วานนี้ (1 ก.พ.) มีการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างตัวแทนจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กับสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ของสำนวนคดีการออกสลากเลขท้าย พิเศษ 2 ตัว 3 ตัวหรือ หวยบนดิน โดยใช้เวลาในการหารือนานร่วม 2 ชั่วโมง
นายสัก กอแสงเรือง คณะกรรมการร่วมคตส.ร่วมกับ อัยการสูงสุด ในฐานะโฆษกคตส.แถลงภายหลังการประชุมว่า ทั้งสองฝ่ายยังคงยืนยันความเห็นที่แตกต่างทั้ง 5 ประเด็นคือ ต่างฝ่ายต่างยืนยันในเหตุผลของตัวเอง โดยคณะทำงานของอัยการสูงสุดยืนยันว่าให้ คตส.ตรวจสอบเพิ่มเติม ขณะที่คตส.ก็ยืนยันว่าผลสรุป การไต่สวนสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ดังนั้นคณะทำงานทั้ง 2 ฝ่ายจะกลับไปรายงานต้นสังกัดอีกครั้ง โดยตัวแทนของ คตส.จะรายงานต่อที่ประชุมใหญ่ คตส.ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ เพื่อขอมติให้ที่ประชุมขอสำนวนคืนจากอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการต่อไปตาม วิธีพิจารณาคดีความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดย คตส.จะต้องมีการตั้งทีมทนายจากสภาทนายความเพื่อเป็นทีมทนายยื่นฟ้องเองภายใน 14 วันนับตั้งแต่ได้รับสำนวนคืนจากอัยการสูงสุด
“คงต้องขอมติจากที่ประชุมใหญ่ คตส.ในวันที่ 4 ก.พ.ก่อนว่าจะขอฟ้องเอง หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทีมทนายความจากสภาทนายความ ได้เริ่มตรวจสอบสรุปสำนวนของ คตส.แล้ว รวมทั้งได้ตั้งคณะทำงานจากสภาทนายความเข้ามาเพิ่มเติมอีก 7 คน เพื่อเร่งตรวจสอบสำนวนดังกล่าวให้รัดกุมยิ่งขึ้น”
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อคณะตัวแทนทั้งสองฝ่ายยืนยันในเหตุผลของตัวเองจะส่งผลกระทบต่อคดีอื่นของ คตส.หรือไม่ นายสัก กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดไกลถึงขนาดนั้น แต่ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ คตส.จะมีการแถลงเหตุผลทั้ง 5 ข้อเพื่อเปรียบเทียบให้เห็น ความแตกต่างระหว่างคณะทำงานของ คตส. กับคณะทำงานของอัยการสูงสุด เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบเหตุผลต่อไป และจากนี้จะไม่มีการประชุมกับอัยการสูงสุดอีกแล้ว
นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการประชุมของคตส. มีระยะเวลาในการร่วมประชุมพิจารณาน้อยเกินไป เพราะจะมีการประชุม คตส.ชุดใหญ่ เฉพาะวันจันทร์ทุกสัปดาห์ ซึ่งอาจจะสรุปสำนวนในแต่ละคดีไม่ทัน ดังนั้นเพื่อให้การสรุปสำนวนสั่งฟ้องไปถึงสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.)ดำเนินการ โดยเร็ว ส่วนตัวเห็นว่า คตส.ต้องขายเวลาในการประชุมเพิ่มเป็น อาทิตย์ ละ 2 วัน คือ วันจันทร์ กับ วันพุธ โดยตนจะเสนอในประชุมคตส.ชุดใหญ่ในวันที่ 4 ก.พ.นี้
นอกจากนี้เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้ลงนามในหนังสือของบประมาณค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากรัฐบาล โดย ผ่านสำนักงบประมาณ เพื่อไว้ใช้ในช่วงการสรุปสำนวนส่งฟ้องศาล รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ เพราะงบประมาณที่ได้รับครั้งแรกอยู่กรอบการทำงานระยะเวลา 1 ปี ดังนั้นเมื่อมีการต่ออายุ คตส.ออกไปจนถึงเดือนมิถุนายนนี้จึงต้องมีการของบประมาณเพิ่มเติม แม้ว่างบก้อนแรกยังเหลืออยู่อีกบางส่วน ซึ่งร่อยหลอลงทุกวัน เกรงว่าจะไม่พอในช่วงท้ายของการดำเนินการ หากเหลือก็ต้องส่งคืนคลัง เพราะเงินแผ่นดินตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ คตส.ไม่สามารถนำไปใช้อย่างอื่นได้ หากนำไปใช้ผิดทางก็ถือว่าผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าเงินที่จะขอเพิ่มจำเป็นต้องผ่านที่ประชุม ครม.