เหยื่อ"แก๊ง ตชด." โฉด เข้าร้องทุกข์ไม่ขาดสาย วันนี้แจ้งเพิ่มอีก 3 ราย พนักงานขายเครื่องสำอาง ร้องถูก พ.ต.ท.สุรกิตต์ อุ้มทำร้ายร่างกาย ยัดยา รายที่สองหนุ่มขับรถรับจ้าง ถูกชุด ร.ต.อ.ณัฏฐ์ อุ้มไปซ้อม จับแก้ผ้าใช้ไฟฟ้าช็อตที่อวัยวะเพศ รีดเงิน 3 แสน รายสุดท้าย พ่อผู้ต้องหาร่วมแก๊ง ตชด. 1 ใน 13 ร้องลูกสาวถูกอุ้มหายจากบ้านไป แถมข่มขู่ให้ทำงาน และเป็นสายลับยาเสพติดให้ หากไม่ทำก็จะถูกยัดข้อหาค้ายาเสพติด
วันนี้( 5 ก.พ.) เมื่อเวลา 08.00 น.ที่สน.บางพลัด นางฉันทนา พึ่งแย้ม อายุ 49 ปี อาชีพพนักงานขายตรงเครื่องสำอาง อยู่บ้านเลขที่ 1127/24 ถ.ไชยพร ต.แม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ประภาส หยงสตาร์ ร้อยเวร สน.บางพลัด เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กรณีที่เคยถูกแก๊ง ตชด.นำโดย พ.ต.ท.สุรกิตต์ คล้ายอุดม รอง ผกก.ตชด.41 พร้อมพวกอีก 5 คน บุกทำร้ายร่างกายถึงในบ้านพัก ด้วยวิธีมัดมือมัดเท้า แล้วใช้ถุงดำครอบหัว จากนั้นก็ถูกจับแก้ผ้าตรวจค้นร่างกาย มิหนำซ้ำยังถูกยัดข้อหาร่วมกันครอบครองยาบ้าจำนวน 1,700 เม็ด และนำตัวส่ง บช.ปส.เมื่อวันที่ 4 ก.พ.47 แต่ศาลมีคำสั่งยกฟ้องในเวลาต่อมาเนื่องจากพบว่าคดีนี้มีพิรุธหลายจุด
นางฉันทนา กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนกำลังพักผ่อนอยู่ในบ้านพักเพียงลำพัง โดยเมื่อเวลา 16.00 น.กลุ่ม ตชด.ดังกล่าว ได้พากันบุกเข้ามาภายในบ้านโดยไม่มีหมายค้นแต่อย่างใด จากนั้น พ.ต.ท.สุรกิตต์ ได้จับตนมัดมือ มัดเท้า ด้วยเศษผ้า ก่อนที่จะใช้ถุงดำครอบหัวจนไม่มีอากาศหายใจเพื่อบังคับให้ตนสารภาพว่า ซุกซ่อนยาบ้าเอาไว้ที่ไหน เมื่อตนตอบว่า ไม่เคยข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ก็ถูกจับแก้ผ้าค้นตัวอย่างละเอียด นอกจากนี้ พ.ต.ท.สุรกิตต์ ยังขู่อีกว่า ถ้าไม่บอกที่ซ่อน และไม่นำเงินจำนวน 1 แสนบาท มามอบให้ ก็จะถูกข่มขืน และยัดข้อหาเพื่อดำเนินคดี
"พอถึงช่วงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่ลูกๆ กับญาติตนกลับมาถึงบ้านพัก แต่ก็ถูก แก๊ง ตชด.ดังกล่าวกีดกัน และไม่ยอมให้เข้ามาในบ้าน โดยข่มขู่ว่า หากใครก้าวเข้ามาภายในบ้านจะถูกจับข้อหาร่วมกันค้ายาเสพติด ซึ่งตอนนั้นลูกๆ และญาติของดิฉันหวาดกลัวมาก ทำให้ไม่มีใครกล้าโทรศัพท์ไปแจ้งความ จากนั้น พ.ต.ท.สุรกิตต์ ได้พาพวกทำการรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้านตนจนพบตู้เซฟซึ่งบรรจุเงินสดจำนวน 8 หมื่นบาท อยู่บนชั้นที่ 2 ของบ้าน ซึ่ง ตชด.ชุดดังกล่าวก็ได้นำเครื่องตัดเหล็กมาทำการตัดประตูตู้เซฟ ก่อนนำเงินทั้งหมดไป"นางฉัทนา กล่าว
นางฉัทนา กล่าวต่อไปว่า หลังจากนั้นตนกลับถูกนำตัวส่งไปที่ บช.ปส.เมื่อเดินทางไปถึงที่นั่นตนก็ต้องตกใจ เนื่องจากพบว่า น้องชาย กับน้องสะใภ้ ถูกนำตัวมาส่งก่อนหน้าแล้วในสภาพร่างกายสะบักสะบอม โดยพวกตนทั้ง 3 คน ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันครอบครองยาบ้า จำนวน 1,700 บาท ซึ่งตนก็พยายามเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พนักงานสอบสวน ของ บช.ปส.ฟังแล้ว แต่ได้รับคำตอบกลับมาว่า ตำรวจก็ทำงานกันอย่างนี้แหล่ะ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 1 ปี 5 เดือนตนกับน้องๆ ต้องใช้เวลาต่อสู้คดีอยู่ในเรือนจำคลองเปรม จนศาลสั่งยกฟ้องตน ส่วนน้องชาย กับ น้องสะใภ้ถูกตัดสินจำคุกนานถึง 37 ปี
