xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อ “แก๊ง ตชด.โฉด” ร้องเพิ่ม 5 ราย ยัดยาแถมพูดเย้ย “มึงไม่มี แต่กูมี”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

เหยื่อแก๊ง ตชด.โฉดอุ้มรีด-ยัดยา-ซ้อม โผล่เพิ่ม เข้าแจ้งความที่กองปราบฯ อีก 5 ราย โดนถ้วนหน้าทั้งชุด ร.ต.อ.ณัฏฐ์ และ พ.ต.ท.สุรกิตติ์ รอง ผกก.ตชด.ที่ 41 ข่มขู่ รีดเงิน ช็อตไฟ สารพัด เหยื่อแฉคำพูดขณะยัดยา “มึงไม่มี แต่กูมี” ครวญครอบครัวเดือดร้อนต้องหาเงินแสนมาสู้คดี

วันนี้ (1 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองปราบปราม นายชัยวิวัฒน์ บุญเกื้อ อายุ 33 ปี ช่างทำเบาะรถจักรยานยนต์อยู่บ้านเลขที่ 68 ถ.กระ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ธราดล เหมพัฒน์ พนักงานสอบสวน (สบ.3) กลุ่มงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวณิชย์ พร้อมพวกในข้อหาทำร้ายร่างกายและกักขังหน่วงเหนี่ยว

นายชัยวิวัฒน์ ให้การว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย.49 เวลาใกล้ค่ำ ขณะที่ตนพร้อมด้วยนายศิริเทพ มิ่งพิจารย์ อายุ 33 ปี และนายเรวัติ รองเมือง อายุ 22 ปี อยู่ในร้านนุ่ยการเบาะ ได้ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 4 คนเข้ามาที่ร้านพร้อมทั้งปิดประตูขังไว้ นายเรวัติจึงถามว่าเป็นใคร ชายทั้งหมดอ้างว่าเป็น ตชด.ที่ 425 อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา มาจับกุมยาบ้า นายเรวัตรจึงถามย้อนกลับไปว่ามีหมายศาลหรือเปล่า ทันใดนั้นหนึ่งในกลุ่มชายดังกล่าวตบเข้าที่ใบหน้านายเรวัฒน์อย่างแรง พร้อมทั้งพูดว่านี่ไงหมายศาล จากนั้นทั้งหมดได้ช่วยกันรื้อค้นจนทั่วร้านแต่ไม่พบยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด

นายชัยวิวัฒน์ ให้การต่อว่า จากนั้นพวกตนทั้ง 3 ราย ได้ถูกพาตัวไปที่โรงแรมสะปำอินน์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต แล้วนำเข้าไปที่ห้องเลขที่ 107 ระหว่างทางถูกเจ้าหน้าที่ข่มขู่ต่างๆ นานาให้รับสารภาพ เมื่อเข้าไปถึงก็พบ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้จับแยกกันสอบสวน ส่วนตนก็ถูกกักตัวไว้ในห้องดังกล่าว ต่อมาลูกน้องของ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ได้เข้าไปเปิดก๊อกน้ำในห้องน้ำเพื่อให้มีเสียงดังแล้วก็นำเอาผ้ามาปิดตาไว้ จากนั้นตนถูกซ้อม ทั้งตบและเตะ บีบบังคับให้รับสารภาพ นอกจากนี้ยังถูกใช้ไฟฟ้ามาช็อตที่ขาข้างขวา ทำให้ทนไม่ไหวจึงยอมรับสารภาพว่ามียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 16 เม็ด นอกจากนี้ ลูกน้องของ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ขอเช่าแหวน และเหรียญของหลวงพ่อแช่ม วัดท่าฉลอง ราคาหลักหมื่นบาท แต่ก็ถูกข่มขู่และบังคับขอเช่าไปเพียง 750 บาทเท่านั้น

นายชัยวิวัฒน์ ให้การต่อว่า ส่วนเพื่อนอีกสองคนนั้นทราบภายหลังว่าโดนกันไปเพียงคนละเม็ดสองเม็ด ต่อมาวันรุ่งขึ้นจึงถูกนำตัวส่งไปดำเนินคดีที่ สภ.เมืองภูเก็ต เมื่อถึงโรงพักแล้วตนก็เลยร้องหาทนายเพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือ เพราะว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดแต่อย่างใด เมื่อได้พบทนายแล้วก็เลยบอกว่าถูกซ้อมเพื่อให้รับสารภาพ ทางทนายจึงขออนุญาตส่งตัวไปตรวจร่างกายที่ รพ.วชิระภูเก็ต เพื่อหาร่องรอยการถูกทำร้าย ซึ่งผลตรวจออกมาทางแพทย์ก็ยืนยันว่ามีร่องรอยถูกทำร้ายร่างกายจริง หลังจากได้ใบรับรองแพทย์แล้วจึงเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับชุดจับกุมทั้งหมดในข้อหาทำร้ายร่างกายกับตำรวจ สภ.เมือง ภูเก็ต แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ กระทั่งมาทราบข่าวก็เลยเข้ามาแจ้งความต่อตำรวจกองปราบปราม