หรือไม่ นายนาม กล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะจะผ่านทางสำนักงบประมาณ เช่นเดียวกับครั้งแรกที่ คตส.ได้ขอไป คือการดึงเอางบประมาณบางส่วนมาจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่สามารถดำเนินการได้ โดยการของบประมาณครั้งนี้จะเป็นการดึงบางส่วนมาจาก ป.ป.ช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เงินก้อนแรกที่คตส.ได้ขออนุมัติจากรัฐบาล พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี วงเงิน 60 ล้านบาท แต่รัฐบาลอนุมัติเพียง 45 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายในการทำสำนวนการตรวจสอบและไต่สวน รวมถึงขั้นการตอนการฟ้องร้องต่อศาลโดยเฉพาะในคดีแพ่ง ซึ่งต้องมีการวางเงินค่าประกันศาล ส่วนก้อนที่ 2 อยู่ระหว่างดำเนินการเป็นเงินทั้งสิ้น 19 ล้านบาท โดย คตส. เตรียมงบประมาณก้อนนี้ไว้สำหรับการตั้งทีมทนายฟ้องร้องเอง หากอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประพาส ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจครอบครัวและพวกพ้อง ที่ คตส.ได้มีมติแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยนัด พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าชี้แจงและแก้ข้อกล่าวหา ในวันที่ 5 ก.พ.นี้ โดยทีมทนายได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอเลื่อนการชี้แจงออกไปเป็น 60 วัน โดยอ้างว่าข้อกล่าวหามีความซับซ้อนและมีเอกสารที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก จึงต้องการขอเวลาในการรวบรวมเอกสารหลักฐาน เพราะไม่สามารถรวบรวมเอกสาร ได้ทันภายใน 15 วัน ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้ได้เป็นการยื้อหรือประวิงเวลา
ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการคตส.ในฐานะเลขานุการอนุกรรกการ ไต่สวนคดีดังกล่าว เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนฯว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนได้มีการประชุมด่วน เพื่อพิจารณาหนังสือของเลื่อนจากทีมทนาย ผู้ได้รับมอบอำนาจ 2 คดี คือ คดีร่ำรวยผิดปกติ และ 2 คดีอาญาเรื่องฝ่าฝืนกฎมาย ป.ป.ช.ซึ่งยังคงไว้ในหุ้นธุรกิจสัมปทาน และใช้อำนาจหน้าที่ในการแปลงค่าสัมปทาน เป็นภาษีสรรพสามิตไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่ง ทั้ง 2 คดีนี้ คตส.ได้สรุปสำนวนเสร็จตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง และแจ้งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รับทราบถึง 2 ครั้ง โดยระบุให้มาชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ทนายความทั้ง 2 ชุดมารับข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา โดย พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องมาชี้แจงและแก้ข้อกล่าวหา ภายในวันที่ 5 ก.พ.นี้
นายแก้วสรร กล่าวว่าที่ประชุมคณะอนุกรรมการได้มีมติยกคำร้องของทีมทนาย ทั้ง 2 คดีดังกล่าว เพราะคำร้องดังกล่าวไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะในส่วนของคดียึดทรัพย์นั้นไม่ใช่เหตุผลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ที่ต้องมีหน้าที่มารับทราบข้อกล่าวหาและทนายผู้ได้รับมอบอำนาจได้ยื่นขอเลื่อนโดยระบุว่า ข้าพเจ้า ในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจเพิ่งได้รับทราบข้อกล่าว จึงไม่มีเวลาในการเตรียมเอกสาร ดังนั้นหนังสือดังกล่าวจึงไม่เกี่ยวกับผู้ได้รับมอบอำนาจ แต่เป็นเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นผู้ถูกกล่าว ซึ่งคดีนี้ไม่มีผู้รับผิดชอบแทน และตัวแทนช่วยในเรื่องการยื่นเรื่อง และรับส่งเอกสารเท่านั้น จึงอยากให้มีการขอเลื่อนให้ถูกต้อง ทั้งนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ยังมีเวลาจนถึงวันที่ 5 ก.พ.นี้
