ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ในพื้นที่ เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.แพร่, เขตเลือกตั้ง 1 ลำปาง, เขตเลือกตั้งที่ 1 เพชรบูรณ์, เขตเลือกตั้งที่ 6 นครราชสีมา, เขตเลือกตั้งที่ 1 สกลนคร และเขตเลือกตั้งที่ 1, 2 และ 3 อุดรธานี ตลอดทั้งวันวานนี้ (20 ม.ค.) ตั้งแต่เปิดหีบจนปิดหีบบัตรเลือกตั้งมีประชาชนไปใช้สิทธิค่อนข้างบางตา ไม่คึกคักเหมือนการเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค.50 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันพบว่า มีการเคลื่อนไหวเพื่อทุจริตการเลือกตั้งเกิดขึ้นในบางพื้นที่
สำหรับผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการเวลาประมาณ 18.30 น.วานนี้ การนับคะแนนการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.แพร่ จาก 759 หน่วยเลือกตั้งเริ่มทยอยแจ้งผล ต่อเนื่องโดยผลคะแนนเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. รวม 585 หน่วยเลือกตั้ง ผู้สมัครของพรรคพลังประชาชน (พปช.) ที่ กกต.กลาง ให้ใบเหลือง ยังคงมีคะแนนนำยกทีมโดยหมายเลข 4 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ได้ 135,316 คะแนน, หมายเลข 5 นางปานหทัย เสรีรักษ์ ได้ 135,239 คะแนน และหมายเลข 6 นพ.นิยม วิวรรธนะดิฐกุล ได้ 134,169 คะแนน ทิ้งห่างผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หมายเลข 13 นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ได้ 27,855 คะแนน, หมายเลข 14 นายสมชัย จำปี ได้ 25,694 คะแนน และหมายเลข 15 นายสุขุม กันกา ได้ 24,694 คะแนน
เขต 6 โคราชพปช.-พผ.แบ่งเค้ก
ส่วนผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการในเขต 6 นครราชสีมา ปรากฏว่า ผู้สมัครหมายเลข 7 นายบุญจง วงษ์ไตรรัตน์ พรรค พปช.ได้คะแนนนำมาเป็นลำดับที่ 1 จำนวน 64,515 คะแนน ลำดับที่ 2 เป็นผู้สมัครหมายเลข 3 นายพลพีร์ สุวรรณฉวี พรรค พผ.ได้ 62,546 คะแนน และลำดับที่ 3 เป็นผู้สมัครหมายเลข 3 นายมีชัย จิตต์พิพัฒน์ พรรค พผ.ได้ 56,216 คะแนน
สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 6 นี้มี ส.ส.ได้เพียง 2 คน ทำให้ผู้สมัครจากพรรค พปช.สามารถเบียดผู้สมัครพรรค พผ.ที่เคยได้คะแนนมาเป็นที่ 1 ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.50 ตกไปอยู่ในลำดับที่ 3 ส่วนอีกคนยังคงเป็นผู้สมัครจากพรรค พผ.ซึ่งการเลือกตั้งครั้งก่อนอยู่ในลำดับที่ 2 โดยมีผู้ใช้สิทธิร้อยละ 60.10 บัตรเสีย ร้อยละ 1.61 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน ร้อยละ 2.81
ส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เขต 1เลือกตั้งใหม่ 1 ที่นั่ง ปรากฎว่าคะแนน นายณรงค์กร ชวาลสันคติ จาก พปช. นำ นายสุทัศน์ จันทร์แสงศรี จากประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ถูกใบเหลือง
ด้านอุดรธานี เขต 1 เลือกตั้งใหม่ 3 ที่นั่ง ปรากำว่า พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆิตทร์ นายอนันต์ ศรีพันธ์ และนายเชิดชัย วิเชียรวรรณ จาก พปช.คะแนนนำ เช่นเดียวกับ อุดรธานี เขต 2 นายธีรชัย แสนแก้ว นายทองดี มนัสสาร และนายต่อพงษ์ ไชยสาร์น จาก ปชป. และอุดรธานี เขต 3 นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น นายไยยศ จิรเมธากร จาก พปช. คะแนนนำเช่นกัน
ขณะที่ จ.สกลนคร เขต 1 นายเฉลิมชาติ การุญ พรรคพลังประชาชน คะแนนนำนายอภิชาต ตีรสวัสดิชัย จากพรรคเพื่อแผ่นดิน คู่แข่งสำคัญ
จ.นครนายก เขต นายชาญชัย อิศระเสนารักษ์ จาก ปชป. คะแนนสูสีกับ นายเกรียงไกร กิติธเนศวร จาก พปช.
