ผบ.ทบ.ให้ "สมัคร" ตัดสินใจข้อเสนอของคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เรื่องปลดอาวุธ ขณะที่คนร้ายวางระเบิดเยื้องศาลเจ้าเล่าเอี๊ยะกง ในปัตตานี รับวันไหว้เทศกาลตรุษจีนบาดเจ็บ 6 รายเป็นทหาร 4 ชาวบ้าน 2 ส่วนทหารเสียชีวิต 1 ขณะที่กองกำลังผสม 3 ฝ่ายนราธิวาสบุกทลายค่ายพักย่อยหน่วยรบ RKK ในป่าพรุ ยึดของกลางเพียบแต่ไร้เงาแกนนำและสมุน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยเข้าพบนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และเสนอให้ปลดอาวุธเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติ ว่า ต้องให้ รมว.กลาโหม ดำเนินการเรื่องนี้กับกองทัพ เราจะให้ข้อมูลกับท่าน เพื่อให้ท่านตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร แต่ถ้าทำได้ก็ดี คือ ปลอดอาวุธทุกฝ่ายเลย หากมีเรื่องอะไรท่านที่เป็นผู้บริหารบ้านเมือง คงเรียกตนเข้าไปเอง
เมื่อถามว่า การให้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อาสาสมัครรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (อรบ.) คืนอาวุธปืนให้กับราชการทำได้หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า อย่าไปพูดดีกว่า ชรบ. ไม่ได้ไปยิงคน ไม่ได้ไปฆ่าคน ขณะนี้ อรบ. ชรบ. ป้องกันตัวเอง ไม่ได้ไปยิงใครฆ่าใคร ต้องปลดอาวุธคนที่ไปยิงหรือฆ่าคน
เมื่อถามว่า ความไม่สงบในภาคใต้ 1 ปีที่ผ่านมารุนแรงขึ้นหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จะมากขึ้นหรือน้อยลง ตัวชี้วัดคือความสงบเรียบร้อย สิ่งที่เราทำไปถือว่าดีขึ้น เพราะมาตรการที่ใช้ดีขึ้น ทั้งนี้ เราต้องประเมินว่า หากเขาทำรุนแรงแล้วจะหาทางแก้อย่างไร อำนาจหน้าที่ที่มีมาตรการต่างๆดีพอหรือยังจะปรับมาตรการหรือไม่ มาตรการที่เขาทำพัฒนาไป มีการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมมากขึ้นโดยใช้มาตรการทางกฎหมายต่างประเทศยอมรับ อยู่ที่สื่อจะสร้างความเข้าใจให้ได้
เมื่อถามว่า ท่านเคยพูดคุยกับพล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง.ผอ.รมน. ที่ออกมาวิจารณ์การแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลที่ผ่านมาว่าแย่กว่ารัฐบาลก่อน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การวิจารณ์รัฐบาลสามารถทำได้ คนที่มาใหม่เขาจะได้รู้ว่ารัฐบาลทำดีหรือไม่ดีอย่างไร จะได้ชั่งใจได้และไม่เป็นผลเสียกับรัฐบาลและประเทศ
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยรักษาความมั่นคงภายใน กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของคณะกรรมกลางอิสลามประจำจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ให้พลเรือน และ ทหารระดับล่างปลดอาวุธ เพราะจะยิ่งทำให้เป็นจุดอ่อนให้ผู้ก่อเหตุกระทำต่อพลเรือนมากขึ้น ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถรักษาความปลอดภัย และให้การคุ้มครองได้ การจะปลดอาวุธพลเรือน ยิ่งทำเกิดความเสี่ยงต่อประชาชนมากขึ้น ถามว่าถ้าพลเรือนปลดอาวุธหมด ดูแลตัวเองไม่ได้ แล้วปล่อยให้โจรถือปืนอยู่ฝ่ายเดียวหรืออย่างไร เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่รัฐบาล และกองทัพต้องพิจารณาให้รอบคอบ
บึ้มใกล้ศาลเจ้ารับตรุษจีน
เมื่อเวลา 08.30 น.วานนี้ (6 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดบริเวณใกล้ศาลเจ้าในเขตเทศบาลตำบลตะลุบัน อ.สายบุรี มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ทหารเรือ สังกัด นย.ฉก.26 จำนวน 5 นายและชาวบ้าน 2 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี
โดยก่อนเกิดเหตุในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร นย.ฉก.26 กำลังปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณศาลเจ้าเนื่องจากเป็นวันไหว้เจ้าในเทศกาลตรุษจีน มีผู้คนพลุกพล่าน และใกล้เคียง ซึ่งเป็นร้านค้าและร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ คนร้ายได้ซุกซ่อนวัตถุระเบิดน้ำหนัก 5 กิโลกรัมใน ถังน้ำมันรถจักรยานยนต์ ควบคุมด้วยรีโมท จอดทิ้งไว้ริมถนน ถนนเทิดธรรม ตรงข้ามร้านอ๋อยพานิชย์ ซึ่งเป็นร้านขายของชำ ห่างจากศาลเจ้าเล่าเอี๊ยะกงประมาณ 10 เมตร เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปในระยะหวังผล คนร้ายได้กดจุดชนวนระเบิดจนเกิดระเบิดขึ้นเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย
ประกอบด้วย 1.พ.จ.ท.วิโรจน์ ทันสุวรรณ อาการสาหัส 2.จ.อ.นันทวัฒน์ เครือสุวรรณ 3.จ.อ.ไชยยงค์ โทปันจ่า 4.จ.อ.โสรส ฤทธิ์กำลัง 5.จ.อ.พงษ์ศักดิ์ จันทพรม อาการสาหัส ส่วนชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บ คือ 1.นายรอเซ็ง ชุชามา พ่อค้าขายปลา อยู่บ้านเลขที่ 98 ม.2 ต.ลุโบะบือซา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส 2.นายต่วนยา การียา อยู่บ้านเลขที่ 174/2 ต.มะรือโบตก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส นอกจากนี้ ยังพบว่ามีรถยนต์ปิคอัพของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย 1 คัน และรถยนต์ของชาวบ้านอีก 3 คัน
ต่อมาเวลา 12.00 น. พ.จ.ท.วิโรจน์ ทันสุวรรณ สังกัด นย.ฉก.26 ได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารอีก 4 นายประกอบด้วย จ.อ.นันทวัฒน์ เครือสุวรรณ, จ.อ.ไชยยงค์ โทปันจ่า,จ.อ.โสรส ฤทธิ์กำลัง และ จ.อ.พงษ์ศักดิ์ จันทพรม ได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลปัตตานี โดย จ.อ.พงษ์ศักดิ์ ยังคงมีอาการสาหัส น่าเป็นห่วง
บุกทลายค่ายหน่วยรบ RKK ในป่าพรุ
ก่อนหน้านี้เวลา 05.00 น.พ.ต.ต.ปรีชา กิ่มเกลี้ยง ผบ.ร้อย หน่วยปฎิบัติการณ์พิเศษ จ.นราธิวาส ที่ 2 ร.ต.ท.จักรี เคล้าศรี ผบ.มว.1 และเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นราธิวาส 31 และ ตชด.447 ได้ร่วมสนธิกำลังกว่า 200 นาย โดยใช้กฎอัยการศึกทำการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ป่าพรุ บริเวณบ้านตาเซ๊ะเหนือ หมู่ 5 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี หลังสืบทราบว่า มีการเคลื่อนไหวและมีค่ายพักย่อยของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ RKK ที่มีนายมูฮัมหมัดรอซาลี อาแวบือซา อยู่บ้านเลขที่ 54 ม.3 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี เป็นหัวหน้าชุด ซึ่งมีสมาชิกในกลุ่ม 4-5 คน ได้รวมตัวกันเพื่อเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ช่วงวันตรุษจีน
เมื่อถึงบริเวณดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันโอบล้อมพื้นที่ พร้อมทั้งตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนเส้นทางในหมู่บ้านที่คาดว่ากลุ่มสมาชิก RKK จะใช้เป็นเส้นทางในการหลบหนีและเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าพิสูจน์ทราบถึงบริเวณดังกล่าว พบว่ากลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่มีนายมูฮัมหมัดรอซาลี เป็นหัวหน้าชุด ซึ่งมีความชำนาญพื้นที่ได้ไหวตัวหลบหนีเจ้าหน้าที่เข้าไปในบริเวณป่าพรุ ซึ่งสามารถทะลุไปยังเขตพื้นที่รอยต่อของ อ.ตากใบและ อ.สุไหงโก-ลก
