สนนท.ออกแถลงการณ์จี้รัฐถอน “ทหารพราน 41” จ.ยะลา ออกนอกพื้นที่โดยด่วน หลังก่อเหตุไล่ยิงชาวบ้าน พร้อมเรียกร้องให้ทบทวนบทบาททหารที่แก้ปัญหาล้มเหลว ชี้ควรใช้แนวทางดับไฟใต้บนพื้นฐานของความเป็นจริง
วานนี้ (2 ก.พ.) สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) และองค์กรภาคี ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ บนพื้นฐานของความเป็นจริง คือ 1.ขอเรียกร้องให้รัฐถอนทหารพรานออกจากพื้นที่โดยด่วน และภาครัฐควรทบทวนนโยบายและแนวทางในการแก้ ปัญหาโดยเฉพาะบทบาทของทหารต้องลดลงจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
2.ขอเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการสอบสวนในกรณีบ้านตันหยง ต.บาเจาะ อ.บันนังสะตา จ.ยะลา โดยต้องมีผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งชี้แจงต่อสาธารณชนอย่างเปิดเผย และ สนนท.ขอให้คดีนี้เป็นกรณีศึกษาของสังคมไทย 3.ขอให้คนในสังคมไทยปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับปัญหาชายแดนภาคใต้ ด้วยการทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นจริง และเป็นธรรม โดยเฉพาะบทบาทของทหารและอำนาจรัฐที่ใช้ไปอย่างเต็มที่ แต่ล้มเหลวในการแก้ปัญหา
ส่วนสาเหตุที่ สนนท.ต้องออกแถลงการณ์ในครั้งนี้นั้น สืบเนื่องมาจากกรณีมีคนร้ายแต่งกายคล้ายทหารพรานยิงชาวบ้านบาดเจ็บ โดยถูกชาวบ้านยิงสวนดับคาที่หนึ่งศพตามที่สถาบันข่าวอิสราได้นำเสนอเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าในวันรุ่งขึ้นความมีชัดเจนของเหตุการณ์ คือ คนร้ายแต่งกายคล้ายทหารพรานซึ่งถูกชาวบ้านยิงตอบโต้จนเสียชีวิตขณะไล่ยิงชาวบ้านนั้น เป็นทหารพรานจากกรม ทพ.41 ซึ่งเป็นหน่วยเฉพาะกิจที่ปฏิบัติการทางทหารในเขตพื้นที่บันนังสะตา
โดยชุด ฉก.ชุดนี้เคยมีพฤติการณ์คุกคาม และใช้ความรุนแรงกับชาวบ้าน และผู้บริสุทธิ์ จนนำไปสู่การชุมนุมที่มัสยิดกลาง จ.ปัตตานี เมื่อต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนชนวนเหตุที่ชาวบ้านต้องชุมนุมในครั้งนั้น คือ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นการกระทำของทหารพราน และอีกหลายๆ เหตุการณ์ เช่น กรณีการข่มขืนแล้วฆ่า น.ส.นูรฮายาตี อันฉาวโฉด ที่บ้านบาซาลาแป ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา เมื่อเดือน พ.ค.2550
รวมทั้งกรณีการซ้อมทรมาน นายยาซาการียา ปะโอ๊ะมาน ในระหว่างการควบคุมตัว อย่างป่าเถื่อนที่บ้านคอลอบาแล อ.บันนังสตา เมื่อเดือน มิ.ย.2550 ฯลฯ และในกรณีที่เกิดขึ้นที่บ้านตันหยง อ.บันนังสะตา จ.ยะลา ในครั้งนี้ ถือเป็นวีรกรรมอันเหี้ยมหาญล่าสุด ของกรมทหารพรานที่ 41 ผู้เป็นต้นขั้วของวาทกรรม “ทหารพรานยิงชาวบ้าน” เป็นการเน้นย้ำถึงรูปธรรมของความรุนแรงที่ทหารเองเป็นภัยคุกคามความสุขสงบของประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
อีกทั้งสิ่งที่น่าละอายอย่างที่สุดนั่นก็คือ การออกมาปฏิเสธความผิดอย่างไม่รับผิดชอบของ พ.อ.ทีม เรือนโต ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 41 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของชุดอาสาสมัครทหารพรานชุดดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่มีมานานแล้ว ระหว่างทหารอันทะพาลกับชาวบ้านที่ถูกไล่ยิง และหากเป็นเช่นนั้นจริงก็เป็นการพิสูจน์ถึงความไร้ระเบียบ และประสิทธิภาพการบังคับบัญชาของฝ่ายความมั่นคง
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ความเชื่อมั่น และความไว้วางใจต่อทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่พอจะเคยมีอยู่บ้างนั้น ถูกแทนที่ด้วยความหวาดระแวง และไม่ไว้วางใจ เพราะพฤติกรรม และระเบียบวินัยของทหาร หากแต่ที่ผ่านมาภาครัฐ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่เคยตระหนัก และให้ความสำคัญในเรื่องนี้ แต่กลับมองประชาชนด้วยความหวาดระแวงและไม่ไว้วางใจ ซึ่งตรงข้ามกันกับความจริงโดยสิ้นเชิง จากความจริงข้อนี้ถ้าหากจะมีการก่อการร้ายในประเทศไทยตามที่ภาครัฐนำเสนอต่อประชาคมโลก ก็คงไม่เป็นการยากที่จะเข้าใจว่าโจรก่อการร้ายที่แท้จริงคือทหารนั่นเอง
สนนท.ยังเห็นว่าพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้ถูกอำนาจรัฐคุกคามอยู่ตลอดมาโดยไม่ได้แบ่งแยกว่าใครคือผู้ก่อความไม่สงบ ใครคือผู้บริสุทธิ์ และนี่เป็นการส่งสัญญาณว่าเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อาจนำไปสู่การทำสงครามกับประชาชนในอนาคต ซึ่งไม่ได้เป็นความต้องการของสังคมไทยเลย หากแต่เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องตระหนักถึง
