xs
xsm
sm
md
lg

ในหลวงโปรดเกล้าฯ แบบพระเมรุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ แบบพระเมรุแล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดารับเป็นองค์ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์โครงการสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ขณะที่ “น.อ.อาวุธ” เผยสัตว์หิมพานต์ 4 ชนิด ประดับพระเมรุ ติดตั้งลิฟต์เพิ่มอีก 1 จุดเป็น 4 จุด ส่วนไม้จันทน์สร้างพระโกศจากกุยบุรี แปรรูปแล้ว 180 แผ่น เตรียมส่งมอบให้สำนักช่างสิบหมู่ 11 ก.พ.นี้

คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยแบบพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตามที่ได้ทูลเกล้าฯ แล้ว โดยมิได้ปรับแก้ใดๆ ซึ่งจากนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการในการก่อสร้างพระเมรุตามแผนงานที่กำหนดไว้ต่อไป

ส่วนการจัดสร้างสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทัยโครงการสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนามาก และทรงรับเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ โดย พลเรือตรี ม.ล.อัศนี ปราโมช องคมนตรี ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม พระธิดา และคุณหญิงวงจันทร์ พินัยนิติศาสตร์ รับเป็นที่ปรึกษา

**เลือกสัตว์หิมพานต์ประดับพระเมรุ

น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานอออกแบบและจัดสร้างพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กล่าวว่า ความคืบหน้าของการพัฒนาแบบพระเมรุนั้น ขณะนี้มีการปรับแก้ไขแบบพระเมรุในส่วนของหลังคาที่เรียกว่า บันแถลง โดยปรับเป็นพระวิมานแต่ละชั้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดสถาปัตยกรรมพระเมรุที่เชื่อว่า เขาพระสุเมรุเป็นสรวงสวรรค์ พร้อมทั้งคัดเลือกสัตว์หิมพานต์ประเภททวิบาท 4 ชนิดที่จะใช้ประดับตกต่างบริเวณบันไดทางขึ้นพระเมรุทั้ง 3 ด้าน ได้แก่

1. เทพกินนร ลักษณะครึ่งคนครึ่งนก จะประดับไว้บริเวณทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นทางเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จขึ้นไปบำเพ็ญพระราชกุศลบนพระเมรุ โดยจะปั้นเทพกินนรในท่าพนมมือไหว้ แสดงการถวายความเคารพแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

2. อัปสรสีหะ ลักษณะครึ่งคนครึ่งสิงห์ ประดับอยู่ด้านทิศเหนือซึ่งเป็นด้านที่อัญเชิญพระศพขึ้นประดิษฐานบนพระเมรุ โดยจะมีการปั้นอัปสรสีหะในท่าพนมมือไหว้เพื่อถวายการเคารพเปรียบเสมือนการคอยรับพระศพขึ้นสู่พระเมรุด้วย

3.นกฑัณฑิมา ลักษณะถือกระบองจะประดับไว้ด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นที่สำหรับข้าราชการและประชาชนจะขึ้นถวายสักการะพระศพ โดยนกฑัณฑิมามีลักษณะที่น่าเกรงขาม คอยปราบปรามคนอันธพาลที่อาจขึ้นไปยังพระเมรุและ

4.หงส์ จะจัดสร้างลักษณะเสาหงส์ทางทิศตะวันออก สำหรับเป็นเสารับภูษาโยงในพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล พระพิธีธรรมพระศพภายในงานออกพระเมรุ

น.อ.อาวุธ กล่าวอีกว่า การคัดเลือกสัตว์หิมพานต์ทั้ง 4 ชนิดคณะทำงานค้นคว้ามาจาก สมุดไทยดำโบราณสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ซึ่งสมุดดังกล่าวเป็นการบันทึกการจัดสร้างพระเมรุมาศ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 โดยมีการสร้างสัตว์หิมพานต์ตามความเชื่อโบราณราชประเพณีที่ได้นำมาอ้างอิงและใช้ศึกษาเรียนรู้จนถึงปัจจุบัน

**สร้างลิฟต์เพิ่มเป็น 4 จุด

ส่วนการจัดสร้างลิฟต์เพื่อใช้เป็นทางเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น น.อ.อาวุธกล่าวว่าจากเดิมที่มีแนวคิดออกแบบลิฟต์ไว้ 3 จุด คือ ลิฟต์บริเวณด้านหลังพระที่นั่งทรงธรรม ซึ่งเป็นทางเสด็จพระราชดำเนินจากรถยนต์พระที่นั่งขึ้นสู่พระที่นั่งทรงธรรม ลิฟต์บริเวณด้านหน้าพระที่นั่งทรงธรรม ซึ่งจะใช้สำหรับเสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลบนพระเมรุ และลิฟต์บริเวณชาลาสำหรับเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปยังพระเมรุ อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ยังได้ออกแบบลิฟต์เพิ่มอีก 1 จุดบริเวณบันไดด้านทิศตะวันตก เพื่อใช้เป็นทางเสด็จพระราชดำเนินด้วย