เลือกตั้งใหม่ถ้าไม่ถูกร้องรับรองทันที
นาย ประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ที่มีการเลือกตั้งใหม่ว่า ก่อนหน้านี้เราได้ประสาน กับ ผอ.กกต. จังหวัด ที้มีการเลือกตั้งใหม่ ใน 7 จังหวัด ให้รับส่งผลคะแนนการเลือกตั้งเข้ามายัง กกต. กลางไม่เกินเวลา 12.00 น. ของวันที่ 21 ม.ค. หากผลการเลือกตั้งส่งเข้ามาแล้ว กกต. จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมโดยจะพิจารณาว่าพื้นที่ใด หรือบุคคลใด ไม่มีเรื่องร้องเรียนก็จะประกาศรับรองไปก่อน ซึ่งเชื่อว่าจะรับรอง ส.ส. อีก 17 คน ได้ก่อนเวลา 16.00 น. ที่จะมีรัฐพิธีเปิดประชุมสภา ฯ นัดแรก ส่วน ส.ส.ที่เหลืออีก 3 คน ที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 27 ม.ค.นั้น หากผลการเลือกตั้งไม่มีเรื่องร้องเรียนก็สามารถประกาศรับรองผลได้ทันที โดยคาดว่าจะได้ครบ 480 คน ไม่เกินสิ้นเดือน ม.ค.นี้
สำหรับการประกาศรับรอง ส.ส. ไปก่อนนี้ จะไม่ส่งผลต่อกระบวนการสืบสวน สอบสวนเรื่องร้องเรียนต่างๆ ที่ค้างอยู่ เพราะคณะอนุกรรมการ ฯ ก็ยังดำเนินการตามปกติ หากสอบสวนไปแล้วพบว่า ไม่มีการกระทำตามการร้องเรียน ก็จะยกคำร้องเรื่องก็ยุติไป แต่ถ้าผลการสืบสวนระบุออกมาว่า ส.ส.ที่ผ่านการรับรองมีส่วนเกี่ยวข้อง กกต. ก็จะส่งเรื่องต่อศาลฎีกาวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เพื่อ กกต. จัดเลือกตั้งใหม่
เปิดรับสมัครเลือกตั้งส.ว.วันนี้
นาย ประพันธ์ ยังกล่าวถึงการเปิดรับสมัคร ส.ว. ที่จะมีขึ้นวันที่ 21 ม.ค. เป็นวันแรก ว่า ตามกระบวนการ หากบุคคลที่จะสมัครมาลงทะเบียนก่อนเวลา 08.30 น. ในวันแรก เจ้าหน้าที่ กกต. จะนำรายชื่อทั้งหมดมาจับสลากเพื่อจัดลำดับในการจับหมายเลข ลงสมัคร ส.ว. ซึ่งกะบวนการจะคล้ายกับการรับสมัคร ส.ส. โดยบุคคลที่มาสมัครหลังเวลา 08.30 น. ก็จะได้หมายเลขลงสมัครในลำดับถัดไป ทั้งนี้สำหรับบุคคลที่จะมาสมัคร สามารถนำกองเชียร์ และขบวนแห่มาให้กำลังใจได้ แต่คงจะไม่คึกคักเหมือนการสมัคร ส.ส. อีกทั้งในพื้นที่ กทม. ก็มี ส.ว.ได้เพียงคนเดียว
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ตามรัฐธรรมนูญ ฯ และ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. ยังเปิดให้ผู้สมัคร ส.ว. หาเสียงได้ แต่เฉพาะเรื่องอำนาจ หน้าที่ ที่เกี่ยวกับ ส.ว. เช่น การสรรหาบุคคลในองค์กรอิสระ และการควบคุม การบริหารราชการแผ่นดิน เป็นต้น แต่จะหาเสียงเหมือนการสมัคร ส.ส.ไม่ได้ ทั้งนี้ กกต. จะจัดเวทีปราศรัยให้กับผู้สมัคร .ส.ว. อย่างน้อย จังหวัดละ 1 เวที รวมทั้งจัดเวลาในการออกสปอร์ตแนะนำตัวเองผ่านวิทยุ และทีวี เช่นเดียวกับที่เคยให้ ส.ส. ด้วย
ติงตั้งยงยุทธนั่งปธ.อาจมีปัญหา
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นาย ยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน ที่ กกต.การประกาศรับรองผลไปแล้ว อาจจะมีปัญหาหากได้รับแต่งตั้งเป็น ประธานสภาฯ นั้น ขอชี้แจงว่า กกต. ไม่ได้พิจารณาถึงตัวบุคคล และไม่ได้คำนึงว่าการรับรองครั้งนี้ว่าใครจะไปดำรงตำแหน่งอะไร
แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา พรรคการเมืองต้องใช้ดุลพินิจว่าการจะแต่งตั้งบุคคลใดที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของ กกต. จะส่งผลต่ออนาคตหรือไม่ เพราะต้องบอกว่า กกต. พิจารณาไปตามพยานหลักฐาน และตัวบทกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยไม่ได้คำนึงว่าบุคคลใดจะอยู่ในตำแหน่งสำคัญหรือไม่ ซึ่งคณะอนุกรรมการ ฯ ชุดของนาย สุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอ กกต. โดยคาดว่าจะทราบผลในเร็ว ๆ นี้
ยุทธตู้เย็นพร้อมน้องสาวรับใบรับรอง
วันเดียวกันซึ่งเป็นวันที่สองที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เปิดให้ ส.ส.ที่ได้ประกาศรับรองแล้วมารับหนังสือรับรองโดยแยกเป็นการรับรอง ส.ส.แบบสัดส่วนครั้งที่ 3 และแบบแบ่งเขตครั้งที่ 6 จำนวนทั้งหมด 29 คน โดยบรรยากาศการรับหนังสือรับรองชุดสุดท้ายนั้น เป็นไปอย่างเงียบเหงา เพราะเหลือ ส.ส.ที่ยังไม่ได้มารับหบังสือรับรองเพียง 13 คน ซึ่งส.ส.ต่างทยอยเดินทางมารับหนังสือ จนกระทั่งเมื่อเวลา 13.30 น. นาย ยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน กลุ่มที่ 1 พรรคพลังประชาชน ได้เดินทางมาเซนต์ชื่อ เพื่อรับหนังสือรับรองพร้อมกับน.ส. ละออง ติยะไพรัช และนายอิทธิเดช แก้วหลวง ว่าที่ ส.ส. เขต 3 จ.เชียงราย พรรคพลังประชาชน
นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นาย ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ จะยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบ เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคพลังประชาชนนั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และนายไชยวัฒน์ สามารถทำได้ ซึ่งบ้านเมืองเรามีหลักเกณฑ์ และวัฒนธรรมให้ปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความสงบสุข แต่ถ้านำสิ่งต่างๆมาตีความ ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ สังคมก็จะเกิดความแตกแยก เกิดความขัดแย้งขึ้นทุกวัน ซึ่งบ้านเมืองถูกวางกับดักมานานแล้ว เราต้องช่วยกัน
นาย ยงยุทธ ยังกล่าวถึง กระบวนการสอบสวนของ กกต. ที่มีหลายคนพยายาม บอกว่า ตนใช้อิทธิพลให้มีการถอนคำฟ้อง ยืนยันตั้งแต่แรกแล้วว่า ไม่ได้เป็นผู้กระทำ แต่เป็นกระบวนการตั้งขึ้นมาเพื่อสกัดกั้นตน และเมื่อไปดูหลักฐานพบว่า มีบุคคลที่ไม่ใช่ กกต. เข้าไปเกี่ยวข้องหลายฝ่าย รวมถึงการสอบปากคำ แต่ขณะนี้ทุกคนทราบข้อเท็จจริงแล้วว่า ตนเป็นผู้บริสุทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนถึงขณะนี้มีว่าที่ ส.ส. มารับหนังสือรับรองแล้ว 459 คน ขาดเพียง นายสมนึก เฮงวาณิชย์ ส.ส. เขต1 บุรีรัยมย์ พรรคมัชฌิมาธิปไตย คนเดียว ที่ยังไม่ได้เดินทางมารับหนังสือรับรอง ซึ่งนายสมนึกยืนยันว่า จะเดินทางมารับหนังสือรับรองภายในวันนี้ แน่นอน
สอบทุจริตยุทธตู้เย็นเสร็จสัปดาห์นี้
นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสำนวนร้องคัดค้านการทุจริตการเลือกตั้งของนาย ยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชนกล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบว่าได้ลงพื้นที่สอบพยานบุคคลของฝ่ายผู้ร้องในพื้นที่จ.เชียงรายเสร็จเรียบร้องแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็ต้องสอบพยานบุคคลฝ่ายของ นายยงยุทธ เพราะต้องให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งกระบวนการสอบพยาน ของฝ่ายนายยงยุทธนั้น ได้นัดให้นายยงยุทธนำพยานมาให้ปากคำที่ กกต.ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ ทั้งนี้กระบวนการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงนี้ไม่เกี่ยวกับการที่นายวิจิตร ยอดสุวรรณ อดีตผู้สมัคร จ.เชียงราย พรรคชาติไทย ที่ถอนคำร้องคัดค้าน เพราะขณะนี้ กกต.ยังไม่มีคำสั่งให้ยุติการสอบข้อเท็จจริง ทางคณะอนุกรรมการฯ จึงต้องดำเนินการสอบหาข้อเท็จจริงต่อ
เราต้องแยกพิจารณาระหว่างการขอถอนคำร้องคัดค้านของนายวิจิตร กับการสอบข้อเท็จจริงกรณีที่นายยงยุทธกระทำความผิด ซึ่งในวันที่ 21 ม.ค.นี้ ทางอนุกรรมการฯ ก็จะพิจารณาเรื่องที่นายวิจิตรขอถอนคำร้อง จากนั้นวันที่ 22 ม.ค. ก็จะส่งความเห็นของอนุกรรมการฯ เกี่ยวกับการถอนคำร้องของนายวิจิตรให้ที่ประชุม กกต.พิจารณาว่า จะให้ถอนคำร้องหรือไม่
นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการพิจารณาเรื่องข้อเท็จจริงนั้นทางคณะอนุกรรมการฯ ก็จะดำเนินการสอบสวนไปจนกว่า กกต.จะมีคำสั่งให้ถอนคำร้อง หากนายยงยุทธนำพยานมาให้ปากคำตามที่นัดหมายก็คาดว่า จะสามารถสรุปสำนวน และเสนอเรื่องไปยัง กกต.ได้ หากไม่มีอะไรผิดพลาดอาจจะสรุปสำนวนได้ภายในสัปดาห์นี้
อนุฯสอบยุบพปช.เสร็จ27ม.ค.
ด้านนาย ไพฑูรย์ เนติโพธิ ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบคำร้องของนาย วีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่าวประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ที่ขอให้ยุบพรรคพลังประชาชนเนื่องจากมีพฤติการณ์เป็นนอมีนีของ พรรคไทยรักไทยว่า คณะกรรมการฯจะสามารถสรุปสำนวน พร้อมส่งความเห็นของ คณะกรรมการฯให้ กกต. ได้ตามกรอบเวลาในวันที่ 27 ม.ค. นี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสอบสวนพยาน เพราะที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการได้สอบทั้งผู้ร้องเอง ผู้ถูกร้อง และคนกลาง ที่เป็นนักวิชาการ บุคคลที่มีความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับคำว่า นอมินี ได้เกือบครบถ้วนสมบูรณ์ เหลือเพียงสอบพยานที่มีการกล่าวอ้างถึงอีกจำนวนหนึ่ง
ตอนนี้เรามีอุปสรรคในเรื่องของสอบพยานบ้าง เพราะเมื่อเราได้มีการ กำหนดวันเวลาในการนัดหมายพยานมาให้ข้อมูลแล้ว แต่ปรากฎว่า มีพยานบางคน ไม่มา เนื่องจากบางคนติดภารกิจ ทำให้กระทบต่อกรอบเวลาในการทำงาน จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการ ซึ่งบางรายคณะกรรมการฯ ก็เดินทางไปหาด้วยตนเอง และก็ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทั้งนี้พยานที่เหลือถึงแม้จะไม่สำคัญ แต่เราก็ต้องสอบให้ครบถ้วน เพราะเมื่อมีการสรุปสำนวนแล้ว จะได้ไม่ถูกโจมตีที่หลังว่า ทำไม่เราไม่ไปสอบพยานที่เค้ากล่าวอ้าว ดังนั้นเราจึงต้องสอบ ในทุกประเด็นให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ก่อนที่จะสรุปเสนอให้ กกต.พิจารณา และมีมติในเรื่องดังกล่าว
