ผู้จัดการรายวัน-”พาณิชย์” ชี้ผลกระทบบาทแข็งเห็นผลทำออร์เดอร์สินค้าตกช่วง มี.ค.-เม.ย.พร้อมจับตาตัวเลขส่งออกปี 2550 ระบุหากสูงกว่าคาดการณ์ 16.1% ต้องปรับลดเป้าหมายส่งออกปีนี้ใหม่ เหตุฐานสูงเกิน ทำส่งออกยาก หลังปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าหนัก
นางสมจิตต์ เปล่งขำ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า สถานการณ์เงินบาทแข็งค่าขณะนี้จะเห็นผลกระทบกับการส่งออกในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.นี้ โดยคาดว่า จะทำให้คำสั่งซื้อสินค้าไทยจากต่างประเทศลดลง ส่วนคำสั่งซื้อที่ผู้ส่งออกมีอยู่ขณะนี้จะเป็นคำสั่งซื้อของ 3 เดือนก่อนที่ยังไม่มีปัญหาเงินบาทแข็งค่ามากนัก สำหรับปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า กรมได้ติดตามสถานการณ์ร่วมกับผู้ส่งออกอย่างใกล้ชิด และเตรียมแผนการทำงานรองรับอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการส่งออกทั้งปี 2550 คาดว่าจะได้ตามเป้าหมายที่ขยายตัว 16.1% มูลค่า 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐอย่างแน่นอน แต่ต้องรอดูตัวเลขอีกครั้งว่าจะมีโอกาสเกินเป้าหมายดังกล่าวหรือไม่ เพราะสถานการณ์เงินบาทในปีที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกมากนัก เนื่องจากการแข็งค่าเงินบาทเกิดขึ้นจริงๆช่วงปลายปี และได้มีการดูแลสถานการณ์จากหลายฝ่ายจนทำให้เงินบาทแม้จะแข็งค่าแต่ก็มีเสถียรภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การส่งออกในเดือนธ.ค.50 มีโอกาสขยายตัวได้มากกว่า 20% มูลค่าสูงกว่า 13,000 ล้านเหรียญ เพราะทิศทางการส่งออกไทยขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนพ.ย. ซึ่งมีอัตราขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์คือ 24.38% มูลค่า 14,720.1 ล้านเหรียญ ส่วนในปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการขยายตัวที่ 10-12.5% อย่างไรก็ตาม หากในปี 50การส่งออกขยายตัวเกินกว่าเป้าหมาย เป็นไปได้ที่กระทรวงจะปรับเป้าหมายการส่งออกปี 51 ใหม่ โดยอาจจะต้องปรับลดลง
ทั้งนี้เพราะฐานการส่งออกที่มากกว่า 150,000 ล้านเหรียญ หากต้องขยายตัวอีก 10-12.5% จะเป็นไปได้ลำบากมาก เพราะปี 51 มีปัจจัยเสี่ยงจากราคาน้ำมันตลาดโลกทรงตัวสูง ทำให้เศรษฐกิจโลกและตลาดส่งออกสำคัญชะลอตัว โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯที่ยังต้องประสบกับปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) รวมถึงกระทบด้านต้นทุนการผลิต และค่าขนส่งของผู้ประกอบการไทย รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก
นางสมจิตต์ เปล่งขำ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า สถานการณ์เงินบาทแข็งค่าขณะนี้จะเห็นผลกระทบกับการส่งออกในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.นี้ โดยคาดว่า จะทำให้คำสั่งซื้อสินค้าไทยจากต่างประเทศลดลง ส่วนคำสั่งซื้อที่ผู้ส่งออกมีอยู่ขณะนี้จะเป็นคำสั่งซื้อของ 3 เดือนก่อนที่ยังไม่มีปัญหาเงินบาทแข็งค่ามากนัก สำหรับปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า กรมได้ติดตามสถานการณ์ร่วมกับผู้ส่งออกอย่างใกล้ชิด และเตรียมแผนการทำงานรองรับอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการส่งออกทั้งปี 2550 คาดว่าจะได้ตามเป้าหมายที่ขยายตัว 16.1% มูลค่า 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐอย่างแน่นอน แต่ต้องรอดูตัวเลขอีกครั้งว่าจะมีโอกาสเกินเป้าหมายดังกล่าวหรือไม่ เพราะสถานการณ์เงินบาทในปีที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกมากนัก เนื่องจากการแข็งค่าเงินบาทเกิดขึ้นจริงๆช่วงปลายปี และได้มีการดูแลสถานการณ์จากหลายฝ่ายจนทำให้เงินบาทแม้จะแข็งค่าแต่ก็มีเสถียรภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การส่งออกในเดือนธ.ค.50 มีโอกาสขยายตัวได้มากกว่า 20% มูลค่าสูงกว่า 13,000 ล้านเหรียญ เพราะทิศทางการส่งออกไทยขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนพ.ย. ซึ่งมีอัตราขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์คือ 24.38% มูลค่า 14,720.1 ล้านเหรียญ ส่วนในปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการขยายตัวที่ 10-12.5% อย่างไรก็ตาม หากในปี 50การส่งออกขยายตัวเกินกว่าเป้าหมาย เป็นไปได้ที่กระทรวงจะปรับเป้าหมายการส่งออกปี 51 ใหม่ โดยอาจจะต้องปรับลดลง
ทั้งนี้เพราะฐานการส่งออกที่มากกว่า 150,000 ล้านเหรียญ หากต้องขยายตัวอีก 10-12.5% จะเป็นไปได้ลำบากมาก เพราะปี 51 มีปัจจัยเสี่ยงจากราคาน้ำมันตลาดโลกทรงตัวสูง ทำให้เศรษฐกิจโลกและตลาดส่งออกสำคัญชะลอตัว โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯที่ยังต้องประสบกับปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) รวมถึงกระทบด้านต้นทุนการผลิต และค่าขนส่งของผู้ประกอบการไทย รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก