ป.ป.ช.ตั้งอนุฯ ไต่สวนเชือด “ทักษิณ-สุชาติ” พร้อมพวกฐานกระทำการนอกเหนือแผนฟื้นฟูฯ บริษัทปิโตรเคมิกัลไทยตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง แถมขายหุ้นราคาถูก จ้างบริษัทเข้าบริหารโดยจ่ายเงินล้วงหน้าก่อนทำงาน ด้าน คตส.สุดอนาถ งบร่อยหรอ ต้องหั่นงบจ้างบุคลากร ตัดเช่ารถ เล็งเปิดโต๊ะบริจาคสู้คดีทุจริต หากรัฐบาล “สมัคร” ไม่ให้ ขณะที่ ป.ป.ช.พร้อมเจียดงบ ของหน่วยงานให้หากทำหนังสือขอ ขณะที่เซ็นทรัลแล็ป หาคนเป็นอนุฯไต่สวนไม่ได้ แม้เคยรับปากแต่กลับเปลี่ยนใจนาทีสุดท้าย
นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกสำนักกรรมการป้องกันและปราบปราม(ป.ป.ช.) แถลงภายหลังการประชุม ป.ป.ช.ว่าที่ประชุมมีมติให้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน มีนายวิชัย วิชิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานอนุกรรมการ เพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน้งรองนายกฯ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง กระทำการนอกเหนือแผนพื้นฟูกิจการของ บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง
ทั้งนี้ในข้อกล่าวหา ร.อ.สุชาติ กับพวก ในฐานะผู้บริหารแผนฟื้นพูกิจการของ บริษัทอุตสาหกรรมฯ ได้แต่งตั้งผู้แทนเพื่อบริหารแผนฟื้นฟูกิจการร่วมกันบริหารกิจการบริษัทดังกล่าว ในลักษระทำให้เกิดความเสียหาย โดยกำหนดค่าตอบแทนให้แก่คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูในอัตราสูงเกินควร รวมทั้ง อนุมัติให้ว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นผู้ให้บริการการบริหารกิจการและทรัพย์สินของบริษัทฯ และชำระเงินค่าจ้างล่วงหน้าให้แก่บริษัทแห่งนี้ก่อนที่บริษัทดังกล่าวจะเสนอให้บริการและมีสถานะเป็นนิติบุคคล
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังได้ทำการขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท อุตสหรรมฯ ในราคาถูกเป็นเหตุให้บริษัท อุสหกรรมฯ และผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหาย คณะกรรมการป.ป.ช. เห็นว่าคำกล่าวหาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ มาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ส.2542 จึงมีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนฯดังกล่าว ที่ประชุมจึงมีมติให้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยนา
คตส.งบหดขัดเข็มขัดสุดขีด
นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) กล่าวถึงการที่สำนักงบประมาณ ปฏิเสธ ไม่อนุมัติงบประมาณจำนวน 19 ล้านบาทที่ คตส.ขอเพิ่มเติมไปว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะยังไม่เห็นหนังสืออย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม คตส.ต้องมีการหารือกัน โดยมอบหมายให้ นายแก้วสรร อติโพธิ ในฐานะเลขานุการคตส. ไปดำเนินการ เพราะที่ผ่านมา คตส. ได้ของบฯ จาก กกต. และ ป.ป.ช. ก่อนหน้านี้จำนวน 44 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังพอเหลืออยู่บ้าง หากสำนักงบฯ ไม่อนุมัติงบจริง คตส. อาจจะมีการประสานไปยัง ป.ป.ช.เอง
“ขณะนี้ คตส.ใช้งบประหยัดอย่างที่สุด โดยมีการตัดค่าใช้จ่ายบางส่วนออก เช่น เจ้าหน้าที่และบุคลากร ในชุดต่างๆ หากเรื่องส่งถึงอัยการ เจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็ถือว่า หมดหน้าที่ไป รวมถึงการเช่ารถเพื่อใช้ในกิจการของคตส.จากเดิมเช่ามา 3 คัน ขณะนี้ลดเหลือเพียง 2 คัน โดยตัดรถเช่าในส่วนของ รถส่วนกลางลง”
นายนาม กล่าวว่าการเพิ่มคณะกรรมการตรวจสอบสำนวนคดีหวยบนดินที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนั้นได้รับการอนุเคราะห์จากทีมทนายของสภาทนายความ 12 คน ซึ่งทาง คตส.จะจ่ายเงินในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้ทรงคุณวุฒิ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการตั้งโต๊ะ รับเงินบริจาค เพื่อต่อสู้คดีหรือไม่ นายนาม กล่าวว่า หากไม่มีงบประมาณจริง จะนำเรื่องนี้ไปหารือ ในที่ประชุมใหญ่ คตส.ว่าจะมี ทางออกอย่างไร แต่ขณะนี้งบฯ คตส. ยังพอเหลือบ้าง ซึ่งยังมีความจำเป็นต้องใช่ เกี่ยวกับการดำเนินคดี ยื่นฟ้องศาลเอง หากอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง
ส่วนความคืบหน้าการแจ้งความดำเนินคดี ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะการขัดหมายเรียกไม่มาให้ถ้อยคำ คตส.ในคดี การซื้อขายหุ้นชินคอร์ปฯ ไม่ว่าจะเป็น คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ นาย พานทองแท้ น.ส. พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ นาง กาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมานนั้น นายนามกล่าวว่า “จนถึงขณะนี้ เรื่องก็ยังเงียบอยู่ ยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไร คิดไปก็ปวดหัว ผมปลงแล้ว”
อนาถ คตส.อาจขอบริจาคเงินทำคดี
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) เปิดเผยว่า ได้รับการประสานงานเป็นการภายในจากสำนักงบประมาณ ภายหลังจากที่นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.ได้ทำเรื่องของบประมาณในการทำงาน อีก19ล้านบาทว่า ไม่สามารถอนุมัติให้ตามคำขอได้ โดยอ้างว่า คตส.จะต้องไปดำเนินการประสานกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนว่ามีงบประมาณเหลือจากที่สำนักงานประมาณให้ไปยังสองหน่วยงานนี้หรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฉบับที่ 30 โดยหากไม่มีงบประมาณคงเหลือจริงก็ต้องให้ คตส.ประสานไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.)ของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่จะเข้าปฎิบัติหน้าที่ภายหลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามตอนนี้คตส.ยังมีงบประมาณในการทำงานอยู่ ซึ่งเป็นงบประมาณที่ได้รับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2549 จำนวน 45ล้านบาท และขั้นตอนต่อไป ก็จะรีบดำเนินการไปประสานงานกับ 2 หน่วยงานคือ ป.ป.ช. และ กกต. ทันที โดยงบประมาณที่ขอไปนั้นส่วนหนึ่งจะนำมาใช้ในการทำงานและต่อสู้คดีความ ในอนาคตที่ คตส.จะต้องดำเนินการตั้งทนายความฟ้องร้องต่อศาลเองในกรณีที่อัยการสูงสุดมีมติไม่สั่งฟ้องในคดีที่คตส.มีความเห็นในดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา เหมือนคดีหวยบนดิน ซึ่งทางออกในเรื่องนี้ได้มีการหารือในตอนนี้แล้ว คือ การตั้งกองทุนส่งเสริมการทำความดี โดยจะขอรับบริจาคจากประชาชนทั่วประเทศแล้วแต่กำลังศรัทธา
ป.ป.ช.พร้อมเจียดเงินให้ คตส.
นายศราวุธ มานะเศวต เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า หากทาง คตส.ทำหนังสือมายังสำนักงานป.ป.ช.เพื่อของบ 19 ล้านบาททาง ป.ป.ช.ก็พร้อมจะสนับสนุนและให้ความร่วมมือเพราะก่อนหน้านี้ป.ป.ช.ก็ได้ให้งบกับ คตส.ไปแล้วตั้งแต่เริ่มตั้ง คตส.ใหม่ๆ แต่เวลานี้ยังไม่เห็นหนังสือมาจากคตส.ซึ่งไม่น่ามีปัญหาหากคตส.ต้องการโดยจะกันงบในส่วนของปี 2551 ไปให้
มีรายงานว่า ทาง คตส.ได้มีการประสานเป็นการภายในไปยังรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะพ้นตำแหน่งไม่กี่วันและรัฐบาลรับปากว่าจะประสานไปยังสำนักงบประมาณให้แต่ทางสำนักงบประมาณก็ไม่ได้จัดสรรงบให้ตามที่คตส.ต้องการ ซึ่งกรรมการคตส.หลายคนเชื่อว่าเมื่อรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เข้ามาบริหารประเทศคงไม่ให้ความร่วมมือในการจัดสรรงบให้กับคตส.แน่นอนเพราะตัวนายสมัครก็มีคดีที่ถูกคตส.และสตง.ตรวจสอบอยู่สองเรื่องคือคดีรถดับเพลิงกับคดีการประมูลสร้างโรงงานกำจัดขยะ ของกรุงเทพมหานคร ทำให้มีกรรมการคตส.บางคนมีแนวคิดจะเปิดรับบริจาคจากประชาชนหากป.ป.ช.ไม่จัดสรรงบมาให้คตส.เพื่อนำมาเป็นงบในการทำงานและว่าจ้างทนายความในการดำเนินการทางชั้นศาล หากว่าคดีต่างๆของคตส.ที่มีเกือบ 14 คดี ทางอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องและคตส.ต้องฟ้องเอง
ปวดหัวหาอนุฯ ไต่สวนเซ็นทรัลแล็ปยาก
แหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ของ บริษัท ห้องปฎิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารจำกัด หรือ เซ็ลทรับแล็ป เปิดเผยว่า ขณะอนุกรรมการประสบปัญหาในการทาบทามบุคคลมาร่วมเป็น อนุกรรมการไต่สวน เพราะบุคคลที่ คตส.ทาบทามไปก่อนหน้านี้ได้ปฎิเสธ ไม่ขอเข้ามาร่วมงานกับ คตส.แล้ว โดยบางคนเคยรับปากไว้ พอถึงเวลากลับปฏิเสธ กว่าที่จะได้อนุกรรมการไต่สวนครบต้องใช้เวลานาน ซึ่งขณะนี้ได้มีการส่งรายชื่อ อนุกรรการไต่สวนให้ที่ประชุม คตส.สุดใหญ่รับทราบแล้ว
คตส.ให้แม้วเลื่อนแจง 30 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงบ่ายวันเดียวกันทีมทนายผู้ได้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท. ทักษิณ นำโดยนาย ฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสตร์ ได้เดินทางเข้าพบอนุกรรกการไต่สวนคดีกล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณเอื้อประโยชน์ธุรกิจตนเองและพวกพ้อง เพื่อขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาและแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 5 ก.พ.นี้ โดยขอเลื่อนออกไปอีก 60 วัน พร้อมทั้งยื่นเอกสารตารางการทำงานภายในกรอบ 60 วัน
ภายหลังการเข้าพบอนุกรรการไต่สวน นายฉัตรทิพย์ กล่าวว่า อนุญาต ให้เลื่อนได้ภายใน 30 วันนับจากวันนี้ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 6 มี.ค.นี้ โดยระยะเวลาดังกล่าวทีมทนายเห็นว่ายังน้อยเกินไป เนื่องผู้ถูกกล่าวหาอยู่ต่างประเทศ และรายละเอียด หลักฐานต่างมีเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีการตรวจสอบเอกสารทั้งหมด
ด้าน นายแก้วสรร กล่าวว่า การทำงานของ คตส.เป็นแบบระบบไต่สวน ไม่ใช่ระบบกล่าวหาก ดังนั้นเป็นหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายในการค้นหาหลักฐานมาต่อสู่ ทั้งนี้ร่วม 6-7 เดือนที่มีการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับการอายัดและเพิกถอนการอายัดทรัพย์ อนุกรรมการไม่เคยเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมาต่อสู้หรือพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ด้วยตัวเองเลย ดังนั้นการให้เวลา 30 วันน่าจะเพียงพอและขึ้นอยู่กับทีมทนายว่าจะไปตามหาตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ที่ไหน
