xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ตั้งทีมถลกนโยบาย จี้"ครม.หมัก"เร่งทำงานตามที่ได้หาเสียง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประชาธิปัตย์ตั้งทีมอภิปรายนโยบายรัฐบาล พร้อมตรวจสอบการทำงานของ"ครม.สมัคร" จี้เร่งสร้างความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ-สังคม กลับคืนด่วน ขู่ซักฟอกทันทีหากได้กลิ่นฉาว "สุรยุทธ์" เผยต้องให้โอกาสคนที่ประชาชนเลือกมาทำงาน ไม่ห่วงเรื่องนายกฯนั่งควบกลาโหม "อนุพงษ์"เตือนรัฐบาลต้องยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก "บุญสร้าง" ย้ำ การเมืองต้องแก้ไขด้วยการเมือง ป่วยการพูดเรื่องสมัครควบกลาโหม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีว่า เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนเป็นนายกฯแล้ว อยากให้นายสมัคร เร่งทำงาน เพราะมีปัญหาของบ้านเมืองที่รออยู่ และเร่งเรียกความเชื่อมั่นกลับมาโดยเร็วที่สุด ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งต้องเริ่มตั้งแต่การคัดสรรบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี รวมถึงการแถลงนโยบาย ที่ถือว่าเป็นภารกิจสำคัญและเร่งด่วน

ทั้งนี้ โดยหลักพรรคที่ไปขอคะแนนเสียงจากประชาชน และบอกว่าจะทำอะไร ต้องดำเนินการตามนั้นเพราะเป็นเหตุผลที่ประชาชนให้การสนับสนุนมา จึงต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลผสมชุดนี้ว่าใช้แนวนโยบายในทิศทางใด

ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวการจัดรายชื่อคณะรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นขั้นตอนการทำงานภายในของพรรคพลังประชาชน แต่อยากฝากให้ได้บุคคลที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ซึ่งต้องมีความรู้ความสามารถ อาจไม่ต้องถึงขั้นที่มีความเชี่ยวชาญ แต่ต้องจับประเด็น และบริหารงานตามนโยบายได้

ส่วนด้านการเมือง ต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริต และทำงานในระบบรัฐสภาโดยไม่เกิดปัญหา คือ ทำอย่างไรให้กระบวนการระบบรัฐสภาประชาธิปไตยทำงานได้ด้วยดี มีรัฐบาลที่เคารพฝ่ายค้าน ทำงานร่วมกันไปโดยไม่เกิดปัญหา

ต่อข้อถามถึงการที่นายสมัคร ระบุว่าจะเป็นนายกฯ แค่ 1 ปี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้ทราบข่าวว่า นายสมัครได้ปฏิเสธเรื่องนี้แล้ว แต่ที่จริง ในแง่ของการดำรงตำแหน่ง ถ้าระบบเดินไปตามปกติ ก็อยู่ได้ถึง 4 ปี และการทำงานก็ต้องทำโดยคำนึงถึงผลระยะยาว เมื่อถามว่าเป็นห่วงถึงภาพลักษณ์ของว่าที่นายกฯคนใหม่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในวันที่รัฐบาลได้แถลงนโยบาย จะเป็นวันที่ ส.ส.จะได้ใช้สิทธิ์อย่างเต็มที่ในการอภิปรายนโยบาย ว่ามีโอกาสที่นโยบายเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ อย่างไร

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะตั้งครม.เงาติดตามการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในการสัมมนา ส.ส.ของพรรค ที่ จ.ชลบุรี จะมีการหารือเรื่องนี้ รวมถึงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และการตั้งคณะทำงานเตรียมการอภิปรายนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งพรรคตั้งใจจะวางระบบในการทำงานในฐานะฝ่ายค้าน ซึ่งคาดว่าไม่เกินวันที่ 31 ม.ค.นี้ จะมีความชัดเจนว่าจะวางระบบเช่นใด

เมื่อถามว่าจะให้เวลารัฐบาลชุดใหม่ทำงานถึงเมื่อไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ที่เงื่อนเวลา แต่ถ้ารัฐบาลทำในสิ่งที่ถูกต้อง และอยู่ได้ 3-4 ปี ก็ไม่ควรจะไปขัดขวาง แต่ถ้ารัฐบาลทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ฝ่ายตรวจสอบจะละเว้น ตราบใดที่รัฐบาลดำเนินงานในลักษณะที่ไม่มีปัญหา ก็ไม่มีประเด็นที่จะไปตรวจสอบทักท้วง แต่ถ้ามีเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ฝ่ายค้านก็ต้องหยิบยกขึ้นมา เพราะปัญหามันรอไม่ได้ และความคาดหวังสูงสุดในตอนนี้ คือ ปัญหาสินค้าราคาแพง ดังนั้น รัฐบาลต้องเดินหน้าหามาตรการต่างๆ ในการลดต้นทุน ทำให้เศรษฐกิจมีความเชื่อมั่นดีขึ้นทันที แต่ต้องอธิบายให้ได้ว่ามาตรการนั้นๆจะใช้เวลาเท่าไร

ส่วนการลงมติเลือนกยกฯ ครั้งนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นการเลือกอย่างเปิดเผย และส.ส.มีสิทธิ์ลงคะแนนอย่างไรก็ได้ แต่เขาก็ต้องชั่งใจว่า ถ้าเลือกไปแล้ว ไม่ตรงกับมติของพรรค จะมีผลอย่างไรตามมา ซึ่งเรื่องนี้เราก็เข้าใจ เพราะเป็นไปตามระบบรัฐสภาอยู่แล้ว เมื่อถามต่อถึงการทำงานของประธานสภาฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ค่อนข้างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถ้าการประชุมครั้งต่อเป็นไปในลักษณะนี้ ก็น่าพอใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายหลังทราบผลการลงมติให้นายสมัคร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี กลุ่มผู้ชุมนุมที่ด้านหน้ารัฐสภา ได้ให้คณะสิงโต แสดงการเชิดสิงโตพร้อมกับตีกลองสนั่นหวั่นไหวทั่วบริเวณรัฐสภา เพื่อสร้างความคึกคัก พร้อมทั้งได้เตรียมดอกกุหลาบสีแดง เพื่อแสดงความยินดีกับนายสมัคร แต่ปรากฏว่ารถของนายสมัครได้ออกจากรัฐสภาทางประตูด้านข้างรัฐสภา ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวแสดงความไม่พอใจ พร้อมกับด่าทอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของฃรัฐสภาว่าประสานงานไม่ดี กีดกันไม่ให้พบนายสมัคร และถือเป็นการวางยาตั้งแต่เริ่มต้นที่ นายสมัคร เข้ามารับตำแหน่งนายกฯ

"สุรยุทธ์"ชี้ต้องให้โอกาส"สมัคร"

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังสภาลงมติเลือกนายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ต้องให้โอกาส เพราะนายสมัคร ชนะการเลือกตั้ง และวันนี้ก็ชนะการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ส่วนนายสมัครจะสามารถนำพาประเทศให้รอดพ้นวิกฤติหรือไม่นั้น ก็ต้องคอยดู และให้โอกาส

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันไหนเป็นวันสุดท้ายที่จะเข้าทำเนียบ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ถือว่าวันนี้ เป็นวันสุดท้ายแต่หมายถึงว่า บนตึกไทยคู่ฟ้าตนจะเปิดโอกาสให้ทีมงานของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้เข้ามาดูว่า จะจัดอะไรอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวหัวเราะพร้อมกล่าวว่า ไม่มีอะไร ไม่จำเป็นต้องเป็นภูเขา

พล.อ.สุรยุทธ์ ยังกล่าวถึงข้อห่วงใยกองทัพ ในการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหมว่า คงไม่มีข้อแนะนำ ในส่วนรัฐบาลเองก็มีอดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายท่าน คิดว่า คงทราบดีว่า สิ่งที่ควรทำเป็นอย่างไรบ้าง

