“สมัคร” หนุนแนวคิดผู้นำอิสระ ปลดอาวุธประชาชน เจ้าหน้าที่ยศต่ำกว่า “ร.ท.” และ “ร.ต.ท.” และให้ทหารกลับเข้ากรม กอง ด้านรองสมุหราชองครักษ์ ในสมเด็จพระราชินีเผยพระองค์ทรงห่วงใยชาวใต้ จนท.บุกรวบแกนนำ RKK ระดับสั่งการได้อีก 1 ในพื้นที่สะบ้าย้อย ขณะกบดานเตรียมก่อเหตุร้ายช่วงตรุษจีน สารภาพเข้าร่วมขบวนการราว 10 ปีก่อเหตุร้ายมาแล้วหลายครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (5 ม.ค.ฉ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชาชน(พปช.) เปิดห้องประชุมพรรค ให้ผู้แทนจุฬาราชมนตรี ร่วมกับคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ซึ่งนำโดย นายพิเชษฐ สถิรชวาล เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยตัวแทนชาวมุสลิมกว่า 40 คน เข้าพบเพื่อมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดี และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
นายสมัคร กล่าวว่า ใครก็ตามที่เกิดบนแผ่นดินไทย ไม่ว่าจะนับถือศาสนาไหน ก็เป็นเพื่อนพ้องกัน ตนไม่เคยแบ่งแยกใคร ในส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาภาคใต้นั้น ไม่ขออวดศักดาว่ามีสติปัญญาเข้าไปแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ ตนเสียใจที่เกิดเหตุการณ์ไม่ดี อยากให้ภาคใต้เป็นเหมือน 30 ปีที่แล้วที่ชาวไทยพุทธและมุสลิมอยู่ร่วมกันได้ ทุกวันนี้ความเป็นพวกพ้องของตนและพี่น้องชาวมุสลิมยังเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ตนจะได้เป็นรมว.กลาโหมก็ต้องลงไปพูดคุย แต่ไม่ได้ไปพูดกับผู้ก่อการร้าย แต่จะไปพูดคุยกับทหาร ทั้งนี้ ทุกวันนี้มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) เข้ามาดูแล สถานการณ์ต่างๆ จึงดีขึ้น
ด้านนายบรรจง โซ๊ะมณี รองประธานคณะกรรมการกลางอิสลามฯ เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาภาคใต้ว่า ทุกศาสนาควรใช้หลักธรรมเข้ามาแก้ไขปัญหา โดย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องปลอดอบายมุขและปลอดอาวุธใครที่มีอาวุธให้คืนเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ในกรณีที่อาวุธมีทะเบียนก็ให้ตีราคาคืน เงิน ภายใน 3 เดือนหลังจากนี้ไปให้ผู้นำชุมชนร่วมกับเจ้าหน้าที่มีอำนาจตรวจสอบบ้าน ที่ต้องสงสัยว่ามีอาวุธหากพบหัวหน้าครอบครัวจะต้องถูกประหารชีวิตหรือยิงทิ้ง นอกจากนี้ให้ปลดอาวุธตำรวจตั้งแต่ ร้อยโทและร้อยตำรวจโทลงไป อีกทั้งรัฐต้องส่งเสริมการสร้างอาชีพและศาสนาโดยยึดพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมัครเห็นด้วยกับการปลดอาวุธและให้ทหารกลับเข้ากรมกอง ส่วนเรื่องที่จะประหารชีวิต คงไม่ได้จะใช้วิธีการจำคุกตลอดชีวิตแทน นอกจากนี้ นายสมัครยังเสนอให้มีการเรียนการสอนภาษาไทยและภาษายาวีควบคู่กันอย่างละครึ่ง เพื่อที่จะสามารถเทียบปริญญาหรือประกาศนียบัตร เทียบเท่ากับภาษาไทยได้โดยข้อเสนอนี้จะเอาเป็นข้อคิด และนำไปใช้ในเวลาอันใกล้ ที่เห็นว่าสามารถประกาศให้มีผลได้
“วันนี้ผมต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองสักหน่อย ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ไปก็จะหนัก วันนี้ต้องขอบคุณที่มีคนมาช่วยชี้ทางซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่นายกฯคิดเอง แต่เป็นพรรคพวกเสนอและคิดว่าการแก้ไขปัญหาไปได้ไม่ยากเลย ของอย่างนี้บางทีก็เรียกว่าเส้นผมบังภูเขา หรือบางทีก็เรียกว่าภูเขาบังเส้นผม”
สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทวีความรุนแรง มากขึ้น นับตั้งแต่เริ่มมีรัฐบาลชุดใหม่ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 เข้ามาบริหารประเทศ โดยเมื่อเวลา 14.30 น.วานนี้ (5 ก.พ.) ร.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ เอี่ยมอ่อน ร้อยเวร สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดเหตุใช้อาวุธปืนสงครามและเผารถยนต์บริเวณบนถนนหลวงสายตะโล๊ะหะลอ - กะพ้อ บ้านยือริง หมู่ที่1 ต.เกะรอ เมื่อนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าแคป ไฮลักซ์วีโก้ ฟรีรันเนอร์ สีดำ ทะเบียน บจ.6479 ยะลา สภาพถูกไฟไหม้บริเวณเก๋ง ได้รับความเสียทั้งหมด ภายในแคป พบศพนายมะตามีซี ลาแต อายุ 32 ปี ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 สภาพถูกไฟคลอกไหม้เกรียมทั้งตัว
ส่วนคนเจ็บอีก 3 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลรามัน ทราบชื่อ นายยูนุ๊ ติผอง อายุ 55 ปี ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านแหลมทราย ต.เกะรอ ถูกยิงที่ลำตัวหลายนัด เสียชีวิตที่โรงพยาบาล นายมะรุสดำ ติผอง อายุ 31 ปี ลูกชายผู้ใหญ่บ้านผู้เสียชีวิต ตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อย ถูกยิงที่ขาขวาและนายมะแอ ลาแซ อายุ 43 ปี ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง ถูกยิงที่ขาขวาและใต้รักแร้ทั้งสองบาดเจ็บสาหัส
สอบสวนทราบว่า ผู้ตาย และผู้บาดเจ็บทั้งหมดนั่งรถยนต์กลับมาจากประชุมประจำเดือน ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอรามัน หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมได้เดินทางกลับบ้าน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้ายยังไม่ทราบจำนวน ใช้รถยนต์กระบะ ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน ใช้อาวุธปืนสงคราม เอ็ม 16 และ อาก้า(AK47) กราดยิง จนรถยนต์เสียหลักตกลงไปจอดอยู่ข้างทาง คนร้ายยังได้ลงไปจุดไฟเผา ก่อนหลบหนีไป
หลังก่อเหตุชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปช่วยนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลรามัน ในเวลาต่อมา ส่วนคนที่อยู่ในรถ ชาวบ้านไม่กล้าให้การช่วยเหลือเนื่องจากไฟกำลังลุกไหม้ จึงปล่อยให้ถูกไฟคลอกจนไหม้เกรียมดังกล่าว
ในเวลาเดียวกัน พ.ต.อ.สวัสดิ์ เตียวิรัตน์ ผกก.สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิด เจ้าน้าที่ทหาร ชุด ชป.พิเศษร้อย ร.7535 ขณะออกลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยเส้นทางและคุ้มครองครู บนถนนสายทำนบ - กูวา บ้านกูวา หมู่ที่ 1 ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ตรวจสอบพบว่าคนร้ายใช้ระเบิดชนิดแสวงเครื่องฝังใต้ถนน กดระเบิดด้วยรีโมทคอนโทรน แต่โชคดีรถยนต์ผ่านจุดระเบิดก่อนที่ระเบิดจะทำงาน จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
จับแกนนำ RKK เตรียมบึ้มตรุษจีน
ก่อนหน้านี้เวลา 03.00 น.กำลังเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้า ยะลา นำโดย พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผบก.ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่รองหัวหน้างานสืบสวนคดีสำคัญศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ส่วนหน้า ได้สนธิกำลัง ตชด.43, ฉก.กรมทหารพราน 42 และกำลังตำรวจของ สภ.จะนะ จ.สงขลา เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 91/2 ม.8 ต.บ้านนา อ.จะนะ โดยอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึก ก่อนที่จะรวบตัว นายมะลีกี ใบสะหนิ อายุ 27 ปี อยู่ล้านเลขที่ 31 ม.1 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา สมาชิก RKK ระดับหัวหน้าสั่งการ โดยรับผิดชอบก่อนเหตุในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดน จ.สงขลา และเป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่ติดตามตัวมานานกว่า 2 ปี