ซึ่งล่าสุดทางทีมทนายเปิดเผยว่าอยู่ที่ ฮ่องกง สิงคโปร์ และล่าสุดอยู่ที่ บราซิล และที่ผ่านมาเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่เห็นเอกสารสำนวนการกล่าวหาด้วยตัวเอง มีเพียงแต่การแก้ข้อกล่าวหาจากทีมทนายเท่านั้น หากตั้งใจจะมาต่อสู้จริงๆ หลักฐานเอกสาร ทั้งหมดก็อยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ หมดแล้ว คาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาย โดย ตนได้แนะนำว่าให้ทีมทนายไปหาตัวผู้ถูกกล่าวให้เร็วที่สุด เพราะ คตส. ก็มีกรอบระยะเวลาการทำงานเหมือนกัน
นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกสำนักกรรมการป้องกันและปราบปราม(ป.ป.ช.) แถลงภายหลังการประชุม ป.ป.ช.ว่าที่ประชุมมีมติให้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน มีนายวิชัย วิชิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานอนุกรรมการ เพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน้งรองนายกฯ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง กระทำการนอกเหนือแผนพื้นฟูกิจการของ บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง
ทั้งนี้ในข้อกล่าวหา ร.อ.สุชาติ กับพวก ในฐานะผู้บริหารแผนฟื้นพูกิจการของ บริษัทอุตสาหกรรมฯ ได้แต่งตั้งผู้แทนเพื่อบริหารแผนฟื้นฟูกิจการร่วมกันบริหารกิจการบริษัทดังกล่าว ในลักษระทำให้เกิดความเสียหาย โดยกำหนดค่าตอบแทนให้แก่คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูในอัตราสูงเกินควร รวมทั้ง อนุมัติให้ว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นผู้ให้บริการการบริหารกิจการและทรัพย์สินของบริษัทฯ และชำระเงินค่าจ้างล่วงหน้าให้แก่บริษัทแห่งนี้ก่อนที่บริษัทดังกล่าวจะเสนอให้บริการและมีสถานะเป็นนิติบุคคล
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังได้ทำการขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท อุตสหรรมฯ ในราคาถูกเป็นเหตุให้บริษัท อุสหกรรมฯ และผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหาย คณะกรรมการป.ป.ช. เห็นว่าคำกล่าวหาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ มาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ส.2542 จึงมีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนฯดังกล่าว ที่ประชุมจึงมีมติให้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยนา
คตส.งบหดขัดเข็มขัดสุดขีด
นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) กล่าวถึงการที่สำนักงบประมาณ ปฏิเสธ ไม่อนุมัติงบประมาณจำนวน 19 ล้านบาทที่ คตส.ขอเพิ่มเติมไปว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะยังไม่เห็นหนังสืออย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม คตส.ต้องมีการหารือกัน โดยมอบหมายให้ นายแก้วสรร อติโพธิ ในฐานะเลขานุการคตส. ไปดำเนินการ เพราะที่ผ่านมา คตส. ได้ของบฯ จาก กกต. และ ป.ป.ช. ก่อนหน้านี้จำนวน 44 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังพอเหลืออยู่บ้าง หากสำนักงบฯ ไม่อนุมัติงบจริง คตส. อาจจะมีการประสานไปยัง ป.ป.ช.เอง
“ขณะนี้ คตส.ใช้งบประหยัดอย่างที่สุด โดยมีการตัดค่าใช้จ่ายบางส่วนออก เช่น เจ้าหน้าที่และบุคลากร ในชุดต่างๆ หากเรื่องส่งถึงอัยการ เจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็ถือว่า หมดหน้าที่ไป รวมถึงการเช่ารถเพื่อใช้ในกิจการของคตส.จากเดิมเช่ามา 3 คัน ขณะนี้ลดเหลือเพียง 2 คัน โดยตัดรถเช่าในส่วนของ รถส่วนกลางลง”
