ผู้เสียหายที่ถูกแก๊ง ตชด.-ตร.สภอ.เมืองสุราษฎร์ฯ ซ้อมบังคับยัดข้อหา นำหลักฐานเข้าร้องทุกข์ที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ ล่าสุดพบมีเหยื่อเข้าร้องทุกข์แล้ว 58 ราย
วันนี้ (4 ก.พ.)เมื่อเวลา 14.20 น.ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ผู้เสียหายพร้อมญาติ เข้าร้องทุกข์เพื่อขอรับความช่วยเหลือตามกฎหมายต่อ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ กรณีถูกตำรวจ สภ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี และชุดปฏิบัติการ ตชด. 41 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซ้อมบังคับให้รับสารภาพคดียาเสพติด โดยรายแรก คือ นางคำพ้อง ญาติประทุม แม่ของนักโทษชายอุทัยเทวา ญาติประทุม ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุกในคดียาเสพติด 15 เม็ด ขณะนี้ถูกคุมขังในเรือนจำกลาง พัทลุง โดย นางคำพ้อง ยืนยันว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2550 บุตรชายของตนถูกซ้อมทำร้ายร่างกาย ให้รับสารภาพ โดยถูกไฟฟ้าช็อตและเรียกเงิน 70,000 บาท เพื่อแลกกับอิสระ แต่ที่ผ่านมา ตนไม่มีเงินและหมดทางต่อสู้จึงต้องยอมรับสภาพให้ลูกติดคุก แต่เมื่อทราบข่าวการยัดข้อหาในพื้นที่ภาคใต้ ได้ตรวจสอบพบว่า ตำรวจชุดที่จับกุมบุตรชายของตน เป็นชุดเดียวกับ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวณิชย์ จึงต้องเข้าร้องทุกข์เพื่อให้มีการรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่อีกครั้ง
ต่อมาผู้เสียหายอีก 3 ราย ได้แก่ นายธวัชชัย เพชรทอง อายุ 23 ปี นายบารมี บัวดวง อายุ 30 ปี และ น.ส.นฤมล ศักดิ์ณรงค์ อายุ 23 ปี ชาวสุราษฎร์ธานี ได้เข้าร้องทุกข์ต่อกรมคุ้มครองสิทธิฯ โดย นายธวัชชัย ระบุว่า ตนถูกจับกุมหน้าบ้าน นายบารมี ต่อมา ตำรวจนำตัวไป สภ.เมืองสุราษฎร์ฯ นำถุงพลาสติกมาครอบหัวปิดตา แล้วรุมชกต่อยกระทืบ โดยรถปิกอัพของตนที่แม่เป็นคนซื้อให้ก็ถูกตำรวจยึด เพราะคิดว่า เป็นรถที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด คดีของตนถูกยัดยาบ้า 10 เม็ด โดยยาบ้า ตำรวจนำมาให้ภายหลังในช่วงที่ให้ลงนามรับสารภาพ ไม่ได้พบยาเสพติดในรถของตน ในส่วนคดีตนได้ต่อสู้ขอความเป็นธรรม โดยนำภาพถ่ายที่ถูกทำร้ายยื่นแสดงต่อศาล จนศาลยกฟ้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณายื่นอุทธรณ์ของพนักงานอัยการ
ด้าน นายบารมี และ น.ส.นฤมล ซึ่งเป็นแฟนสาวนายบารมี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2548 ร.ต.อ.ชัยรัตน์ จันทร์เกตุ ลูกน้อง พ.ต.ท.สุรกิตติ์ คล้ายอุดม รองผู้กำกับ ตชด.41 ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นในบ้านของตนที่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี จากการตรวจค้นไม่พบยาเสพติด ตำรวจก็ซ้อมบังคับให้รับสารภาพ ต่อหน้าแฟนสาว และทำร้ายร่างกาย น.ส.