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบริเวณดังกล่าว พบว่าพื้นที่ป่าพรุดังกล่าวถูกปรับเป็นที่ราบสามารถอาศัยอยู่ได้ 10 คนโดยมีของกลาง 6 รายการที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไว้ อาทิ เปลนอน เสื้อกันหนาว เครื่องแบบชุดลายพรางทหาร รองเท้าแตะ ลูกประคำ และกระเป๋าสตางค์ ที่มีบัตรประชาชนของนายรอห์มา สะแลแม อยู่บ้านเลขที่ 47/3 ม.3 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สุไหงปาดี เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ต่อไป
จากการตรวจสอบทำเนียบบัญชีรายชื่อของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี พบว่า นายมูฮัมหมัดรอซาลี และนายรอห์มา เป็นกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ RKK ที่หลบหนีจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่บ้านดอเฮะ ม.3 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี เมื่อวันที่ 10 ส.ค.50 ซึ่งครั้งนั้นเจ้าหน้าที่สามารถวิสามัญลูกสมุนของนายมูฮัมหมัดรอซาลี เสียชีวิต 3 คน จนนายมูฮัมหมัดรอซาลี ต้องหลบหนีไปสร้างค่ายพักย่อยอาศัยกบดานอยู่ในพื้นที่ป่าพรุ บ้านตาเซ๊ะเหนือ โดยมีกลุ่มสมาชิกแนวร่วมในหมู่บ้านตาเซ๊ะเหนือ คอยส่งเสบียงอาหารและแจ้งความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ทางการให้ทราบเป็นระยะๆ เพื่อฉวยโอกาสแฝงตัวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี และอำเภอใกล้เคียงตลอดมา
สนนท.ร้อง กก.สิทธิฯ สอบซ้อม นศ.
วันเดียวกันเวลา 14.00 น.ตัวแทนนักศึกษาจากสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) และองค์กรเครือข่ายประมาณ 40 คน เข้าร้องเรียนต่ออนุกรรมการเฉพาะกิจรณรงค์เพื่อต่อต้านการทรมานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในเรื่องการซ้อมทรมานนักศึกษา 7 คน และพลเรือน 2 คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีนายวสันต์ พานิช กสม.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเป็นผู้รับหนังสือ
นายตูแวดานียา ตูแวแมแง ประธานเครือข่ายนักศึกษาเพื่อพิทักษ์ประชาชน ตัวแทน สนนท. ระบุว่า นักศึกษากลุ่มดังกล่าวได้ถูกจับกุมตัวโดยทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 11 เมื่อวันที่ 27 และวันที่ 29 ม.ค.51 โดยระบุว่ามีส่วนร่วมกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ แต่ในระหว่างการควบคุมตัวได้รับทราบจากญาติของผู้ถูกจับกุมว่ามีการซ้อมทรมานเพื่อให้รับสารภาพเกิดขึ้น แม้ว่าในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่จะปล่อยตัวออกมาแล้ว 5 คน แต่ก็ยังมีหวาดระแวงอยู่
ด้าน นายวสันต์ กล่าวว่า ทางอนุกรรมการฯได้รับเรื่องร้องเรียนมาก่อนหน้านี้แล้ว และได้ส่งตัวแทนของอนุกรรมการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบกรณีดังกล่าว ในขณะที่ก่อนหน้านี้ได้ทำเรื่องขออนุญาตเข้าพบผู้ถูกควบคุม แต่ได้รับการปฏิเสธ กระทั่งได้มีการปล่อยตัวออกมาบางส่วนเมื่อคืนวันที่ 4 ก.พ.51 ส่วนในวันนี้ได้พยายามขอเข้าพบผู้ถูกควบคุมตัวที่เหลืออีก 5 คนที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ จ.ยะลาอีกครั้ง
"ในกรณีอย่างนี้ทางอนุกรรมการฯ จะต้องรีบเดินทางเข้าเยี่ยมโดยด่วน เพราะถ้าช้าเกินไป บาดแผลหรือร่องรอยที่จะต้องตรวจสอบอาจหายไป"
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า นอกจากกรณีของนักศึกษาแล้ว คณะอนุกรรมการฯ ดังกล่าวจะเข้าตรวจสอบกรณีซ้อมทรมานในทุกกรณีที่เกิดขึ้นในกระบวนการที่ไม่ปกติ อาทิ กรณีที่อยู่ในระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ทหาร เป็นต้น ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรมตามปกติก็จะเป็นคณะอนุกรรมการฯ อีกชุดหนึ่ง อย่างไรก็ตาม กระบวนการตรวจสอบจะต้องสอบถามจากผู้ถูกคุมตัวและฟังคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ด้วยเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ก่อนที่จะมีการทำรายงานสรุปและข้อเสนอเพื่อเสนอต่อรัฐบาลในวาระต่อไป