นายนาม กล่าวว่าการเพิ่มคณะกรรมการตรวจสอบสำนวนคดีหวยบนดินที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนั้นได้รับการอนุเคราะห์จากทีมทนายของสภาทนายความ 12 คน ซึ่งทาง คตส.จะจ่ายเงินในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้ทรงคุณวุฒิ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการตั้งโต๊ะ รับเงินบริจาค เพื่อต่อสู้คดีหรือไม่ นายนาม กล่าวว่า หากไม่มีงบประมาณจริง จะนำเรื่องนี้ไปหารือ ในที่ประชุมใหญ่ คตส.ว่าจะมี ทางออกอย่างไร แต่ขณะนี้งบฯ คตส. ยังพอเหลือบ้าง ซึ่งยังมีความจำเป็นต้องใช่ เกี่ยวกับการดำเนินคดี ยื่นฟ้องศาลเอง หากอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง
ส่วนความคืบหน้าการแจ้งความดำเนินคดี ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะการขัดหมายเรียกไม่มาให้ถ้อยคำ คตส.ในคดี การซื้อขายหุ้นชินคอร์ปฯ ไม่ว่าจะเป็น คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ นาย พานทองแท้ น.ส. พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ นาง กาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมานนั้น นายนามกล่าวว่า “จนถึงขณะนี้ เรื่องก็ยังเงียบอยู่ ยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไร คิดไปก็ปวดหัว ผมปลงแล้ว”
อนาถ คตส.อาจขอบริจาคเงินทำคดี
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) เปิดเผยว่า ได้รับการประสานงานเป็นการภายในจากสำนักงบประมาณ ภายหลังจากที่นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.ได้ทำเรื่องของบประมาณในการทำงาน อีก19ล้านบาทว่า ไม่สามารถอนุมัติให้ตามคำขอได้ โดยอ้างว่า คตส.จะต้องไปดำเนินการประสานกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนว่ามีงบประมาณเหลือจากที่สำนักงานประมาณให้ไปยังสองหน่วยงานนี้หรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฉบับที่ 30 โดยหากไม่มีงบประมาณคงเหลือจริงก็ต้องให้ คตส.ประสานไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.)ของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่จะเข้าปฎิบัติหน้าที่ภายหลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามตอนนี้คตส.ยังมีงบประมาณในการทำงานอยู่ ซึ่งเป็นงบประมาณที่ได้รับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2549 จำนวน 45ล้านบาท และขั้นตอนต่อไป ก็จะรีบดำเนินการไปประสานงานกับ 2 หน่วยงานคือ ป.ป.ช. และ กกต. ทันที โดยงบประมาณที่ขอไปนั้นส่วนหนึ่งจะนำมาใช้ในการทำงานและต่อสู้คดีความ ในอนาคตที่ คตส.จะต้องดำเนินการตั้งทนายความฟ้องร้องต่อศาลเองในกรณีที่อัยการสูงสุดมีมติไม่สั่งฟ้องในคดีที่คตส.มีความเห็นในดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา เหมือนคดีหวยบนดิน ซึ่งทางออกในเรื่องนี้ได้มีการหารือในตอนนี้แล้ว คือ การตั้งกองทุนส่งเสริมการทำความดี โดยจะขอรับบริจาคจากประชาชนทั่วประเทศแล้วแต่กำลังศรัทธา
ป.ป.ช.พร้อมเจียดเงินให้ คตส.
นายศราวุธ มานะเศวต เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า หากทาง คตส.ทำหนังสือมายังสำนักงานป.ป.ช.เพื่อของบ 19 ล้านบาททาง ป.ป.ช.ก็พร้อมจะสนับสนุนและให้ความร่วมมือเพราะก่อนหน้านี้ป.ป.ช.ก็ได้ให้งบกับ คตส.ไปแล้วตั้งแต่เริ่มตั้ง คตส.ใหม่ๆ แต่เวลานี้ยังไม่เห็นหนังสือมาจากคตส.ซึ่งไม่น่ามีปัญหาหากคตส.ต้องการโดยจะกันงบในส่วนของปี 2551 ไปให้