นฤมล เพื่อให้รับสารภาพในคดียาเสพติด ต่อมาตำรวจได้นำบัตรเอทีเอ็มของตน โดยบังคับให้บอกรหัสไปกดเงินจำนวน 50,000 บาท ในส่วนของกลางยาบ้า 30 เม็ด ตำรวจได้นำมายัดให้ตนภายหลัง เพราะการตรวจค้นในบ้านตนไม่พบยาเสพติด นอกจากนี้ ตำรวจยังตั้งข้อหาว่าตนเป็นเจ้ามือรับแทงพนันฟุตบอลซึ่งข้อหานี้ศาลยกฟ้อง สำหรับคดียาเสพติดศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี ขณะนี้ตนอยู่ระหว่างได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อยื่นอุทธรณ์ ในส่วนของ น.ส.นฤมล ศาลยกฟ้อง
“ผมมีอาชีพขายผักที่ตลาดในเมืองสุราษฎร์ ก็ต้องทิ้งบ้าน ทิ้งอาชีพมาอยู่ที่ประจวบฯส่วนแฟนสาวเรียนอยู่ราชภัฏก็ต้องหยุดเรียน เพราะถูกตำรวจชุดจับกุมคอยจับตามองตลอดทำให้หวาดกลัว ไม่กล้ากลับเข้าสุราษฎร์ฯอีก” นายบารมี กล่าว
อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ กล่าวว่า ขณะนี้ มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ไว้กับกรมคุ้มครองสิทธิฯแล้ว 58 ราย ซึ่งมีทั้งผู้เสียหายที่คดีอยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจ การสอบสวนของอัยการและมีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ส่วนผู้เสียหายที่ถูกจำคุกโดยคดีถึงที่สุดแล้ว มีประมาณ 4-5 ราย โดยเจ้าหน้าที่จะเร่งให้ความช่วยเหลือ และจะประสานไปยัง กรมราชทัณฑ์เพื่อขอดูเอกสารและภาพถ่ายการตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขัง เข้าแดนแรกรับ ในเรือนจำเพื่อตรวจสอบว่า มีร่องรอยการทำร้ายร่างกายอย่างไรบ้าง
วันนี้ (4 ก.พ.)เมื่อเวลา 14.20 น.ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ผู้เสียหายพร้อมญาติ เข้าร้องทุกข์เพื่อขอรับความช่วยเหลือตามกฎหมายต่อ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ กรณีถูกตำรวจ สภ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี และชุดปฏิบัติการ ตชด. 41 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซ้อมบังคับให้รับสารภาพคดียาเสพติด โดยรายแรก คือ นางคำพ้อง ญาติประทุม แม่ของนักโทษชายอุทัยเทวา ญาติประทุม ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุกในคดียาเสพติด 15 เม็ด ขณะนี้ถูกคุมขังในเรือนจำกลาง พัทลุง โดย นางคำพ้อง ยืนยันว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2550 บุตรชายของตนถูกซ้อมทำร้ายร่างกาย ให้รับสารภาพ โดยถูกไฟฟ้าช็อตและเรียกเงิน 70,000 บาท เพื่อแลกกับอิสระ แต่ที่ผ่านมา ตนไม่มีเงินและหมดทางต่อสู้จึงต้องยอมรับสภาพให้ลูกติดคุก แต่เมื่อทราบข่าวการยัดข้อหาในพื้นที่ภาคใต้ ได้ตรวจสอบพบว่า ตำรวจชุดที่จับกุมบุตรชายของตน เป็นชุดเดียวกับ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวณิชย์ จึงต้องเข้าร้องทุกข์เพื่อให้มีการรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่อีกครั้ง