จากการสอบสวนนายมะลีกี ให้การรับสารภาพว่าเป็นสมาชิก RKK ชุดหน่วยคอมมานโดและเป็นครูฝึก โดยเข้ามาอยู่ในกลุ่มประมาณ 10 ปี อยู่ในสังกัดของนายมักกะตา มูซอ โดยเข้าฝึกอบรมครั้งแรกที่โรงเรียนปอเนาะบ้านควนหรัน ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
จากนั้นจึงไปฝึกเป็นหน่วยคอมมานโดต่อที่ จ.ปัตตานี และได้ร่วมกับแนวร่วมก่อเหตุในพื้นที่หลายเหตุการณ์ทั้งยิงตำรวจและชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ เผาศาลา และตัดต้นยางพาราของชาวบ้าน และเป็นคนยิง นายยูโสะ เจ๊ะลือมัน ผญบ.ม.2 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย เมื่อวันที่ 17 พ.ค.50 ก่อนที่จะหลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเลขที่ 91/2 ม.8 ต.บ้านนา อ.จะนะ เพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.จะนะ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่จากการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวไม่พบวัตถุต้องสงสัยแต่อย่างใด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปให้ทาง พตท.และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าสอบสวนขยายผลต่อไป
ด้าน พล.อ.ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กล่าวในงานเสวนาพิเศษเรื่อง 'สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กับการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าช่วยแก้ไขปัญหา' ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปกดขี่ข่มเหง ไม่ให้ความเป็นธรรม และทอดทิ้งให้พวกเขาลำบากมานาน ความเชื่อดังกล่าวได้กลายเป็นเงื่อนไขของกลุ่มก่อความไม่สงบขึ้น ทั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นห่วงประชาชนทุกคนและได้มีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการมากมาย
“ผมในฐานะผู้ปฏิบัติได้ขอความร่วมมือกับกรมวิทยศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เพื่อขอวิทยากรและเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ในด้านเครื่องปั้นดินเผา เพื่อช่วยให้ข้อมูลเรื่องดังกล่าวในโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯที่ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโรงงานเครื่องปั้นดินเผาที่ จ.นราธิวาล เพื่อให้คนท้องถิ่นมีงานทำ โดยนำแม่ม่าย ซึ่งสามีเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศใน 3 จังหวัดมาทำงานในโรงงานแห่งนี้ เพื่อให้พวกเขาได้มีอาชีพหาเลี้ยงตัวเองได้แม้ปราศจากผู้นำครอบครัว”
พล.อ.ณพล กล่าวว่า นอกจากนี้จะมีการจัดตั้งฟาร์มตัวอย่างนำร่องที่ จ.นราธิวาส โดยฟาร์มนี้จะทำการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์เพื่อให้ชุมชนมีอาหารสำหรับบริโภค เรียกว่า เป็นธนาคารอาหารชุมชนซึ่งมีประโยชน์มากในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน อาทิ มีการปิดถนน ปิดร้านค้าจนไม่สามารถเดินทางหาอาหารมาบริโภคได้