สำหรับการออกแบบอาคารประกอบพระเมรุ ได้แก่ พระที่นั่งทรงธรรม ทิม ซ่าง ทับเกษตร หอเปลื้อง รั้วราชวัตร และอาคารภายนอกปริมณฑล เช่น พลับพลายก และเกย ขณะนี้สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากรกำลังออกแบบ โดยมีการแก้ไขแบบอาคารประกอบพระเมรุให้มีขนาดใหญ่กว่าอาคารประกอบพระเมรุมาศของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพราะจะต้องใช้เป็นที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์จำนวนมากกว่า คาดว่าการออกแบบอาคารทั้งหมดจะแล้วเสร็จในเดือนก.พ.นี้

**แปรรูปไม้จันทน์สร้างพระโกศ 180 แผ่น

น.อ.อาวุธกล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางกรมอุทยานแห่งชาติธรรมชาติสัตว์ป่า และพรรณพืชได้แปรรูปไม้จันทน์หอมประมาณ 170 แผ่น เพื่อใช้จัดทำพระโกศจันทน์ ซึ่งเนื้อไม้มีขนาดความหนาครึ่งนิ้ว หน้ากว้าง 8 นิ้ว คาดว่าจะเตรียมจัดส่งมอบให้กรมศิลปากรได้ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ที่สำนักช่างสิบหมู่ รวมทั้งจะส่งไม้จันทน์ที่เหลือจากการแปรรูปนำมาใช้เป็นท่อนฟืนประดับด้านล่างของพระจิตกาธานด้วย ส่วนการประกอบพิธีบวงสรวงลงเสาเอกพระเมรุนั้น คาดว่าปลายเดือนมี.ค.นี้จึงจะประสานขอกำหนดฤกษ์ลงเสาเอกได้

**อธิบดีกรมศิลป์ตรวจสนามหลวง

ต่อมาเวลา 15.00 น. นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร และนายปรารพ เหล่าวานิช รองอธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจพื้นที่ท้องสนามหลวงบริเวณด้านทิศใต้ฝั่งวัดพระศรีรัตนศาสดารามซึ่งจะใช้ก่อสร้างพระเมรุ

นายเกรียงไกรกล่าวว่า บริเวณที่กรมศิลปากรจะกั้นเขตสร้างพระเมรุตั้งแต่แนวถนนที่ตัดผ่าครึ่งสนามหลวงไปทางทิศใต้ทั้งหมด เมื่อกำหนดพื้นที่แล้วจะเริ่มล้อมรั้วสังกะสีสีเขียวสูง 1.80 ม. กั้นไว้รอบๆ ทั้งหมด เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ช่าง และควบคุมไม่ให้บุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในพื้นที่ คาดว่าจะใช้เวลากั้นรั้ว 15 วันจึงแล้วเสร็จ จากนั้นจะก่อสร้างอาคารชั่วคราว 3 หลังประกอบด้วย อาคารสร้างพระโกศจันทน์ อาคารปั้นหล่อลวดลาย และอาคารขยายแบบพระเมรุ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประมูลก่อสร้าง คาดว่าภายในวันที่ 4 ก.พ.จะเริ่มก่อสร้างจากนั้นจะปักจุดสร้างพระเมรุตรงกลาง โดยจะมีการสร้างรั้วอีกชั้นเรียกว่า รั้วราชวัตรที่เป็นลวดลายสถาปัตยกรรมไทยรอบพระเมรุ

"การสร้างพระโกศจันทน์สมัยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีนั้น กรมศิลปากรจัดทำที่สำนักช่างสิบหมู่ แต่การทำพระโกศจันทน์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ตลอดจนการปั้นหล่อสัตว์หิมพานต์ ลวดลายต่างๆ จะมาทำที่สนามหลวงทั้งหมดให้ประชาชนได้เห็นกระบวนการทั้งหมด แต่ผู้เข้าชมจะต้องมีบัตรผ่านจากกรมศิลปากร "

นายเกรียงไกรกล่าวด้วยว่า ปัญหาที่จะต้องหาทางออกโดยเร็วที่สุด คือ ระหว่างการก่อสร้างพระเมรุ เมื่อเขียนลวดลาย ประดับต่างๆ แล้ว เกรงว่านกพิราบบริเวณสนามหลวงจะมาถ่ายมูลใส่ ทำให้เกิดความเสียหาย ดังนั้น อาจจะมีการขึงตาข่ายคลุมเฉพาะบริเวณพระเมรุไว้ทั้งหมด

**กทม.แจก VCD 1 แสนแผ่นวันนี้

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่กทม.ได้แจกหนังสือ “สถิต ณ ดวงใจ” ให้กับประชาชนตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. เป็นต้นมา ขณะนี้หนังสือดังกล่าวได้แจกจ่ายให้กับประชาชนหมดแล้ว ดังนั้น กทม.จึงได้จัดทำวิดีทัศน์เฉลิมพระเกียรติจำนวน 1 แสนแผ่น เพื่อมอบให้กับประชาชนที่มาร่วมถวายสักการะ ณ บริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.เป็นต้นไป.
กำลังโหลดความคิดเห็น