“เลี้ยบ” คาดแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภาวันที่ 20-21 ก.พ. ขณะที่การแบ่งงาน ครม.คาดชัดเจนในสัปดาห์หน้า ปัดข่าวเกาเหลา “มิ่ง” ระบุแยกงานกันทำ แต่ยังไม่วายคุยข่ม อ้างตนเองต้องรับผิดชอบงานที่ซับซ้อนกว่า
วันนี้ (8 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ทำการสักการะพระพรหมณ์ และศาลพระภูมิในทำเนียบรัฐบาลก่อนเข้าร่วมประชุม ครม. และให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการเดินทางกลับของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าตนไม่ได้รับทราบข่าวนี้มาก่อนเลย และไม่ทราบว่ามีข้อเท็จจริงเรื่องนี้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าท่านตัดสินใจจะกลับมาประเทศไทยเพื่อจะต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมก็เป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะเมื่อมีการตั้งข้อกล่าวหาแล้วในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งการที่จะเดินทางกลับมาต่อสู้คดีก็ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม
เมื่อถามว่า เกรงจะถูกมองจับโยงว่ารัฐบาลชุดนี้พอตั้งรัฐบาลแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะเดินทางกลับ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าคงไม่เกี่ยวกัน เพราะว่าเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลก็ได้มีเรื่องของการรวมกลุ่มกันของพรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรคมาได้ระยะหนึ่งแล้ว อีกอย่างที่ยังไม่ชัดเจนก็คือว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาเมื่อไหร่ก็เป็นเพียงแค่ข่าวคราวตนยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าเมื่อกลับมาสู้คดีแล้วจะขอกลับออกนอกประเทศแล้วสามารถทำได้หรือไม่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การที่กลับมาต่อสูคดีก็คงอยู่ในดุลพินิจทางศาลที่ว่าเมื่อกลับมาต่อสู้คดีแล้วมีการออกหมายเรียก หรือหมายจับออกมาก่อนหน้านี้ เรื่องของการขอประกันตัวจะมีเงื่อนไขอย่างไร ตรงนี้คงเป็นดุลพินิจของทางศาล
นพ.สุรพงษ์ กล่าวถึงการประชุม ครม.เงาของพรรคประชาธิปัตย์ว่า เรื่อง ครม.เงาก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ ในปี 2543 พรรคไทยรักไทยก็เคยตั้ง ครม.เงามาแล้ว และตนเองก็เคยเป็น ครม.เงาของกระทรวงสาธารณสุขในครั้งนั้น และมีการประชุมทุกๆ สัปดาห์เช่นเดียวกัน ดังนั้นเป็นเรื่องที่เคยทำกันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ
“ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยกันตรวจสอบหรือเสนอแนะ และถ้าเป็นการทำงานอย่างสร้างสรรค์ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้งานการเมืองและประชาธิปไตยของไทยรุดหน้าต่อไป” นพ.สุรพงษ์ กล่าว
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการแบ่งงานในส่วนของรองนายกรัฐมนตรีว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคงจะต้องมีการประชุมพูดคุยกับทางรองนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าถ้าจะมีการแบ่งงานกันคงเป็นวันอังคารหน้า (13 ก.พ.) รวมทั้งในส่วนของการแบ่งงานเลขาธิการและที่ปรึกษาแต่ละกระทรวง คาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้าเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม นพ.สุรพงษ์ ปฏิเสธความขัดแย้งกับ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ และไม่ทราบว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะว่าเรื่องนโยบายเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจต่างๆ เป็นเรื่องที่ได้มีการพูดคุยกันมาตั้งแต่ช่วงหาเสียงด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าในช่วงก่อนหน้านี้ตนจะอยู่ในฐานะของคนประสานงานเรื่องของการส่งบุคคลในการแสดงวิสัยทัศน์ด้านต่างๆ แต่เมื่อเข้ามาทำงานจริงๆ ก็ต้องกำหนดว่างานที่มีมากมายอย่างนี้จะทำให้เราสามารถพัฒนาประสิทธิภาพในการผลักดันงานอย่างไร
“ท่านรองมิ่งขวัญ ท่านมีความเชี่ยวชาญด้านการตลาดและการขาย ฉะนั้น ท่านจะทุ่มเทเรื่องการสร้างรายได้ให้ประเทศ ถ้าเทียบองค์กรธุรกิจก็เทียบเท่ากับเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลสำคัญในการที่จะผลักดันในการสร้างรายได้ให้กับองค์กร ในขณะที่เรื่องการเงินการคลัง คืองานที่ต้องอาศัยความทุ่มเท แล้วก็มีสภาพสลับซับซ้อนพอสมควร ในองค์กรธุรกิจก็จะเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน หรือซีเอฟโอ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้มอบหมายให้ผมเข้ามาตรงนี้ ถือว่าเป็นภารกิจที่มันท้าทายและหนัก แต่เราก็ต้องรับผิดชอบเต็มที่เพราะเราได้อาสาประชาชนมาแล้ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว
ส่วนการแถลงนโยบายต่อสภาฯว่า ก็แล้วแต่สภา แต่ทั้งนี้โดยปกติคือ 15 วันหลังจากที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ ฉะนั้นก็ควรจะเป็นภายในวันที่ 20-21 ก.พ. และตนคิดว่าส่วนของ ครม.เองน่าจะนำเสนอนโยบายรัฐบาลเพื่อให้ครม.เห็นชอบในการประชุม ครม.วันที่ 12 ก.พ. หลังจากนั้นจะส่งต่อไปยังสภาว่าประธานสภาจะบรรจุอยู่ในวาระเรื่องการแถลงนโยบายเมื่อไร
/0110