นางฉันทา กล่าวว่า หลังจากออกมา คิดว่าจะหมดเคราะห์ แต่กับมาทราบว่า กลุ่มของ ตชด. ดังกล่าว ยังไปแจ้งความ ที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร ว่า ตนติดสินบนเจ้าพนักงาน เป็นเงินจำนวน 6 หมื่นบาท ซึ่งตนพยายามที่จะเข้าแจ้งความ ว่าตนถูก ใส่ความ และกลุ่มตชด.ได้ขโมยเงินของตนไป แต่กับถูกเจ้าหน้าที่ ตำรวจที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร บอกว่า หมดเวลาทำงานแล้วไม่รับแจ้ง ตนจึงไม่กล้าที่จะไปเรียกร้องความเป็นธรรมที่ใด จนมาทราบและเห็นหน้า พ.ต.ท.สุรกิต จากข่าวจึงมาเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม
ร้องลูกชายถูกอุ้ม ซ้อมยัดยา แก้ผ้าช๊อตไฟ รีด 3 แสน
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.30 น. น.ส.สุนารถ บุญประเสริฐ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91/2 หมู่ 5 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ประภาส หยงสตาร์ ร้อยเวร สน.บางพลัด เพื่อร้องทุกข์กรณีที่ลูกชาย คือนายศราวุธ หรือ เจน บุญประเสริฐ อายุ 28 ปี อาชีพขับรถรับจ้าง ถูกแก๊ง ตชด.โดย ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวานิชย์ พร้อมพวกรวม 14 คน อุ้มตัวไปซ้อมทรมานร่างกายด้วยวิธีใช้ถุงดำคลุมศีรษะ จับแก้ผ้าใช้ไฟฟ้าช็อตที่อวัยวะเพศ และทำการรีดทรัพย์จำนวน 3 แสนบาท ก่อนยัดข้อหาครอบครองยาบ้าจำนวน 400 เม็ด ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.เมือง จ.ชุมพร เหตุเกิดภายในห้องพักเลขที่ 8 โรงแรมสายพิณรีสอร์ท ตั้งอยู่ใน อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.50 ซึ่งในขณะนี้นายาวุธ ถูกนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำคลองเปรมเพื่อรอศาลตัดสิน
น.ส.สุนารถ กล่าวว่า เบื้องต้นตนยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดว่าลูกชายถูกอุ้มไปจากที่ใด แต่เท่าที่ได้คุยกันตอนเดินทางไปเยี่ยมในเรือนจำคลองเปรม ทราบว่า ตอนนี้บาดแผลของลูกชายที่ถูกซ้อมยังไม่หายดี และขณะถูกอุ้มตัวไปนั้นลูกชายได้ขับรถเก๋งยี่ห้อเชฟโรเล็ต ไม่ทราบสี และหมายเลขทะเบียนซึ่งเป็นรถของญาติคนหนึ่งไปด้วย และหลังจากถูกส่งตัวไปดำเนินคดีรถเก๋งคันดังกล่าวก็ถูกแก๊งตชด.ยึดหายไป ที่ตนตัดสินใจเข้ามาแจ้งความในวันนี้ก็เพื่ออยากจะขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายที่ต้องตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันกับเหยื่อรายอื่นๆ
ด้าน ร.ต.ท.ประภาส กล่าวว่า ในเบื้องต้นตนจะทำการสอบสวน น.ส.สุนารถ และลงบันทึกประจำวันเอาไว้ จากนั้นได้แนะนำให้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งเป็นท้องที่ที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ตนได้ให้เบอร์โทรศัพท์ของสำนักคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ น.ส.สุนารถ ติดต่อไปขอรับความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ต่อไปอีกด้วย
พ่อผู้ต้องหาร่วม แก๊ง ตชด.ร้องลูกสาวถูกอุ้มให้เป็นสายลับ
ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. นายทองดี แซ่ลิ้ม อายุ 49 ปี อาชีพรับจ้างตกแต่งภายใน อยู่บ้านเลขที่ 255/189 ถนนริมทางรถไฟสายแปดริ้ว แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต กทม.ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของ น.ส.ศิรินทิพย์ โหมดสกุล อายุ 25 ปี 1 ใน 13 ผู้ต้องหา ที่ถูกเจ้าหน้าที่ชุดอรินทราช 26 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางพลัด และ เจ้าหน้าที่ผ่ายสืบสวน สน.พญาไท บุกเข้าจับกุมภายในเซฟเฮ้าส์ อารีย์สัมพันธ์เรสซิเดนท์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 ม.ค.51 ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ประภาส หยงสตาร์ ร้อยเวร สน.บางพลัด เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้กับบุตรสาว
นายทองดี กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่า น.ส.ศิรินทิพย์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของ ตชด.แก๊งนี้ เนื่องจากลูกเลี้ยงตนถูกอุ้มตัวหายไปจากป้ายรถประจำทาง หน้าปากซอยราษฎร์บูรณะ 44 ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 ม.ค.51 จากนั้นลูกเลี้ยงตนได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อกลับมาหาญาติๆ ว่าถูกตำรวจ ตชด.จับไปกักขังไว้ที่เซฟเฮ้าส์ เพื่อข่มขู่ให้ทำงานบ้าน และเป็นสายลับยาเสพติดให้ หากไม่ทำก็จะถูกยัดข้อหาค้ายาเสพติด และอาจทำให้ญาติพี่น้องได้รับความเดือดร้อน จนกระทั่งถูกตำรวจบุกเข้าจับกุมและติดร่างแหไปด้วยในที่สุด ซึ่งตนขอยืนยันอีกครั้งว่า ลูกเลี้ยงตนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแต่อย่างใด
ด้าน ร.ต.ท.ประภาส กล่าวว่า เบื้องต้นตนจะทำการรับเรื่องเอาไว้ก่อน และได้แนะนำให้นายทองดี ไปหาพยาน และหลักฐานตามที่อ้างมายื่นให้ตน และเดินทางไปพบพนักงานสอบ สน.ราษฏร์บูรณะ ท้องที่ที่ น.ส.ศิรินทิพย์ ถูกอุ้ม และ พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ท้องที่ที่ถูกจับกุม ทราบ ถ้าหากนายทองดี ต้องการจะเรียกร้องเอาผิดกับกลุ่ม ตชด.แก๊งนี้ก็สามารถทำได้โดยนำเอาพยาน หลักฐานที่หามาได้ทั้งหมดไปยื่นต่อกรมคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรมต่อไป
พบ ตชด.8 ราย ที่หลบหนีจับได้ทันที!
ที่สน.เพชรเกษม พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สน.เพชรเกษม เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้ทำหนังสือส่งไปให้ต้นสังกัดของ ตชด.ทั้ง 8 นายแล้ว เพื่อให้ส่งตัวทุกคนมาให้การกับพนักงานสอบสวนที่ สน.เพชรเกษม ซึ่งขณะนี้ตนก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก ตชด.ผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย หรือจากญาติๆคนใด ว่าจะเข้ามามอบตัวเลย และหากเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่อื่นพบตัวก็สามารถที่จะจับกุมได้ตลอดเวลาเนื่องจากมีการออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องจะให้ทั้ง 8 รายออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดจะต้องเป็นผู้ทำเรื่องเสนอโดยตรงต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