นายไพฑูรย์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เมื่อขั้นตอนของการรวบรวมพยาน และหลักฐานเสร็จ คณะกรรมการจะใช้เวลาประมาณ 2 วัน เพื่อสรุปข้อเท็จจริงว่า เรื่องดังกล่าว เป็นอย่างไร หลังจากนั้นเราก็จะนำกฎหมายเข้ามาวิเคราะห์ และปรับใช้เพื่อให้สำนวน มีความชัดเจน ส่วนคณะกรรมการฯจะเห็นว่าอย่างไรนั้น ตนยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องนำบทสรุปทั้งหมดเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ เพื่อพิจารณา
สำหรับผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการเวลาประมาณ 18.30 น.วานนี้ การนับคะแนนการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.แพร่ จาก 759 หน่วยเลือกตั้งเริ่มทยอยแจ้งผล ต่อเนื่องโดยผลคะแนนเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. รวม 585 หน่วยเลือกตั้ง ผู้สมัครของพรรคพลังประชาชน (พปช.) ที่ กกต.กลาง ให้ใบเหลือง ยังคงมีคะแนนนำยกทีมโดยหมายเลข 4 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ได้ 135,316 คะแนน, หมายเลข 5 นางปานหทัย เสรีรักษ์ ได้ 135,239 คะแนน และหมายเลข 6 นพ.นิยม วิวรรธนะดิฐกุล ได้ 134,169 คะแนน ทิ้งห่างผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หมายเลข 13 นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ได้ 27,855 คะแนน, หมายเลข 14 นายสมชัย จำปี ได้ 25,694 คะแนน และหมายเลข 15 นายสุขุม กันกา ได้ 24,694 คะแนน
เขต 6 โคราชพปช.-พผ.แบ่งเค้ก
ส่วนผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการในเขต 6 นครราชสีมา ปรากฏว่า ผู้สมัครหมายเลข 7 นายบุญจง วงษ์ไตรรัตน์ พรรค พปช.ได้คะแนนนำมาเป็นลำดับที่ 1 จำนวน 64,515 คะแนน ลำดับที่ 2 เป็นผู้สมัครหมายเลข 3 นายพลพีร์ สุวรรณฉวี พรรค พผ.ได้ 62,546 คะแนน และลำดับที่ 3 เป็นผู้สมัครหมายเลข 3 นายมีชัย จิตต์พิพัฒน์ พรรค พผ.ได้ 56,216 คะแนน
สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 6 นี้มี ส.ส.ได้เพียง 2 คน ทำให้ผู้สมัครจากพรรค พปช.สามารถเบียดผู้สมัครพรรค พผ.ที่เคยได้คะแนนมาเป็นที่ 1 ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.50 ตกไปอยู่ในลำดับที่ 3 ส่วนอีกคนยังคงเป็นผู้สมัครจากพรรค พผ.ซึ่งการเลือกตั้งครั้งก่อนอยู่ในลำดับที่ 2 โดยมีผู้ใช้สิทธิร้อยละ 60.10 บัตรเสีย ร้อยละ 1.61 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน ร้อยละ 2.81
ส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เขต 1เลือกตั้งใหม่ 1 ที่นั่ง ปรากฎว่าคะแนน นายณรงค์กร ชวาลสันคติ จาก พปช. นำ นายสุทัศน์ จันทร์แสงศรี จากประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ถูกใบเหลือง
ด้านอุดรธานี เขต 1 เลือกตั้งใหม่ 3 ที่นั่ง ปรากำว่า พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆิตทร์ นายอนันต์ ศรีพันธ์ และนายเชิดชัย วิเชียรวรรณ จาก พปช.คะแนนนำ เช่นเดียวกับ อุดรธานี เขต 2 นายธีรชัย แสนแก้ว นายทองดี มนัสสาร และนายต่อพงษ์ ไชยสาร์น จาก ปชป. และอุดรธานี เขต 3 นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น นายไยยศ จิรเมธากร จาก พปช. คะแนนนำเช่นกัน
ขณะที่ จ.สกลนคร เขต 1 นายเฉลิมชาติ การุญ พรรคพลังประชาชน คะแนนนำนายอภิชาต ตีรสวัสดิชัย จากพรรคเพื่อแผ่นดิน คู่แข่งสำคัญ
จ.นครนายก เขต นายชาญชัย อิศระเสนารักษ์ จาก ปชป. คะแนนสูสีกับ นายเกรียงไกร กิติธเนศวร จาก พปช.