“อนุกรรมการเห็นว่าสิทธิ์การต่อสู้ไม่ใช่สิทธิ์ของทีมทนาย ดังนั้นเหตุผลขัดข้องต้องเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ของทีมทนาย เหตุผลจึงรับฟังไม่ได้ และเราไม่แน่ใจว่าทีมทนาย ได้ส่งข้อกล่าวหาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทราบหรือยัง และจากการตรวจสอบหนังสือมอบอำนาจให้ทีมทนายนายเมื่อวันที่ 12 ม.ค. เป็นเอกสารที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ฮ่องกง นางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขาส่วนตัวคุณหญิงพจมาน อยู่กรุงเทพฯ จะไปหารือกันเมื่อไหร่ ยังไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ ที่สำคัญหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่มีการรับรองจากสถานทูต ซึ่งล่าสุด ผมได้แจงผ่านทางโทรศัพท์บอกทีมทนายทั้งสองคดีแล้ว ขอให้ไปทำคำร้องมาใหม่ เพื่อให้ถูกต้อง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้เองว่าจะสู้ได้หรือไม่ ทีมทนายไม่มีสิทธิ์”
ผู้สื่อข่าวถามว่าการขอขายเวลาเป็น 60 เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากจะเป็นเหตุผลเพียงพอหรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า ในข้อกล่าวหา คตส.เขียนไว้อย่างชัดมาก มีเหตุผล และผู้ถูกกล่าวหารู้ตัวดีว่าควรจะต่อสู้อย่างไร เช่น คดีชุกหุ้น หากมีหลักฐานที่ทำให้เราเชื่อและเห็นเป็นอย่างอื่นเรื่องนี้ก็จบ อย่างหลักฐานของธนาคาร ยูบีเอส หากผู้ถูกกล่าวหาได้เอกสารจากธนาคารนี้ 4-5 แผ่นมายืนยันว่า เป็นของลูกชายท่าน คดีนี้ก็หลุดเลย เพราะขณะนี้หลักฐานอยู่ต่างประเทศทั้งหมด พ.ต.ท.ทักษิณสามารถข้อได้อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาเอกสารมาสู้ได้หรือไม่ ถ้าเหตุผลเพียงพอก็เลื่อนให้อยู่แล้ว แต่หากเป็นอื่น 300 วันก็คงไม่พอ
ส่วนการขอเลื่อนดังกล่าวถือเป็นการประวิงเวลาเพื่อรอ ครม.รัฐบาลของนาย สมัคร สุนทรเวช ที่เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า ไม่ทราบเพราะที่ผ่านมาในชั้นการตรวจสอบและไต่สวนก็เป็นไปอย่างยากลำบาก คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ก็เพิ่งกลับมา ตอนนี้เฉพาะคนที่อยู่ในประเทศไทย การขอพยานหลักฐานก็เป็นไปด้วยความยากลำบากไม่ให้ความร่วมมือ เราสะดุดมาโดยตลอด
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ.และรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง ว่า ไม่ถูกทิ้งหรอก คตส. นั้นเป็นคณะทำงานชุดใหญ่ ถูกแต่งตั้งตามกฎหมายทุกประการ ซึ่งสามารถปฏิบัติหน้าที่ไปตามระบบ ระบอบกับคนที่กระทำผิดกฎหมาย และ คมช. ก็ได้ให้กำลังใจและพร้อมสนับสนุนทำงานทุกประการ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนอยากให้คตส.มั่นใจในตัวเอง เพราะมีกฎหมายที่รองรับอยู่ว่าจะทำงานได้ถึงเมื่อไหร่ ยกเว้นเสียแต่ว่ารัฐบาลมีนโยบายที่จะยุบ
ฉะนั้นตนอยากขอให้ทำงานต่อไป และตราบเท่าที่การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปโดยสุจริต ไม่ได้กลั่นแกล้ง หรือละเว้นใคร ตรงนั้นจะเป็นเกราะคุ้มครองให้ตัวเองดีที่สุด แต่ถ้าทำด้วยความเกรงกลัว ในวันข้างหน้าอาจจะมีปัญหาเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทางที่ดีที่สุดคือทำอย่างตรงไปตรงมา เชือว่าสังคมจะเป็นเกราะกำบังให้ และอย่างน้อยพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะสนับสนุนให้กำลังใจอย่างเต็มที่ หากทำงานตรงไปตรงมา และพรรคจะช่วยปกป้องใครก็ตาม ที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมาและทำตามหน้าที่