มีรายงานว่า ทาง คตส.ได้มีการประสานเป็นการภายในไปยังรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะพ้นตำแหน่งไม่กี่วันและรัฐบาลรับปากว่าจะประสานไปยังสำนักงบประมาณให้แต่ทางสำนักงบประมาณก็ไม่ได้จัดสรรงบให้ตามที่คตส.ต้องการ ซึ่งกรรมการคตส.หลายคนเชื่อว่าเมื่อรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เข้ามาบริหารประเทศคงไม่ให้ความร่วมมือในการจัดสรรงบให้กับคตส.แน่นอนเพราะตัวนายสมัครก็มีคดีที่ถูกคตส.และสตง.ตรวจสอบอยู่สองเรื่องคือคดีรถดับเพลิงกับคดีการประมูลสร้างโรงงานกำจัดขยะ ของกรุงเทพมหานคร ทำให้มีกรรมการคตส.บางคนมีแนวคิดจะเปิดรับบริจาคจากประชาชนหากป.ป.ช.ไม่จัดสรรงบมาให้คตส.เพื่อนำมาเป็นงบในการทำงานและว่าจ้างทนายความในการดำเนินการทางชั้นศาล หากว่าคดีต่างๆของคตส.ที่มีเกือบ 14 คดี ทางอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องและคตส.ต้องฟ้องเอง
ปวดหัวหาอนุฯ ไต่สวนเซ็นทรัลแล็ปยาก
แหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ของ บริษัท ห้องปฎิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารจำกัด หรือ เซ็ลทรับแล็ป เปิดเผยว่า ขณะอนุกรรมการประสบปัญหาในการทาบทามบุคคลมาร่วมเป็น อนุกรรมการไต่สวน เพราะบุคคลที่ คตส.ทาบทามไปก่อนหน้านี้ได้ปฎิเสธ ไม่ขอเข้ามาร่วมงานกับ คตส.แล้ว โดยบางคนเคยรับปากไว้ พอถึงเวลากลับปฏิเสธ กว่าที่จะได้อนุกรรมการไต่สวนครบต้องใช้เวลานาน ซึ่งขณะนี้ได้มีการส่งรายชื่อ อนุกรรการไต่สวนให้ที่ประชุม คตส.สุดใหญ่รับทราบแล้ว
คตส.ให้แม้วเลื่อนแจง 30 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงบ่ายวันเดียวกันทีมทนายผู้ได้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท. ทักษิณ นำโดยนาย ฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสตร์ ได้เดินทางเข้าพบอนุกรรกการไต่สวนคดีกล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณเอื้อประโยชน์ธุรกิจตนเองและพวกพ้อง เพื่อขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาและแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 5 ก.พ.นี้ โดยขอเลื่อนออกไปอีก 60 วัน พร้อมทั้งยื่นเอกสารตารางการทำงานภายในกรอบ 60 วัน
ภายหลังการเข้าพบอนุกรรการไต่สวน นายฉัตรทิพย์ กล่าวว่า อนุญาต ให้เลื่อนได้ภายใน 30 วันนับจากวันนี้ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 6 มี.ค.นี้ โดยระยะเวลาดังกล่าวทีมทนายเห็นว่ายังน้อยเกินไป เนื่องผู้ถูกกล่าวหาอยู่ต่างประเทศ และรายละเอียด หลักฐานต่างมีเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีการตรวจสอบเอกสารทั้งหมด
ด้าน นายแก้วสรร กล่าวว่า การทำงานของ คตส.เป็นแบบระบบไต่สวน ไม่ใช่ระบบกล่าวหาก ดังนั้นเป็นหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายในการค้นหาหลักฐานมาต่อสู่ ทั้งนี้ร่วม 6-7 เดือนที่มีการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับการอายัดและเพิกถอนการอายัดทรัพย์ อนุกรรมการไม่เคยเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมาต่อสู้หรือพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ด้วยตัวเองเลย ดังนั้นการให้เวลา 30 วันน่าจะเพียงพอและขึ้นอยู่กับทีมทนายว่าจะไปตามหาตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ที่ไหน
ซึ่งล่าสุดทางทีมทนายเปิดเผยว่าอยู่ที่ ฮ่องกง สิงคโปร์ และล่าสุดอยู่ที่ บราซิล และที่ผ่านมาเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่เห็นเอกสารสำนวนการกล่าวหาด้วยตัวเอง มีเพียงแต่การแก้ข้อกล่าวหาจากทีมทนายเท่านั้น หากตั้งใจจะมาต่อสู้จริงๆ หลักฐานเอกสาร ทั้งหมดก็อยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ หมดแล้ว คาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาย โดย ตนได้แนะนำว่าให้ทีมทนายไปหาตัวผู้ถูกกล่าวให้เร็วที่สุด เพราะ คตส. ก็มีกรอบระยะเวลาการทำงานเหมือนกัน