เลือกตั้งใหม่ถ้าไม่ถูกร้องรับรองทันที
นาย ประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ที่มีการเลือกตั้งใหม่ว่า ก่อนหน้านี้เราได้ประสาน กับ ผอ.กกต. จังหวัด ที้มีการเลือกตั้งใหม่ ใน 7 จังหวัด ให้รับส่งผลคะแนนการเลือกตั้งเข้ามายัง กกต. กลางไม่เกินเวลา 12.00 น. ของวันที่ 21 ม.ค. หากผลการเลือกตั้งส่งเข้ามาแล้ว กกต. จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมโดยจะพิจารณาว่าพื้นที่ใด หรือบุคคลใด ไม่มีเรื่องร้องเรียนก็จะประกาศรับรองไปก่อน ซึ่งเชื่อว่าจะรับรอง ส.ส. อีก 17 คน ได้ก่อนเวลา 16.00 น. ที่จะมีรัฐพิธีเปิดประชุมสภา ฯ นัดแรก ส่วน ส.ส.ที่เหลืออีก 3 คน ที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 27 ม.ค.นั้น หากผลการเลือกตั้งไม่มีเรื่องร้องเรียนก็สามารถประกาศรับรองผลได้ทันที โดยคาดว่าจะได้ครบ 480 คน ไม่เกินสิ้นเดือน ม.ค.นี้
สำหรับการประกาศรับรอง ส.ส. ไปก่อนนี้ จะไม่ส่งผลต่อกระบวนการสืบสวน สอบสวนเรื่องร้องเรียนต่างๆ ที่ค้างอยู่ เพราะคณะอนุกรรมการ ฯ ก็ยังดำเนินการตามปกติ หากสอบสวนไปแล้วพบว่า ไม่มีการกระทำตามการร้องเรียน ก็จะยกคำร้องเรื่องก็ยุติไป แต่ถ้าผลการสืบสวนระบุออกมาว่า ส.ส.ที่ผ่านการรับรองมีส่วนเกี่ยวข้อง กกต. ก็จะส่งเรื่องต่อศาลฎีกาวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เพื่อ กกต. จัดเลือกตั้งใหม่
เปิดรับสมัครเลือกตั้งส.ว.วันนี้
นาย ประพันธ์ ยังกล่าวถึงการเปิดรับสมัคร ส.ว. ที่จะมีขึ้นวันที่ 21 ม.ค. เป็นวันแรก ว่า ตามกระบวนการ หากบุคคลที่จะสมัครมาลงทะเบียนก่อนเวลา 08.30 น. ในวันแรก เจ้าหน้าที่ กกต. จะนำรายชื่อทั้งหมดมาจับสลากเพื่อจัดลำดับในการจับหมายเลข ลงสมัคร ส.ว. ซึ่งกะบวนการจะคล้ายกับการรับสมัคร ส.ส. โดยบุคคลที่มาสมัครหลังเวลา 08.30 น. ก็จะได้หมายเลขลงสมัครในลำดับถัดไป ทั้งนี้สำหรับบุคคลที่จะมาสมัคร สามารถนำกองเชียร์ และขบวนแห่มาให้กำลังใจได้ แต่คงจะไม่คึกคักเหมือนการสมัคร ส.ส. อีกทั้งในพื้นที่ กทม. ก็มี ส.ว.ได้เพียงคนเดียว
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ตามรัฐธรรมนูญ ฯ และ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. ยังเปิดให้ผู้สมัคร ส.ว. หาเสียงได้ แต่เฉพาะเรื่องอำนาจ หน้าที่ ที่เกี่ยวกับ ส.ว. เช่น การสรรหาบุคคลในองค์กรอิสระ และการควบคุม การบริหารราชการแผ่นดิน เป็นต้น แต่จะหาเสียงเหมือนการสมัคร ส.ส.ไม่ได้ ทั้งนี้ กกต. จะจัดเวทีปราศรัยให้กับผู้สมัคร .ส.ว. อย่างน้อย จังหวัดละ 1 เวที รวมทั้งจัดเวลาในการออกสปอร์ตแนะนำตัวเองผ่านวิทยุ และทีวี เช่นเดียวกับที่เคยให้ ส.ส. ด้วย
ติงตั้งยงยุทธนั่งปธ.อาจมีปัญหา
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นาย ยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน ที่ กกต.การประกาศรับรองผลไปแล้ว อาจจะมีปัญหาหากได้รับแต่งตั้งเป็น ประธานสภาฯ นั้น ขอชี้แจงว่า กกต. ไม่ได้พิจารณาถึงตัวบุคคล และไม่ได้คำนึงว่าการรับรองครั้งนี้ว่าใครจะไปดำรงตำแหน่งอะไร
แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา พรรคการเมืองต้องใช้ดุลพินิจว่าการจะแต่งตั้งบุคคลใดที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของ กกต. จะส่งผลต่ออนาคตหรือไม่ เพราะต้องบอกว่า กกต. พิจารณาไปตามพยานหลักฐาน และตัวบทกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยไม่ได้คำนึงว่าบุคคลใดจะอยู่ในตำแหน่งสำคัญหรือไม่ ซึ่งคณะอนุกรรมการ ฯ ชุดของนาย สุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอ กกต. โดยคาดว่าจะทราบผลในเร็ว ๆ นี้
ยุทธตู้เย็นพร้อมน้องสาวรับใบรับรอง
วันเดียวกันซึ่งเป็นวันที่สองที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เปิดให้ ส.ส.ที่ได้ประกาศรับรองแล้วมารับหนังสือรับรองโดยแยกเป็นการรับรอง ส.ส.แบบสัดส่วนครั้งที่ 3 และแบบแบ่งเขตครั้งที่ 6 จำนวนทั้งหมด 29 คน โดยบรรยากาศการรับหนังสือรับรองชุดสุดท้ายนั้น เป็นไปอย่างเงียบเหงา เพราะเหลือ ส.ส.ที่ยังไม่ได้มารับหบังสือรับรองเพียง 13 คน ซึ่งส.ส.ต่างทยอยเดินทางมารับหนังสือ จนกระทั่งเมื่อเวลา 13.30 น. นาย ยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน กลุ่มที่ 1 พรรคพลังประชาชน ได้เดินทางมาเซนต์ชื่อ เพื่อรับหนังสือรับรองพร้อมกับน.ส. ละออง ติยะไพรัช และนายอิทธิเดช แก้วหลวง ว่าที่ ส.ส. เขต 3 จ.เชียงราย พรรคพลังประชาชน
นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นาย ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ จะยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบ เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคพลังประชาชนนั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และนายไชยวัฒน์ สามารถทำได้ ซึ่งบ้านเมืองเรามีหลักเกณฑ์ และวัฒนธรรมให้ปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความสงบสุข แต่ถ้านำสิ่งต่างๆมาตีความ ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ สังคมก็จะเกิดความแตกแยก เกิดความขัดแย้งขึ้นทุกวัน ซึ่งบ้านเมืองถูกวางกับดักมานานแล้ว เราต้องช่วยกัน
นาย ยงยุทธ ยังกล่าวถึง กระบวนการสอบสวนของ กกต. ที่มีหลายคนพยายาม บอกว่า ตนใช้อิทธิพลให้มีการถอนคำฟ้อง ยืนยันตั้งแต่แรกแล้วว่า ไม่ได้เป็นผู้กระทำ แต่เป็นกระบวนการตั้งขึ้นมาเพื่อสกัดกั้นตน และเมื่อไปดูหลักฐานพบว่า มีบุคคลที่ไม่ใช่ กกต. เข้าไปเกี่ยวข้องหลายฝ่าย รวมถึงการสอบปากคำ แต่ขณะนี้ทุกคนทราบข้อเท็จจริงแล้วว่า ตนเป็นผู้บริสุทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนถึงขณะนี้มีว่าที่ ส.ส. มารับหนังสือรับรองแล้ว 459 คน ขาดเพียง นายสมนึก เฮงวาณิชย์ ส.ส. เขต1 บุรีรัยมย์ พรรคมัชฌิมาธิปไตย คนเดียว ที่ยังไม่ได้เดินทางมารับหนังสือรับรอง ซึ่งนายสมนึกยืนยันว่า จะเดินทางมารับหนังสือรับรองภายในวันนี้ แน่นอน
สอบทุจริตยุทธตู้เย็นเสร็จสัปดาห์นี้
นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสำนวนร้องคัดค้านการทุจริตการเลือกตั้งของนาย ยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชนกล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบว่าได้ลงพื้นที่สอบพยานบุคคลของฝ่ายผู้ร้องในพื้นที่จ.เชียงรายเสร็จเรียบร้องแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็ต้องสอบพยานบุคคลฝ่ายของ นายยงยุทธ เพราะต้องให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งกระบวนการสอบพยาน ของฝ่ายนายยงยุทธนั้น ได้นัดให้นายยงยุทธนำพยานมาให้ปากคำที่ กกต.ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ ทั้งนี้กระบวนการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงนี้ไม่เกี่ยวกับการที่นายวิจิตร ยอดสุวรรณ อดีตผู้สมัคร จ.เชียงราย พรรคชาติไทย ที่ถอนคำร้องคัดค้าน เพราะขณะนี้ กกต.ยังไม่มีคำสั่งให้ยุติการสอบข้อเท็จจริง ทางคณะอนุกรรมการฯ จึงต้องดำเนินการสอบหาข้อเท็จจริงต่อ