นายสัก กอแสงเรือง คณะกรรมการร่วมคตส.ร่วมกับ อัยการสูงสุด ในฐานะโฆษกคตส.แถลงภายหลังการประชุมว่า ทั้งสองฝ่ายยังคงยืนยันความเห็นที่แตกต่างทั้ง 5 ประเด็นคือ ต่างฝ่ายต่างยืนยันในเหตุผลของตัวเอง โดยคณะทำงานของอัยการสูงสุดยืนยันว่าให้ คตส.ตรวจสอบเพิ่มเติม ขณะที่คตส.ก็ยืนยันว่าผลสรุป การไต่สวนสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ดังนั้นคณะทำงานทั้ง 2 ฝ่ายจะกลับไปรายงานต้นสังกัดอีกครั้ง โดยตัวแทนของ คตส.จะรายงานต่อที่ประชุมใหญ่ คตส.ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ เพื่อขอมติให้ที่ประชุมขอสำนวนคืนจากอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการต่อไปตาม วิธีพิจารณาคดีความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดย คตส.จะต้องมีการตั้งทีมทนายจากสภาทนายความเพื่อเป็นทีมทนายยื่นฟ้องเองภายใน 14 วันนับตั้งแต่ได้รับสำนวนคืนจากอัยการสูงสุด
“คงต้องขอมติจากที่ประชุมใหญ่ คตส.ในวันที่ 4 ก.พ.ก่อนว่าจะขอฟ้องเอง หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทีมทนายความจากสภาทนายความ ได้เริ่มตรวจสอบสรุปสำนวนของ คตส.แล้ว รวมทั้งได้ตั้งคณะทำงานจากสภาทนายความเข้ามาเพิ่มเติมอีก 7 คน เพื่อเร่งตรวจสอบสำนวนดังกล่าวให้รัดกุมยิ่งขึ้น”
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อคณะตัวแทนทั้งสองฝ่ายยืนยันในเหตุผลของตัวเองจะส่งผลกระทบต่อคดีอื่นของ คตส.หรือไม่ นายสัก กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดไกลถึงขนาดนั้น แต่ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ คตส.จะมีการแถลงเหตุผลทั้ง 5 ข้อเพื่อเปรียบเทียบให้เห็น ความแตกต่างระหว่างคณะทำงานของ คตส. กับคณะทำงานของอัยการสูงสุด เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบเหตุผลต่อไป และจากนี้จะไม่มีการประชุมกับอัยการสูงสุดอีกแล้ว
นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการประชุมของคตส. มีระยะเวลาในการร่วมประชุมพิจารณาน้อยเกินไป เพราะจะมีการประชุม คตส.ชุดใหญ่ เฉพาะวันจันทร์ทุกสัปดาห์ ซึ่งอาจจะสรุปสำนวนในแต่ละคดีไม่ทัน ดังนั้นเพื่อให้การสรุปสำนวนสั่งฟ้องไปถึงสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.)ดำเนินการ โดยเร็ว ส่วนตัวเห็นว่า คตส.ต้องขายเวลาในการประชุมเพิ่มเป็น อาทิตย์ ละ 2 วัน คือ วันจันทร์ กับ วันพุธ โดยตนจะเสนอในประชุมคตส.ชุดใหญ่ในวันที่ 4 ก.พ.นี้
นอกจากนี้เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้ลงนามในหนังสือของบประมาณค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากรัฐบาล โดย ผ่านสำนักงบประมาณ เพื่อไว้ใช้ในช่วงการสรุปสำนวนส่งฟ้องศาล รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ เพราะงบประมาณที่ได้รับครั้งแรกอยู่กรอบการทำงานระยะเวลา 1 ปี ดังนั้นเมื่อมีการต่ออายุ คตส.ออกไปจนถึงเดือนมิถุนายนนี้จึงต้องมีการของบประมาณเพิ่มเติม แม้ว่างบก้อนแรกยังเหลืออยู่อีกบางส่วน ซึ่งร่อยหลอลงทุกวัน เกรงว่าจะไม่พอในช่วงท้ายของการดำเนินการ หากเหลือก็ต้องส่งคืนคลัง เพราะเงินแผ่นดินตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ คตส.ไม่สามารถนำไปใช้อย่างอื่นได้ หากนำไปใช้ผิดทางก็ถือว่าผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าเงินที่จะขอเพิ่มจำเป็นต้องผ่านที่ประชุม ครม.หรือไม่ นายนาม กล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะจะผ่านทางสำนักงบประมาณ เช่นเดียวกับครั้งแรกที่ คตส.