หากนายสมัคร จะควบ รมว.กลาโหม คิดว่าเหมาะสมหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ทราบว่าจะมีการจัดโผไว้อย่างไร แต่ไม่ห่วง ตนรู้ดีว่าในกองทัพจะไม่มีปัญหาอะไรที่สำคัญมากนัก อยู่ที่การประสานงานทำความเข้าใจ กองทัพคงไม่ออกมาขัดแย้งในส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล

เมื่อถามว่า เชื่อมั่นหรือไม่ว่าความมีวินัยของรุ่นน้องว่าจะสามารถทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่ได้ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทุกรัฐบาล กองทัพก็ไม่มีปัญหาเมื่อเริ่มดำเนินการ ทุกอย่างก็เป็นไปลักษณะอย่างนั้น เมื่อถามว่า จำเป็นหรือไม่ว่า ผู้ที่จะมาดูแลกระทรวงกลาโหม จะต้องเป็นทหารเท่านั้น พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็น อย่างในอดีตที่ผ่านมา ก็มีรมว.กลาโหม ที่ไม่ได้เป็นทหาร

รัฐบาลต้องยึดประโยชน์ชาติเป็นหลัก

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง โดยระบุว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าไปยุ่งอีกต่อไป โดยทางพฤตินัยหน้าที่ของคมช. ถือว่าจบแล้ว แต่ในทางกฎหมาย ต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามารับหน้าที่สมบูรณ์ ดังนั้นเรื่องการเมือง ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้ฝ่ายการเมืองแก้ไขกันเอง

ต่อข้อถามว่ายอมรับที่ นายสมัคร สุนทรเวช ได้เป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่าในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง สื่อฯ รับได้ ตนก็รับได้ เพราะนายสมัคร เข้ามาตามลู่ทางของรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าตาสีตาสา ถ้าสมัคร ส.ส. แล้วได้เสียงข้างมาก ก็เป็นรัฐมนตรีได้ เป็นขั้นตอนตามกฎหมายของการเข้ามาใช้อำนาจรัฐ ส่วนใช้อำนาจรัฐแล้วจะดีหรือไม่ ต้องดูอีกระยะหนึ่ง

"รัฐบาลชุดใหม่จะต้องบริหารบ้านเมือง โดยยึดประโยชน์ของชาติเป็นหลัก เพื่อให้ประเทศมีความเจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีมีสุข และเศรษฐกิจดี"พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

ป่วยการพูดเรื่อง รมว.กลาโหม

พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นไปตามธรรมชาติ ทางกองทัพก็จะต้องปฏิบัติไปตามระเบียบ ตนก็ทำหน้าที่ของตนไป ทหารดี ๆ ก็จะต้องเป็นอย่างนี้ การเมืองจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่เขา ส่วนกองทัพก็จะต้องทำให้กองทัพเข้มแข็ง

เมื่อถามถึงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ที่ยังไม่ลงตัวว่าจะเลือกใครมาดำรงตำแหน่ง พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่อยากพูด ส่วนจะเป็นใครก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายการเมืองที่จะเลือกคนเข้ามาดำรงตำแหน่ง การตั้ง รมว.กลาโหม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับทหารเป็นผู้คัดเลือก

เมื่อถามว่า กระแสข่าวว่า นายสมัคร จะควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า เรื่องนี้พูดกันไปมากแล้ว หากยิ่งพูดก็จะยิ่งมากความ ป่วยการที่จะพูด

"กองทัพจะต้องดูแลงานด้านความมั่นคงอย่างเต็มที่ เพราะโดยหน้าที่ทหารมีความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง ทั้งนี้การเมืองก็จะต้องปล่อยให้การเมืองว่ากันไป ส่วนทหารก็ทำหน้าที่ของเราไป ทหารจะต้องมีอุดมการณ์ แต่จะให้เสนอแนะก็พูดได้ แต่การเลือกไม่ได้อยู่กับเรา"

เมื่อถามว่า ผบ.เหล่าทัพ จำเป็นจะต้องไปแสดงความยินดีกับ นาย สมัคร หรือไม่ ภายหลังที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่รู้ แต่คงจะทำหน้าที่ของทหารให้เต็มที่ ส่วนเรื่องอื่นยังไม่ได้คิด
กำลังโหลดความคิดเห็น