เราต้องแยกพิจารณาระหว่างการขอถอนคำร้องคัดค้านของนายวิจิตร กับการสอบข้อเท็จจริงกรณีที่นายยงยุทธกระทำความผิด ซึ่งในวันที่ 21 ม.ค.นี้ ทางอนุกรรมการฯ ก็จะพิจารณาเรื่องที่นายวิจิตรขอถอนคำร้อง จากนั้นวันที่ 22 ม.ค. ก็จะส่งความเห็นของอนุกรรมการฯ เกี่ยวกับการถอนคำร้องของนายวิจิตรให้ที่ประชุม กกต.พิจารณาว่า จะให้ถอนคำร้องหรือไม่
นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการพิจารณาเรื่องข้อเท็จจริงนั้นทางคณะอนุกรรมการฯ ก็จะดำเนินการสอบสวนไปจนกว่า กกต.จะมีคำสั่งให้ถอนคำร้อง หากนายยงยุทธนำพยานมาให้ปากคำตามที่นัดหมายก็คาดว่า จะสามารถสรุปสำนวน และเสนอเรื่องไปยัง กกต.ได้ หากไม่มีอะไรผิดพลาดอาจจะสรุปสำนวนได้ภายในสัปดาห์นี้
อนุฯสอบยุบพปช.เสร็จ27ม.ค.
ด้านนาย ไพฑูรย์ เนติโพธิ ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบคำร้องของนาย วีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่าวประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ที่ขอให้ยุบพรรคพลังประชาชนเนื่องจากมีพฤติการณ์เป็นนอมีนีของ พรรคไทยรักไทยว่า คณะกรรมการฯจะสามารถสรุปสำนวน พร้อมส่งความเห็นของ คณะกรรมการฯให้ กกต. ได้ตามกรอบเวลาในวันที่ 27 ม.ค. นี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสอบสวนพยาน เพราะที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการได้สอบทั้งผู้ร้องเอง ผู้ถูกร้อง และคนกลาง ที่เป็นนักวิชาการ บุคคลที่มีความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับคำว่า นอมินี ได้เกือบครบถ้วนสมบูรณ์ เหลือเพียงสอบพยานที่มีการกล่าวอ้างถึงอีกจำนวนหนึ่ง
ตอนนี้เรามีอุปสรรคในเรื่องของสอบพยานบ้าง เพราะเมื่อเราได้มีการ กำหนดวันเวลาในการนัดหมายพยานมาให้ข้อมูลแล้ว แต่ปรากฎว่า มีพยานบางคน ไม่มา เนื่องจากบางคนติดภารกิจ ทำให้กระทบต่อกรอบเวลาในการทำงาน จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการ ซึ่งบางรายคณะกรรมการฯ ก็เดินทางไปหาด้วยตนเอง และก็ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทั้งนี้พยานที่เหลือถึงแม้จะไม่สำคัญ แต่เราก็ต้องสอบให้ครบถ้วน เพราะเมื่อมีการสรุปสำนวนแล้ว จะได้ไม่ถูกโจมตีที่หลังว่า ทำไม่เราไม่ไปสอบพยานที่เค้ากล่าวอ้าว ดังนั้นเราจึงต้องสอบ ในทุกประเด็นให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ก่อนที่จะสรุปเสนอให้ กกต.พิจารณา และมีมติในเรื่องดังกล่าว
นายไพฑูรย์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เมื่อขั้นตอนของการรวบรวมพยาน และหลักฐานเสร็จ คณะกรรมการจะใช้เวลาประมาณ 2 วัน เพื่อสรุปข้อเท็จจริงว่า เรื่องดังกล่าว เป็นอย่างไร หลังจากนั้นเราก็จะนำกฎหมายเข้ามาวิเคราะห์ และปรับใช้เพื่อให้สำนวน มีความชัดเจน ส่วนคณะกรรมการฯจะเห็นว่าอย่างไรนั้น ตนยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องนำบทสรุปทั้งหมดเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ เพื่อพิจารณา