นอกจากนี้ จะมีการจัดตั้งศูนย์ครูขึ้นที่ จ.ปัตตานี โดยจะมีการสร้างบ้านพักครู 100 หลังและจะมีโรงเรียน ห้องสมุด มีสถานที่สำหรับออกกำลังกาย และการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ครูใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครูที่มาจากภาคอื่นๆ ได้มีกิจกรรมเพื่อช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดของความไม่สงบที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ โครงการทั้งหมดไม่มีการแบ่งแยกคนไทยหรือคนมุสลิม เพราะสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยทุกคนไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติไหนก็ตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (5 ม.ค.ฉ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชาชน(พปช.) เปิดห้องประชุมพรรค ให้ผู้แทนจุฬาราชมนตรี ร่วมกับคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ซึ่งนำโดย นายพิเชษฐ สถิรชวาล เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยตัวแทนชาวมุสลิมกว่า 40 คน เข้าพบเพื่อมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดี และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
นายสมัคร กล่าวว่า ใครก็ตามที่เกิดบนแผ่นดินไทย ไม่ว่าจะนับถือศาสนาไหน ก็เป็นเพื่อนพ้องกัน ตนไม่เคยแบ่งแยกใคร ในส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาภาคใต้นั้น ไม่ขออวดศักดาว่ามีสติปัญญาเข้าไปแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ ตนเสียใจที่เกิดเหตุการณ์ไม่ดี อยากให้ภาคใต้เป็นเหมือน 30 ปีที่แล้วที่ชาวไทยพุทธและมุสลิมอยู่ร่วมกันได้ ทุกวันนี้ความเป็นพวกพ้องของตนและพี่น้องชาวมุสลิมยังเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ตนจะได้เป็นรมว.กลาโหมก็ต้องลงไปพูดคุย แต่ไม่ได้ไปพูดกับผู้ก่อการร้าย แต่จะไปพูดคุยกับทหาร ทั้งนี้ ทุกวันนี้มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) เข้ามาดูแล สถานการณ์ต่างๆ จึงดีขึ้น
ด้านนายบรรจง โซ๊ะมณี รองประธานคณะกรรมการกลางอิสลามฯ เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาภาคใต้ว่า ทุกศาสนาควรใช้หลักธรรมเข้ามาแก้ไขปัญหา โดย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องปลอดอบายมุขและปลอดอาวุธใครที่มีอาวุธให้คืนเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ในกรณีที่อาวุธมีทะเบียนก็ให้ตีราคาคืน เงิน ภายใน 3 เดือนหลังจากนี้ไปให้ผู้นำชุมชนร่วมกับเจ้าหน้าที่มีอำนาจตรวจสอบบ้าน ที่ต้องสงสัยว่ามีอาวุธหากพบหัวหน้าครอบครัวจะต้องถูกประหารชีวิตหรือยิงทิ้ง นอกจากนี้ให้ปลดอาวุธตำรวจตั้งแต่ ร้อยโทและร้อยตำรวจโทลงไป อีกทั้งรัฐต้องส่งเสริมการสร้างอาชีพและศาสนาโดยยึดพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมัครเห็นด้วยกับการปลดอาวุธและให้ทหารกลับเข้ากรมกอง ส่วนเรื่องที่จะประหารชีวิต คงไม่ได้จะใช้วิธีการจำคุกตลอดชีวิตแทน นอกจากนี้ นายสมัครยังเสนอให้มีการเรียนการสอนภาษาไทยและภาษายาวีควบคู่กันอย่างละครึ่ง เพื่อที่จะสามารถเทียบปริญญาหรือประกาศนียบัตร เทียบเท่ากับภาษาไทยได้โดยข้อเสนอนี้จะเอาเป็นข้อคิด และนำไปใช้ในเวลาอันใกล้ ที่เห็นว่าสามารถประกาศให้มีผลได้
“วันนี้ผมต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองสักหน่อย ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ไปก็จะหนัก วันนี้ต้องขอบคุณที่มีคนมาช่วยชี้ทางซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่นายกฯคิดเอง แต่เป็นพรรคพวกเสนอและคิดว่าการแก้ไขปัญหาไปได้ไม่ยากเลย ของอย่างนี้บางทีก็เรียกว่าเส้นผมบังภูเขา หรือบางทีก็เรียกว่าภูเขาบังเส้นผม”
สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทวีความรุนแรง มากขึ้น นับตั้งแต่เริ่มมีรัฐบาลชุดใหม่ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 เข้ามาบริหารประเทศ โดยเมื่อเวลา 14.30 น.วานนี้ (5 ก.พ.) ร.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ เอี่ยมอ่อน ร้อยเวร สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดเหตุใช้อาวุธปืนสงครามและเผารถยนต์บริเวณบนถนนหลวงสายตะโล๊ะหะลอ - กะพ้อ บ้านยือริง หมู่ที่1 ต.เกะรอ เมื่อนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าแคป ไฮลักซ์วีโก้ ฟรีรันเนอร์ สีดำ ทะเบียน บจ.6479 ยะลา สภาพถูกไฟไหม้บริเวณเก๋ง ได้รับความเสียทั้งหมด ภายในแคป พบศพนายมะตามีซี ลาแต อายุ 32 ปี ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 สภาพถูกไฟคลอกไหม้เกรียมทั้งตัว
ส่วนคนเจ็บอีก 3 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลรามัน ทราบชื่อ นายยูนุ๊ ติผอง อายุ 55 ปี ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านแหลมทราย ต.เกะรอ ถูกยิงที่ลำตัวหลายนัด เสียชีวิตที่โรงพยาบาล นายมะรุสดำ ติผอง อายุ 31 ปี ลูกชายผู้ใหญ่บ้านผู้เสียชีวิต ตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อย ถูกยิงที่ขาขวาและนายมะแอ ลาแซ อายุ 43 ปี ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง ถูกยิงที่ขาขวาและใต้รักแร้ทั้งสองบาดเจ็บสาหัส
สอบสวนทราบว่า ผู้ตาย และผู้บาดเจ็บทั้งหมดนั่งรถยนต์กลับมาจากประชุมประจำเดือน ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอรามัน หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมได้เดินทางกลับบ้าน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้ายยังไม่ทราบจำนวน ใช้รถยนต์กระบะ ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน ใช้อาวุธปืนสงคราม เอ็ม 16 และ อาก้า(AK47) กราดยิง จนรถยนต์เสียหลักตกลงไปจอดอยู่ข้างทาง คนร้ายยังได้ลงไปจุดไฟเผา ก่อนหลบหนีไป
หลังก่อเหตุชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปช่วยนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลรามัน ในเวลาต่อมา ส่วนคนที่อยู่ในรถ ชาวบ้านไม่กล้าให้การช่วยเหลือเนื่องจากไฟกำลังลุกไหม้ จึงปล่อยให้ถูกไฟคลอกจนไหม้เกรียมดังกล่าว
ในเวลาเดียวกัน พ.ต.อ.สวัสดิ์ เตียวิรัตน์ ผกก.สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิด เจ้าน้าที่ทหาร ชุด ชป.พิเศษร้อย ร.7535 ขณะออกลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยเส้นทางและคุ้มครองครู บนถนนสายทำนบ - กูวา บ้านกูวา หมู่ที่ 1 ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ตรวจสอบพบว่าคนร้ายใช้ระเบิดชนิดแสวงเครื่องฝังใต้ถนน กดระเบิดด้วยรีโมทคอนโทรน แต่โชคดีรถยนต์ผ่านจุดระเบิดก่อนที่ระเบิดจะทำงาน จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
จับแกนนำ RKK เตรียมบึ้มตรุษจีน
ก่อนหน้านี้เวลา 03.00 น.กำลังเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้า ยะลา นำโดย พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผบก.ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่รองหัวหน้างานสืบสวนคดีสำคัญศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ส่วนหน้า ได้สนธิกำลัง ตชด.43, ฉก.กรมทหารพราน 42 และกำลังตำรวจของ สภ.จะนะ จ.สงขลา เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 91/2 ม.8 ต.บ้านนา อ.จะนะ โดยอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึก ก่อนที่จะรวบตัว นายมะลีกี ใบสะหนิ อายุ 27 ปี อยู่ล้านเลขที่ 31 ม.1 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา สมาชิก RKK ระดับหัวหน้าสั่งการ โดยรับผิดชอบก่อนเหตุในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดน จ.สงขลา และเป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่ติดตามตัวมานานกว่า 2 ปี