“ตอนที่ถูกปิดตาและถูกซ้อมนั้นคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ เพราะเขาขู่ว่าจะไปซื้อธูปเทียน และยางรถยนต์มาเผานั่งยาง หลังเกิดเหตุครอบครัวเดือดร้อนอย่างหนักเพราะต้องหาเงินสู้คดี หมดไปเกือบ 3 แสนบาทแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่กล้าเข้าร้องเรียนเนื่องจากเกรงว่า ร.ต.อ.ณัฏฐ์ จะตามมาทำร้ายอีก ส่วนคดีของผมที่ถูกจับกุมนั้นขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสืบพยานในชั้นศาล” นายชัยวิวัฒน์ กล่าว

ต่อมาเวลา 13.30 น. นายนุกูล เรืองจุ้ย อายุ 44 ปี และ น.ส.สมศรี ยศอินทร์ อายุ 45 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 147/14 หมุ่ที่ 9 ต.พังพรุ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เข้าพบ พ.ต.ท.ธราดร เพื่อแจ้งความเอาผิดต่อ พ.ต.ท.สุรกิตติ์ คล้ายอุดม รอง ผกก.ตชด.ที่ 41 ในข้อหาเป็นเจ้าหนักงานประพฤติหน้าที่โดยมิชอบ กักขังหน่วงเหนี่ยว และปล้นทรัพย์

นายนุกูล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค.50 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.สุรกิตติ์ และพวกจับกุม นายอำนาจ เรืองจุ้ย หรือเอ็กซ์ อายุ 20 ปี บุตรชาย ในข้อหาร่วมกันครอบครองยาบ้าจำนวน 1,182 เม็ด เหตุเกิดที่โรงแรมปาร์คอินน์ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยหลังเกิดเหตุบุตรชายเล่ารายละเอียดให้ฟังว่า ก่อนถูกจับกุมเพื่อนของบุตรชายได้โทรศัพท์มาประมาณ 10 ครั้งให้มาเจอที่โรงแรมดังกล่าว บุตรชายจึงเดินทางไปพบ เมื่อไปถึงพบชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้ปืนมาจ่อที่ศีรษะก่อนนำตัวเข้าไปในห้องพักพบเพื่อนคนดังกล่าวถูกจับคว่ำหน้าอยู่ก่อนแล้ว

นายนุกูล กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นได้เข้ามาซ้อมให้รับสารภาพว่าร่วมกันครอบครองยาบ้า แต่ลูกชายไม่ยอมรับจึงถูกซ้อม และถูกจับเอาศีรษะกดน้ำ 2 วัน 2 คืน ที่สุดบุตรชายทนถูกทำร้ายไม่ไหวจึงยอมรับสารภาพ ต่อมาบุตรชายจึงโทรศัพท์มาหาบอกให้นำเงินจำนวน 1 แสนบาทมาให้เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี ซึ่งตนทำงานรับจ้างหาเช้ากินค่ำไม่รู้เอาเงินที่ไหนไปให้ และเมื่อบุตรชายถูกส่งไปดำเนินคดีขณะนี้ได้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำคลองเปรม หลังทราบข่าวกลุ่มเจ้าหน้าที่ ตชด.ที่ 41 ถูกตำรวจนครบาลจับกุมหลังจับ 3 แม่ลูกเรียกค่าไถ่ จึงเข้าร้องเรียนที่สภาทนายความและเข้าแจ้งความกองปราบปรามดังกล่าว

วันเดียวกัน นายโชคดี ทองโอ อายุ 32 ปี อยู่เลขที่ 72/6 หมู่ 1 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ อาชีพขับเรือหางยาว เข้าพบ พ.ต.ท.ธราดล เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ กับพวก ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกาย

นายโชคดี ให้การว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2550 ขณะที่ขับรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นแลนเซอร์ หมายเลขทะเบียน กก 1352 กระบี่ ที่บริเวณถนนสายน้ำเมา หมู่ 5 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ ได้ถูก ร.ต.อ.ณัฏฐ์ และพวก 5 คน ขับรถยนต์ปาดหน้าและถูกใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้จอดก่อนเข้าตรวจค้นรถ ซึ่งตนได้บอกว่ารถตนไม่มีสิ่งผิดกฎหมายอะไร แต่หนึ่งในนั้นได้นำกระเป๋าสีดำมาเปิดให้ดูพบกัญชาอัดแท่งและยาบ้าจำนวนหนึ่ง พร้อมกับพูดว่า “มึงไม่มี แต่กูมี”