วานนี้ (2 ก.พ.) สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) และองค์กรภาคี ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ บนพื้นฐานของความเป็นจริง คือ 1.ขอเรียกร้องให้รัฐถอนทหารพรานออกจากพื้นที่โดยด่วน และภาครัฐควรทบทวนนโยบายและแนวทางในการแก้ ปัญหาโดยเฉพาะบทบาทของทหารต้องลดลงจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
2.ขอเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการสอบสวนในกรณีบ้านตันหยง ต.บาเจาะ อ.บันนังสะตา จ.ยะลา โดยต้องมีผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งชี้แจงต่อสาธารณชนอย่างเปิดเผย และ สนนท.ขอให้คดีนี้เป็นกรณีศึกษาของสังคมไทย 3.ขอให้คนในสังคมไทยปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับปัญหาชายแดนภาคใต้ ด้วยการทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นจริง และเป็นธรรม โดยเฉพาะบทบาทของทหารและอำนาจรัฐที่ใช้ไปอย่างเต็มที่ แต่ล้มเหลวในการแก้ปัญหา
ส่วนสาเหตุที่ สนนท.ต้องออกแถลงการณ์ในครั้งนี้นั้น สืบเนื่องมาจากกรณีมีคนร้ายแต่งกายคล้ายทหารพรานยิงชาวบ้านบาดเจ็บ โดยถูกชาวบ้านยิงสวนดับคาที่หนึ่งศพตามที่สถาบันข่าวอิสราได้นำเสนอเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าในวันรุ่งขึ้นความมีชัดเจนของเหตุการณ์ คือ คนร้ายแต่งกายคล้ายทหารพรานซึ่งถูกชาวบ้านยิงตอบโต้จนเสียชีวิตขณะไล่ยิงชาวบ้านนั้น เป็นทหารพรานจากกรม ทพ.41 ซึ่งเป็นหน่วยเฉพาะกิจที่ปฏิบัติการทางทหารในเขตพื้นที่บันนังสะตา
โดยชุด ฉก.ชุดนี้เคยมีพฤติการณ์คุกคาม และใช้ความรุนแรงกับชาวบ้าน และผู้บริสุทธิ์ จนนำไปสู่การชุมนุมที่มัสยิดกลาง จ.ปัตตานี เมื่อต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนชนวนเหตุที่ชาวบ้านต้องชุมนุมในครั้งนั้น คือ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นการกระทำของทหารพราน และอีกหลายๆ เหตุการณ์ เช่น กรณีการข่มขืนแล้วฆ่า น.ส.นูรฮายาตี อันฉาวโฉด ที่บ้านบาซาลาแป ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา เมื่อเดือน พ.ค.2550
รวมทั้งกรณีการซ้อมทรมาน นายยาซาการียา ปะโอ๊ะมาน ในระหว่างการควบคุมตัว อย่างป่าเถื่อนที่บ้านคอลอบาแล อ.บันนังสตา เมื่อเดือน มิ.ย.2550 ฯลฯ และในกรณีที่เกิดขึ้นที่บ้านตันหยง อ.บันนังสะตา จ.ยะลา ในครั้งนี้ ถือเป็นวีรกรรมอันเหี้ยมหาญล่าสุด ของกรมทหารพรานที่ 41 ผู้เป็นต้นขั้วของวาทกรรม “ทหารพรานยิงชาวบ้าน” เป็นการเน้นย้ำถึงรูปธรรมของความรุนแรงที่ทหารเองเป็นภัยคุกคามความสุขสงบของประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
อีกทั้งสิ่งที่น่าละอายอย่างที่สุดนั่นก็คือ การออกมาปฏิเสธความผิดอย่างไม่รับผิดชอบของ พ.อ.ทีม เรือนโต ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 41 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของชุดอาสาสมัครทหารพรานชุดดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่มีมานานแล้ว ระหว่างทหารอันทะพาลกับชาวบ้านที่ถูกไล่ยิง และหากเป็นเช่นนั้นจริงก็เป็นการพิสูจน์ถึงความไร้ระเบียบ และประสิทธิภาพการบังคับบัญชาของฝ่ายความมั่นคง
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ความเชื่อมั่น และความไว้วางใจต่อทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่พอจะเคยมีอยู่บ้างนั้น ถูกแทนที่ด้วยความหวาดระแวง และไม่ไว้วางใจ เพราะพฤติกรรม และระเบียบวินัยของทหาร หากแต่ที่ผ่านมาภาครัฐ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่เคยตระหนัก และให้ความสำคัญในเรื่องนี้ แต่กลับมองประชาชนด้วยความหวาดระแวงและไม่ไว้วางใจ ซึ่งตรงข้ามกันกับความจริงโดยสิ้นเชิง จากความจริงข้อนี้ถ้าหากจะมีการก่อการร้ายในประเทศไทยตามที่ภาครัฐนำเสนอต่อประชาคมโลก ก็คงไม่เป็นการยากที่จะเข้าใจว่าโจรก่อการร้ายที่แท้จริงคือทหารนั่นเอง
สนนท.ยังเห็นว่าพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้ถูกอำนาจรัฐคุกคามอยู่ตลอดมาโดยไม่ได้แบ่งแยกว่าใครคือผู้ก่อความไม่สงบ ใครคือผู้บริสุทธิ์ และนี่เป็นการส่งสัญญาณว่าเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อาจนำไปสู่การทำสงครามกับประชาชนในอนาคต ซึ่งไม่ได้เป็นความต้องการของสังคมไทยเลย หากแต่เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องตระหนักถึง