ได้ขอไป คือการดึงเอางบประมาณบางส่วนมาจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่สามารถดำเนินการได้ โดยการของบประมาณครั้งนี้จะเป็นการดึงบางส่วนมาจาก ป.ป.ช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เงินก้อนแรกที่คตส.ได้ขออนุมัติจากรัฐบาล พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี วงเงิน 60 ล้านบาท แต่รัฐบาลอนุมัติเพียง 45 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายในการทำสำนวนการตรวจสอบและไต่สวน รวมถึงขั้นการตอนการฟ้องร้องต่อศาลโดยเฉพาะในคดีแพ่ง ซึ่งต้องมีการวางเงินค่าประกันศาล ส่วนก้อนที่ 2 อยู่ระหว่างดำเนินการเป็นเงินทั้งสิ้น 19 ล้านบาท โดย คตส. เตรียมงบประมาณก้อนนี้ไว้สำหรับการตั้งทีมทนายฟ้องร้องเอง หากอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประพาส ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจครอบครัวและพวกพ้อง ที่ คตส.ได้มีมติแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยนัด พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าชี้แจงและแก้ข้อกล่าวหา ในวันที่ 5 ก.พ.นี้ โดยทีมทนายได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอเลื่อนการชี้แจงออกไปเป็น 60 วัน โดยอ้างว่าข้อกล่าวหามีความซับซ้อนและมีเอกสารที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก จึงต้องการขอเวลาในการรวบรวมเอกสารหลักฐาน เพราะไม่สามารถรวบรวมเอกสาร ได้ทันภายใน 15 วัน ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้ได้เป็นการยื้อหรือประวิงเวลา
ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการคตส.ในฐานะเลขานุการอนุกรรกการ ไต่สวนคดีดังกล่าว เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนฯว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนได้มีการประชุมด่วน เพื่อพิจารณาหนังสือของเลื่อนจากทีมทนาย ผู้ได้รับมอบอำนาจ 2 คดี คือ คดีร่ำรวยผิดปกติ และ 2 คดีอาญาเรื่องฝ่าฝืนกฎมาย ป.ป.ช.ซึ่งยังคงไว้ในหุ้นธุรกิจสัมปทาน และใช้อำนาจหน้าที่ในการแปลงค่าสัมปทาน เป็นภาษีสรรพสามิตไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่ง ทั้ง 2 คดีนี้ คตส.ได้สรุปสำนวนเสร็จตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง และแจ้งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รับทราบถึง 2 ครั้ง โดยระบุให้มาชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ทนายความทั้ง 2 ชุดมารับข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา โดย พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องมาชี้แจงและแก้ข้อกล่าวหา ภายในวันที่ 5 ก.พ.นี้
นายแก้วสรร กล่าวว่าที่ประชุมคณะอนุกรรมการได้มีมติยกคำร้องของทีมทนาย ทั้ง 2 คดีดังกล่าว เพราะคำร้องดังกล่าวไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะในส่วนของคดียึดทรัพย์นั้นไม่ใช่เหตุผลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ที่ต้องมีหน้าที่มารับทราบข้อกล่าวหาและทนายผู้ได้รับมอบอำนาจได้ยื่นขอเลื่อนโดยระบุว่า ข้าพเจ้า ในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจเพิ่งได้รับทราบข้อกล่าว จึงไม่มีเวลาในการเตรียมเอกสาร ดังนั้นหนังสือดังกล่าวจึงไม่เกี่ยวกับผู้ได้รับมอบอำนาจ แต่เป็นเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นผู้ถูกกล่าว ซึ่งคดีนี้ไม่มีผู้รับผิดชอบแทน และตัวแทนช่วยในเรื่องการยื่นเรื่อง และรับส่งเอกสารเท่านั้น จึงอยากให้มีการขอเลื่อนให้ถูกต้อง ทั้งนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ยังมีเวลาจนถึงวันที่ 5 ก.พ.นี้