ต่อมาผู้เสียหายอีก 3 ราย ได้แก่ นายธวัชชัย เพชรทอง อายุ 23 ปี นายบารมี บัวดวง อายุ 30 ปี และ น.ส.นฤมล ศักดิ์ณรงค์ อายุ 23 ปี ชาวสุราษฎร์ธานี ได้เข้าร้องทุกข์ต่อกรมคุ้มครองสิทธิฯ โดย นายธวัชชัย ระบุว่า ตนถูกจับกุมหน้าบ้าน นายบารมี ต่อมา ตำรวจนำตัวไป สภ.เมืองสุราษฎร์ฯ นำถุงพลาสติกมาครอบหัวปิดตา แล้วรุมชกต่อยกระทืบ โดยรถปิกอัพของตนที่แม่เป็นคนซื้อให้ก็ถูกตำรวจยึด เพราะคิดว่า เป็นรถที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด คดีของตนถูกยัดยาบ้า 10 เม็ด โดยยาบ้า ตำรวจนำมาให้ภายหลังในช่วงที่ให้ลงนามรับสารภาพ ไม่ได้พบยาเสพติดในรถของตน ในส่วนคดีตนได้ต่อสู้ขอความเป็นธรรม โดยนำภาพถ่ายที่ถูกทำร้ายยื่นแสดงต่อศาล จนศาลยกฟ้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณายื่นอุทธรณ์ของพนักงานอัยการ
ด้าน นายบารมี และ น.ส.นฤมล ซึ่งเป็นแฟนสาวนายบารมี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2548 ร.ต.อ.ชัยรัตน์ จันทร์เกตุ ลูกน้อง พ.ต.ท.สุรกิตติ์ คล้ายอุดม รองผู้กำกับ ตชด.41 ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นในบ้านของตนที่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี จากการตรวจค้นไม่พบยาเสพติด ตำรวจก็ซ้อมบังคับให้รับสารภาพ ต่อหน้าแฟนสาว และทำร้ายร่างกาย น.ส.นฤมล เพื่อให้รับสารภาพในคดียาเสพติด ต่อมาตำรวจได้นำบัตรเอทีเอ็มของตน โดยบังคับให้บอกรหัสไปกดเงินจำนวน 50,000 บาท ในส่วนของกลางยาบ้า 30 เม็ด ตำรวจได้นำมายัดให้ตนภายหลัง เพราะการตรวจค้นในบ้านตนไม่พบยาเสพติด นอกจากนี้ ตำรวจยังตั้งข้อหาว่าตนเป็นเจ้ามือรับแทงพนันฟุตบอลซึ่งข้อหานี้ศาลยกฟ้อง สำหรับคดียาเสพติดศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี ขณะนี้ตนอยู่ระหว่างได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อยื่นอุทธรณ์ ในส่วนของ น.ส.นฤมล ศาลยกฟ้อง
“ผมมีอาชีพขายผักที่ตลาดในเมืองสุราษฎร์ ก็ต้องทิ้งบ้าน ทิ้งอาชีพมาอยู่ที่ประจวบฯส่วนแฟนสาวเรียนอยู่ราชภัฏก็ต้องหยุดเรียน เพราะถูกตำรวจชุดจับกุมคอยจับตามองตลอดทำให้หวาดกลัว ไม่กล้ากลับเข้าสุราษฎร์ฯอีก” นายบารมี กล่าว
อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ กล่าวว่า ขณะนี้ มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ไว้กับกรมคุ้มครองสิทธิฯแล้ว 58 ราย ซึ่งมีทั้งผู้เสียหายที่คดีอยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจ การสอบสวนของอัยการและมีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ส่วนผู้เสียหายที่ถูกจำคุกโดยคดีถึงที่สุดแล้ว มีประมาณ 4-5 ราย โดยเจ้าหน้าที่จะเร่งให้ความช่วยเหลือ และจะประสานไปยัง กรมราชทัณฑ์เพื่อขอดูเอกสารและภาพถ่ายการตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขัง เข้าแดนแรกรับ ในเรือนจำเพื่อตรวจสอบว่า มีร่องรอยการทำร้ายร่างกายอย่างไรบ้าง