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยเข้าพบนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และเสนอให้ปลดอาวุธเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติ ว่า ต้องให้ รมว.กลาโหม ดำเนินการเรื่องนี้กับกองทัพ เราจะให้ข้อมูลกับท่าน เพื่อให้ท่านตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร แต่ถ้าทำได้ก็ดี คือ ปลอดอาวุธทุกฝ่ายเลย หากมีเรื่องอะไรท่านที่เป็นผู้บริหารบ้านเมือง คงเรียกตนเข้าไปเอง
เมื่อถามว่า การให้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อาสาสมัครรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (อรบ.) คืนอาวุธปืนให้กับราชการทำได้หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า อย่าไปพูดดีกว่า ชรบ. ไม่ได้ไปยิงคน ไม่ได้ไปฆ่าคน ขณะนี้ อรบ. ชรบ. ป้องกันตัวเอง ไม่ได้ไปยิงใครฆ่าใคร ต้องปลดอาวุธคนที่ไปยิงหรือฆ่าคน
เมื่อถามว่า ความไม่สงบในภาคใต้ 1 ปีที่ผ่านมารุนแรงขึ้นหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จะมากขึ้นหรือน้อยลง ตัวชี้วัดคือความสงบเรียบร้อย สิ่งที่เราทำไปถือว่าดีขึ้น เพราะมาตรการที่ใช้ดีขึ้น ทั้งนี้ เราต้องประเมินว่า หากเขาทำรุนแรงแล้วจะหาทางแก้อย่างไร อำนาจหน้าที่ที่มีมาตรการต่างๆดีพอหรือยังจะปรับมาตรการหรือไม่ มาตรการที่เขาทำพัฒนาไป มีการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมมากขึ้นโดยใช้มาตรการทางกฎหมายต่างประเทศยอมรับ อยู่ที่สื่อจะสร้างความเข้าใจให้ได้
เมื่อถามว่า ท่านเคยพูดคุยกับพล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง.ผอ.รมน. ที่ออกมาวิจารณ์การแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลที่ผ่านมาว่าแย่กว่ารัฐบาลก่อน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การวิจารณ์รัฐบาลสามารถทำได้ คนที่มาใหม่เขาจะได้รู้ว่ารัฐบาลทำดีหรือไม่ดีอย่างไร จะได้ชั่งใจได้และไม่เป็นผลเสียกับรัฐบาลและประเทศ
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยรักษาความมั่นคงภายใน กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของคณะกรรมกลางอิสลามประจำจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ให้พลเรือน และ ทหารระดับล่างปลดอาวุธ เพราะจะยิ่งทำให้เป็นจุดอ่อนให้ผู้ก่อเหตุกระทำต่อพลเรือนมากขึ้น ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถรักษาความปลอดภัย และให้การคุ้มครองได้ การจะปลดอาวุธพลเรือน ยิ่งทำเกิดความเสี่ยงต่อประชาชนมากขึ้น ถามว่าถ้าพลเรือนปลดอาวุธหมด ดูแลตัวเองไม่ได้ แล้วปล่อยให้โจรถือปืนอยู่ฝ่ายเดียวหรืออย่างไร เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่รัฐบาล และกองทัพต้องพิจารณาให้รอบคอบ
บึ้มใกล้ศาลเจ้ารับตรุษจีน
เมื่อเวลา 08.30 น.วานนี้ (6 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดบริเวณใกล้ศาลเจ้าในเขตเทศบาลตำบลตะลุบัน อ.สายบุรี มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ทหารเรือ สังกัด นย.ฉก.26 จำนวน 5 นายและชาวบ้าน 2 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี
โดยก่อนเกิดเหตุในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร นย.ฉก.26 กำลังปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณศาลเจ้าเนื่องจากเป็นวันไหว้เจ้าในเทศกาลตรุษจีน มีผู้คนพลุกพล่าน และใกล้เคียง ซึ่งเป็นร้านค้าและร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ คนร้ายได้ซุกซ่อนวัตถุระเบิดน้ำหนัก 5 กิโลกรัมใน ถังน้ำมันรถจักรยานยนต์ ควบคุมด้วยรีโมท จอดทิ้งไว้ริมถนน ถนนเทิดธรรม ตรงข้ามร้านอ๋อยพานิชย์ ซึ่งเป็นร้านขายของชำ ห่างจากศาลเจ้าเล่าเอี๊ยะกงประมาณ 10 เมตร เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปในระยะหวังผล คนร้ายได้กดจุดชนวนระเบิดจนเกิดระเบิดขึ้นเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย
ประกอบด้วย 1.พ.จ.ท.วิโรจน์ ทันสุวรรณ อาการสาหัส 2.จ.อ.นันทวัฒน์ เครือสุวรรณ 3.จ.อ.ไชยยงค์ โทปันจ่า 4.จ.อ.โสรส ฤทธิ์กำลัง 5.จ.อ.พงษ์ศักดิ์ จันทพรม อาการสาหัส ส่วนชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บ คือ 1.นายรอเซ็ง ชุชามา พ่อค้าขายปลา อยู่บ้านเลขที่ 98 ม.2 ต.ลุโบะบือซา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส 2.นายต่วนยา การียา อยู่บ้านเลขที่ 174/2 ต.มะรือโบตก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส นอกจากนี้ ยังพบว่ามีรถยนต์ปิคอัพของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย 1 คัน และรถยนต์ของชาวบ้านอีก 3 คัน
ต่อมาเวลา 12.00 น. พ.จ.ท.วิโรจน์ ทันสุวรรณ สังกัด นย.ฉก.26 ได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารอีก 4 นายประกอบด้วย จ.อ.นันทวัฒน์ เครือสุวรรณ, จ.อ.ไชยยงค์ โทปันจ่า,จ.อ.โสรส ฤทธิ์กำลัง และ จ.อ.พงษ์ศักดิ์ จันทพรม ได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลปัตตานี โดย จ.อ.พงษ์ศักดิ์ ยังคงมีอาการสาหัส น่าเป็นห่วง
บุกทลายค่ายหน่วยรบ RKK ในป่าพรุ
ก่อนหน้านี้เวลา 05.00 น.พ.ต.ต.ปรีชา กิ่มเกลี้ยง ผบ.ร้อย หน่วยปฎิบัติการณ์พิเศษ จ.นราธิวาส ที่ 2 ร.ต.ท.จักรี เคล้าศรี ผบ.มว.1 และเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นราธิวาส 31 และ ตชด.447 ได้ร่วมสนธิกำลังกว่า 200 นาย โดยใช้กฎอัยการศึกทำการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ป่าพรุ บริเวณบ้านตาเซ๊ะเหนือ หมู่ 5 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี หลังสืบทราบว่า มีการเคลื่อนไหวและมีค่ายพักย่อยของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ RKK ที่มีนายมูฮัมหมัดรอซาลี อาแวบือซา อยู่บ้านเลขที่ 54 ม.3 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี เป็นหัวหน้าชุด ซึ่งมีสมาชิกในกลุ่ม 4-5 คน ได้รวมตัวกันเพื่อเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ช่วงวันตรุษจีน
เมื่อถึงบริเวณดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันโอบล้อมพื้นที่ พร้อมทั้งตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนเส้นทางในหมู่บ้านที่คาดว่ากลุ่มสมาชิก RKK จะใช้เป็นเส้นทางในการหลบหนีและเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าพิสูจน์ทราบถึงบริเวณดังกล่าว พบว่ากลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่มีนายมูฮัมหมัดรอซาลี เป็นหัวหน้าชุด ซึ่งมีความชำนาญพื้นที่ได้ไหวตัวหลบหนีเจ้าหน้าที่เข้าไปในบริเวณป่าพรุ ซึ่งสามารถทะลุไปยังเขตพื้นที่รอยต่อของ อ.ตากใบและ อ.สุไหงโก-ลก
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบริเวณดังกล่าว พบว่าพื้นที่ป่าพรุดังกล่าวถูกปรับเป็นที่ราบสามารถอาศัยอยู่ได้ 10 คนโดยมีของกลาง 6 รายการที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไว้ อาทิ เปลนอน เสื้อกันหนาว เครื่องแบบชุดลายพรางทหาร รองเท้าแตะ ลูกประคำ และกระเป๋าสตางค์ ที่มีบัตรประชาชนของนายรอห์มา สะแลแม อยู่บ้านเลขที่ 47/3 ม.3 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สุไหงปาดี เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ต่อไป