นายโชคดี กล่าวอีกว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้พาไปที่บ้าน นายประภาส หรือหมี สุขศรี ซึ่งมีตำรวจอีกชุดหนึ่งเข้าตรวจค้น โดยพบกัญชา 11 กิโลกรัม ทางชุดจับกุมจึงแบ่งของนายหมีมาให้ตนจำนวน 2 กิโลกรัม พร้อมทั้งควบคุมตัวไปที่กองร้อยอาสา จ.กระบี่ แล้วพนักงานสอบสวนได้นำบันทึกจับกุมมาให้เซ็นโดยไม่ให้อ่านแต่อย่างใด เมื่อเห็นดังนั้นตนจึงบอกปัดไม่เซ็นรับสารภาพจึงถูกทำร้ายร่างกาย จับราดน้ำและใช้ไฟฟ้าช็อต ก่อนถูกส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.เมืองกระบี่ โดยของกลางนอกจากกัญชา และรถยนต์ของตนแล้ว ทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ มูลค่ากว่า 20,000 บาท ที่ถูกตรวจยึดไปก่อนหน้านี้กลับไม่ปรากฎในบัญชีของกลางแต่อย่างใด

“เหมือนเคราะห์ซ้ำ หลังเกิดสึนามิจนหมดตัว มาถูกตำรวจยัดกัญชาให้ทั้งๆ ที่ไม่เคยขายกัญชาแต่อย่างใด” นายโชคดี กล่าว

ต่อมา เมื่อเวลา 15.00 น. นางจำนง รุ่งเรืองมา อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101 ม.7 ต.พังรา อ.พังรา จ.สงขลา เข้าพบพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีต่อ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ และพวก กรณีที่นายธวัชชัย รุ่งเรืองมา อายุ 28 ปี บุตรชาย และ น.ส.ขวัญฤทัย แก้วปู อายุ 24 ปี แฟนสาว ถูก ร.ต.อ.ณัฏฐ์ จับกุมในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง

นางจำนง กล่าวว่า บุตรชายมีอาชีพ ขายรถยนตร์มือสองรวมถึงขายส่งเสื้อผ้า ซึ่งหลังจากถูกจับกุมบุตรชายได้เล่าเหตุการณ์ให้ตนฟังว่า ในวันเกิดเหตุวันที่ 10 มีนาคม 2550ได้มีคนโทรเข้าหาบุตรชาย โดยใช้แทนชื่อตัวเองว่าอ๊อด เพื่อติดต่อขอซื้อรถ และนัดทำสัญญาซื้อขายกันที่ บริเวณวัดหนามแดง จ.สมุทรปราการ หลังจากที่บุตรชายพร้อมแฟนไปถึง ได้มีชายเดินมาถามชื่อ จากนั้นมีกลุ่มเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมบุตรชายและแฟนสาว โดยการนำผ้ามาปิดตา ต่อมากลุ่มคนร้ายจึงพามาขังไว้ในเซฟเฮาส์ ซึ่งบุตรชายไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด จากนั้นชายกลุ่มดังกล่าวจึงรุมซ้อมทำร้ายร่างกายทั้งสอง พร้อมทั้งถามหาเงิน โดยในขณะนั้นแฟนของบุตรชายมีเงินสดติดตัวอยู่ 65,000 บาท เจ้าหน้าที่ได้หยิบเอาไปทั้งหมด และหันมาซ้อมบุตรชายต่อโดยบังคับให้เอาเงินมาทั้งหมด บุตรชายจึงบอกไปว่ามีอยู่ในบัญชีธนาคารอีก 25,000 บาท ซึ่งรวมกันแล้วชายกลุ่มนั้นได้เงินไปทั้งหมด 90,000 กว่าบาท จากนั้นในตอนเย็นได้พาทั้งสองคนมาค้นที่ หอพักลูกจันทร์ ซ.ลาดพร้าว 102 หลังจากตรวจค้นเสร็จ ปรากฏว่าไม่พบยาเสพติดแต่อย่างใด จึงนำทั้งสองคนกลับมาทำร้ายร่างกายต่อที่บ้านหลังเดิม ก่อนยัดยาบ้าจำนวน 2,000 เม็ด แล้วนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ขณะนี้บุตรชายและแฟนถูกจำคุกอยู่เรือนจำคลองด่าน





กำลังโหลดความคิดเห็น