“อนุกรรมการเห็นว่าสิทธิ์การต่อสู้ไม่ใช่สิทธิ์ของทีมทนาย ดังนั้นเหตุผลขัดข้องต้องเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ของทีมทนาย เหตุผลจึงรับฟังไม่ได้ และเราไม่แน่ใจว่าทีมทนาย ได้ส่งข้อกล่าวหาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทราบหรือยัง และจากการตรวจสอบหนังสือมอบอำนาจให้ทีมทนายนายเมื่อวันที่ 12 ม.ค. เป็นเอกสารที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ฮ่องกง นางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขาส่วนตัวคุณหญิงพจมาน อยู่กรุงเทพฯ จะไปหารือกันเมื่อไหร่ ยังไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ ที่สำคัญหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่มีการรับรองจากสถานทูต ซึ่งล่าสุด ผมได้แจงผ่านทางโทรศัพท์บอกทีมทนายทั้งสองคดีแล้ว ขอให้ไปทำคำร้องมาใหม่ เพื่อให้ถูกต้อง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้เองว่าจะสู้ได้หรือไม่ ทีมทนายไม่มีสิทธิ์”
ผู้สื่อข่าวถามว่าการขอขายเวลาเป็น 60 เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมากจะเป็นเหตุผลเพียงพอหรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า ในข้อกล่าวหา คตส.เขียนไว้อย่างชัดมาก มีเหตุผล และผู้ถูกกล่าวหารู้ตัวดีว่าควรจะต่อสู้อย่างไร เช่น คดีชุกหุ้น หากมีหลักฐานที่ทำให้เราเชื่อและเห็นเป็นอย่างอื่นเรื่องนี้ก็จบ อย่างหลักฐานของธนาคาร ยูบีเอส หากผู้ถูกกล่าวหาได้เอกสารจากธนาคารนี้ 4-5 แผ่นมายืนยันว่า เป็นของลูกชายท่าน คดีนี้ก็หลุดเลย เพราะขณะนี้หลักฐานอยู่ต่างประเทศทั้งหมด พ.ต.ท.ทักษิณสามารถข้อได้อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาเอกสารมาสู้ได้หรือไม่ ถ้าเหตุผลเพียงพอก็เลื่อนให้อยู่แล้ว แต่หากเป็นอื่น 300 วันก็คงไม่พอ
ส่วนการขอเลื่อนดังกล่าวถือเป็นการประวิงเวลาเพื่อรอ ครม.รัฐบาลของนาย สมัคร สุนทรเวช ที่เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า ไม่ทราบเพราะที่ผ่านมาในชั้นการตรวจสอบและไต่สวนก็เป็นไปอย่างยากลำบาก คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ก็เพิ่งกลับมา ตอนนี้เฉพาะคนที่อยู่ในประเทศไทย การขอพยานหลักฐานก็เป็นไปด้วยความยากลำบากไม่ให้ความร่วมมือ เราสะดุดมาโดยตลอด
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ.และรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง ว่า ไม่ถูกทิ้งหรอก คตส. นั้นเป็นคณะทำงานชุดใหญ่ ถูกแต่งตั้งตามกฎหมายทุกประการ ซึ่งสามารถปฏิบัติหน้าที่ไปตามระบบ ระบอบกับคนที่กระทำผิดกฎหมาย และ คมช. ก็ได้ให้กำลังใจและพร้อมสนับสนุนทำงานทุกประการ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนอยากให้คตส.มั่นใจในตัวเอง เพราะมีกฎหมายที่รองรับอยู่ว่าจะทำงานได้ถึงเมื่อไหร่ ยกเว้นเสียแต่ว่ารัฐบาลมีนโยบายที่จะยุบ
ฉะนั้นตนอยากขอให้ทำงานต่อไป และตราบเท่าที่การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปโดยสุจริต ไม่ได้กลั่นแกล้ง หรือละเว้นใคร ตรงนั้นจะเป็นเกราะคุ้มครองให้ตัวเองดีที่สุด แต่ถ้าทำด้วยความเกรงกลัว ในวันข้างหน้าอาจจะมีปัญหาเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทางที่ดีที่สุดคือทำอย่างตรงไปตรงมา เชือว่าสังคมจะเป็นเกราะกำบังให้ และอย่างน้อยพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะสนับสนุนให้กำลังใจอย่างเต็มที่ หากทำงานตรงไปตรงมา และพรรคจะช่วยปกป้องใครก็ตาม ที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมาและทำตามหน้าที่