าน

"ท่านรองมิ่งขวัญท่านมีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด และการขาย ฉะนั้นท่านจะทุ่มเทเรื่องการสร้างรายได้ให้ประเทศ ถ้าเทียบองค์กรธุรกิจ ก็เทียบเท่ากับเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ในขณะที่เรื่องการเงินการคลัง คืองานที่ต้องอาศัยความทุ่มเท แล้วก็มีสภาพสลับซับซ้อนพอสมควร ในองค์กรธุรกิจก็จะเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน หรือ ซีเอฟโอ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี ก็ได้มอบหมายให้ผม เข้ามาตรงนี้ ถือว่าเป็นภารกิจที่มันท้าทายและหนัก แต่เราก็ต้องรับผิดชอบเต็มที่ เพราะเราได้อาสาประชาชนมาแล้ว" รมว.คลัง กล่าว

คุยทำนโยบายเพื่อประชาชน

นายสมชาย วงสวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ กล่าวภายการประชุมตัวแทนพรรคการเมือง 6 พรรค เพื่อร่างนโยบายรัฐบาล ว่า นโยบายส่วนใหญ่สอดคล้องกัน แต่จะต้องแก้ไขในบางส่วนเพื่อให้มีความสมบูรณ์ โดยจะมีการประชุมครั้งสุดท้ายในวันเสาร์ที่ 9 ก.พ. นี้ และเสนอให้ครม.พิจารณาอีกครั้งในวันอังคารหน้าได้ เพื่อนำไปแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร

"นโยบายรัฐบาลจะเรียกอะไรก็ช่าง ไม่จำเป็นต้องเรียกประชานิยม เรียกว่า เป็นนโยบายที่ประชาชนตอบรับ และยินดี ที่ได้นโยบายอย่างนี้ และรัฐบาลก็มีความสุขที่ทำให้ประชาชนพึงพอใจ มีความกินดีอยู่ดี แก้ไขปัญหาปากท้องได้ อย่างนี้เรียกได้ว่านโยบายเพื่อประชาชน" นายสมชายกล่าว

แจ้งทั่วโลกไทยได้ ปชต.กลับคืน

นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า นโยบายรัฐถือว่าครอบคลุมทุกด้าน สามารถให้ความชัดเจนต่อประชาชน นักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยมีนโยบายเร่งด่วน เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนภาครัฐ มาตรการในการอัดฉีดงบประมาณ เป็นต้น

สำหรับด้านการต่างประเทศ จะเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากต่างประเทศเร่งด่วน เบื้องต้นจะขอคำสั่งให้เอกอัครราชทูตไปพบปะกับทุกประเทศทั่วโลก เพื่อเผยแพร่ชื่อเสียง และความยอมรับนับถือต่อไทย รวมไปถึงจะต้องชี้แจงว่าประชาธิปไตยได้กลับสู่ประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว

วอนอย่าโจมตีแผนขายน้ำ

นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า นอกจากมีกรอบการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ยังจะรวมไปถึงปรับโครงสร้างการผลิต การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกันในหลายรูปแบบ

ขณะเดียวกันกรณีที่นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งเป็นคนเดียวที่คัดค้านแนวคิดอุโมงค์น้ำในภาคอีสานของนายกฯ มาตลอดนั้น ตนอยากให้ไปดูว่า ตอนนี้มีการปรับปรุงไปถึงไหนแล้ว คิดว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องของต้นแบบที่กรมชลประทานได้ดำเนินการ แต่ไม่ได้สอดคล้องกับเรื่องระบบชลประทานระบบท่ออย่างแท้จริง ซึ่งคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นจุดอ่อนที่จะเอามาโจมตีกัน ดังนั้น ชลประทานระบบท่อจึงเป็นเทคโนโลยีสำคัญในการ บริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ซึ่งไม่ได้ความว่าจะใช้ระบบนี้ระบบเดียว

ไม่สนฝ่ายค้านถลกนโยบาย

นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯได้ให้แนวทางว่า การประชุม ครม.จะไม่ยาวนานเกินเที่ยงวัน ประชุมในวันอังคารตามปกติ ซึ่งการประชุม ครม.ครั้งต่อไป จะเริ่มในวันอังคารหน้า (12 ก.พ.)

ส่วนการประชุมครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นการเตรียมการขั้นต้นของครม. เช่น เรื่องการแสดงบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิน ที่มีเลขาฯ ครม.และเลขาฯ ป.ป.ช. มาให้ความรู้ และข้อมูลแก่ครม. ซึ่งหลายคนมีข้อสงสัย จึงสอบถามกันประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

นอกจากนี้ ก็มีเรื่องการจัดทำคำแถลงนโยบายของ ครม. ต่อรัฐสภา การแถลงนโยบายตามรธน.ปัจจุบัน ไม่มีการลงมติว่ารัฐบาลจะอยู่หรือจะไป เพราะฉะนั้นเมื่อเสร็จสิ้นการแถลง ก็ถือว่า ครม. มีอำนาจเต็มที่ และถือว่ามีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ ส่วนฝ่ายค้านจะซักถามหรือใช้เวลาเท่าไร ก็ถือเป็นกระบวนการทางการเมือง "เพราะฉะนั้นนายกฯ แถลงจบ ก็ถือว่านโยบายเสร็จแล้ว"

"อุ้ม"ณัฐวุฒิ"ไม่ทำครม.ขี้เหร่

นายจักรภพ ยังกล่าวถึงการนำนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปก. มาเป็นผู้ช่วยโฆษกฯ ว่า เท่าที่ดูกันมาให้หมุนตัวหลายรอบ พอใช้ได้ ยิ้มได้ หัวเราะได้ พูดเสียงเบาเป็น คงจะไม่ทำให้ภาพลักษณ์ครม.ขี้เหร่

เมื่อถามย้ำว่า มาจาก นปก. นายจักรภพ กล่าวว่า ก็มีอยู่ตรงนี้คนหนึ่ง (ตัวเอง) เอาเป็นว่าการต่อสู้สำหรับ นปก. เป็นเรื่องจำเป็น แต่ไม่ได้หมายความว่าใครที่เคยส่งเสียงดังเข้ามาในห้องประชุมแล้วจะตะเบ็งต่อ มันคนละเวที คนละเวลา

"เพราะฉะนั้นการต่อสู้ในตอนนั้นก็ต้องต่อสู้แบบนั้นจะให้ไปพูดเสียงแผ่วตอนนั้นก็ไม่ได้ เพราะต้องต่อสู้กับคนที่พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง แต่มาถึงตอนนี้แล้วเราอยู่ในหมู่อารยชน คนรักประชาธิปไตยด้วยกัน เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการเดิม"นายจักรภพ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น