จากการตรวจสอบทำเนียบบัญชีรายชื่อของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี พบว่า นายมูฮัมหมัดรอซาลี และนายรอห์มา เป็นกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ RKK ที่หลบหนีจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่บ้านดอเฮะ ม.3 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี เมื่อวันที่ 10 ส.ค.50 ซึ่งครั้งนั้นเจ้าหน้าที่สามารถวิสามัญลูกสมุนของนายมูฮัมหมัดรอซาลี เสียชีวิต 3 คน จนนายมูฮัมหมัดรอซาลี ต้องหลบหนีไปสร้างค่ายพักย่อยอาศัยกบดานอยู่ในพื้นที่ป่าพรุ บ้านตาเซ๊ะเหนือ โดยมีกลุ่มสมาชิกแนวร่วมในหมู่บ้านตาเซ๊ะเหนือ คอยส่งเสบียงอาหารและแจ้งความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ทางการให้ทราบเป็นระยะๆ เพื่อฉวยโอกาสแฝงตัวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี และอำเภอใกล้เคียงตลอดมา
สนนท.ร้อง กก.สิทธิฯ สอบซ้อม นศ.
วันเดียวกันเวลา 14.00 น.ตัวแทนนักศึกษาจากสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) และองค์กรเครือข่ายประมาณ 40 คน เข้าร้องเรียนต่ออนุกรรมการเฉพาะกิจรณรงค์เพื่อต่อต้านการทรมานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในเรื่องการซ้อมทรมานนักศึกษา 7 คน และพลเรือน 2 คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีนายวสันต์ พานิช กสม.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเป็นผู้รับหนังสือ
นายตูแวดานียา ตูแวแมแง ประธานเครือข่ายนักศึกษาเพื่อพิทักษ์ประชาชน ตัวแทน สนนท. ระบุว่า นักศึกษากลุ่มดังกล่าวได้ถูกจับกุมตัวโดยทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 11 เมื่อวันที่ 27 และวันที่ 29 ม.ค.51 โดยระบุว่ามีส่วนร่วมกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ แต่ในระหว่างการควบคุมตัวได้รับทราบจากญาติของผู้ถูกจับกุมว่ามีการซ้อมทรมานเพื่อให้รับสารภาพเกิดขึ้น แม้ว่าในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่จะปล่อยตัวออกมาแล้ว 5 คน แต่ก็ยังมีหวาดระแวงอยู่
ด้าน นายวสันต์ กล่าวว่า ทางอนุกรรมการฯได้รับเรื่องร้องเรียนมาก่อนหน้านี้แล้ว และได้ส่งตัวแทนของอนุกรรมการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบกรณีดังกล่าว ในขณะที่ก่อนหน้านี้ได้ทำเรื่องขออนุญาตเข้าพบผู้ถูกควบคุม แต่ได้รับการปฏิเสธ กระทั่งได้มีการปล่อยตัวออกมาบางส่วนเมื่อคืนวันที่ 4 ก.พ.51 ส่วนในวันนี้ได้พยายามขอเข้าพบผู้ถูกควบคุมตัวที่เหลืออีก 5 คนที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ จ.ยะลาอีกครั้ง
"ในกรณีอย่างนี้ทางอนุกรรมการฯ จะต้องรีบเดินทางเข้าเยี่ยมโดยด่วน เพราะถ้าช้าเกินไป บาดแผลหรือร่องรอยที่จะต้องตรวจสอบอาจหายไป"
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า นอกจากกรณีของนักศึกษาแล้ว คณะอนุกรรมการฯ ดังกล่าวจะเข้าตรวจสอบกรณีซ้อมทรมานในทุกกรณีที่เกิดขึ้นในกระบวนการที่ไม่ปกติ อาทิ กรณีที่อยู่ในระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ทหาร เป็นต้น ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรมตามปกติก็จะเป็นคณะอนุกรรมการฯ อีกชุดหนึ่ง อย่างไรก็ตาม กระบวนการตรวจสอบจะต้องสอบถามจากผู้ถูกคุมตัวและฟังคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ด้วยเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ก่อนที่จะมีการทำรายงานสรุปและข้อเสนอเพื่อเสนอต่อรัฐบาลในวาระต่อไป