จากการสอบสวนนายมะลีกี ให้การรับสารภาพว่าเป็นสมาชิก RKK ชุดหน่วยคอมมานโดและเป็นครูฝึก โดยเข้ามาอยู่ในกลุ่มประมาณ 10 ปี อยู่ในสังกัดของนายมักกะตา มูซอ โดยเข้าฝึกอบรมครั้งแรกที่โรงเรียนปอเนาะบ้านควนหรัน ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
จากนั้นจึงไปฝึกเป็นหน่วยคอมมานโดต่อที่ จ.ปัตตานี และได้ร่วมกับแนวร่วมก่อเหตุในพื้นที่หลายเหตุการณ์ทั้งยิงตำรวจและชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ เผาศาลา และตัดต้นยางพาราของชาวบ้าน และเป็นคนยิง นายยูโสะ เจ๊ะลือมัน ผญบ.ม.2 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย เมื่อวันที่ 17 พ.ค.50 ก่อนที่จะหลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเลขที่ 91/2 ม.8 ต.บ้านนา อ.จะนะ เพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.จะนะ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่จากการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวไม่พบวัตถุต้องสงสัยแต่อย่างใด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปให้ทาง พตท.และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าสอบสวนขยายผลต่อไป
ด้าน พล.อ.ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กล่าวในงานเสวนาพิเศษเรื่อง 'สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กับการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าช่วยแก้ไขปัญหา' ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปกดขี่ข่มเหง ไม่ให้ความเป็นธรรม และทอดทิ้งให้พวกเขาลำบากมานาน ความเชื่อดังกล่าวได้กลายเป็นเงื่อนไขของกลุ่มก่อความไม่สงบขึ้น ทั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นห่วงประชาชนทุกคนและได้มีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการมากมาย
“ผมในฐานะผู้ปฏิบัติได้ขอความร่วมมือกับกรมวิทยศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เพื่อขอวิทยากรและเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ในด้านเครื่องปั้นดินเผา เพื่อช่วยให้ข้อมูลเรื่องดังกล่าวในโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯที่ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโรงงานเครื่องปั้นดินเผาที่ จ.นราธิวาล เพื่อให้คนท้องถิ่นมีงานทำ โดยนำแม่ม่าย ซึ่งสามีเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศใน 3 จังหวัดมาทำงานในโรงงานแห่งนี้ เพื่อให้พวกเขาได้มีอาชีพหาเลี้ยงตัวเองได้แม้ปราศจากผู้นำครอบครัว”
พล.อ.ณพล กล่าวว่า นอกจากนี้จะมีการจัดตั้งฟาร์มตัวอย่างนำร่องที่ จ.นราธิวาส โดยฟาร์มนี้จะทำการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์เพื่อให้ชุมชนมีอาหารสำหรับบริโภค เรียกว่า เป็นธนาคารอาหารชุมชนซึ่งมีประโยชน์มากในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน อาทิ มีการปิดถนน ปิดร้านค้าจนไม่สามารถเดินทางหาอาหารมาบริโภคได้
นอกจากนี้ จะมีการจัดตั้งศูนย์ครูขึ้นที่ จ.ปัตตานี โดยจะมีการสร้างบ้านพักครู 100 หลังและจะมีโรงเรียน ห้องสมุด มีสถานที่สำหรับออกกำลังกาย และการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ครูใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครูที่มาจากภาคอื่นๆ ได้มีกิจกรรมเพื่อช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดของความไม่สงบที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ โครงการทั้งหมดไม่มีการแบ่งแยกคนไทยหรือคนมุสลิม เพราะสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยทุกคนไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติไหนก็ตาม