สนช. ตั้งกระทู้สด จี้ถามนายกฯ เหตุศึกโรงเหล็ก "แม่รำพึง" จวกรัฐบาล ปล่อยอันธพาล ตีม็อบต้าน อัด ตร.ยืนดูเฉยไม่ระงับเหตุ ด้านรมช.มหาดไทย ยืนข้างนายทุน รับประกัน "สหวิริยา" ทำถูกกฎหมาย ตอกกลับ"กลุ่มอนุรักษ์"ดื้อ ปิดล้อม อบต. ทำร้ายประชาชน ยัน จนท.ยึดหลักเมตตาธรรม แก้สถานการณ์
ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวานนี้ (16ม.ค.) มีการตั้งกระทู้สดของ นายสมชาย แสวงการ สนช. ถามนายกรัฐมนตรี กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยปละละเลยไม่เข้าระงับเหตุการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุน (เสื้อแดง) และกลุ่มคัดค้าน (เสื้อเหลือง ) กรณีก่อสร้างโรงงานถลุงเหล็ก ที่ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ดำเนินการโดยบริษัทในเครือสหวิริยา เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.50 ซึ่งผู้คัดค้านถูกทำร้ายบาดเจ็บนับสิบราย ทั้งๆ ที่เหตุการณ์เกิดขึ้นบริเวณที่ทำการขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางสะพาน ซึ่งถือเป็นหน่วยงานราชการเอง รวมทั้งขอถามว่า จะมีหนทางแก้ปัญหาอย่างไร สำหรับกรณีที่มีกลุ่มวัยรุ่นอันธพาลจากนอกพื้นที่ มาทำร้ายกลุ่มอนุรักษ์ ที่ใช้สิทธิเคลื่อนไหวคัดค้านตามที่รัฐธรรมนูญ เปิดทางให้มีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชน
นายบัญญัติ จันท์เสนะ รมช.มหาดไทย ซึ่งเป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี ตอบว่า ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเสื้อแดง และเสื้อเขียว มีมาก่อนวันที่ 19 ธ.ค. 50 โดยกลุ่มอนุรักษ์ เรียกร้องให้ตรวจสอบการได้มาของที่ดินที่ใช้ในการก่อสร้างจำนวน 222 ไร่ ซึ่งต่อมาได้มีการตรวจสอบพบว่า ที่ดินทั้งหมดนั้นทางบริษัทได้ซื้อไว้ตั้งแต่ปี 48 โดยมีหลักฐานรับรองการทำประโยชน์ชัดเจน จากนั้นกลุ่มอนุรักษ์ ยังคัดค้านการถมดินโดยอ้างว่า ต้องทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) เสียก่อน แต่ปรากฎว่า ทางโยธาจังหวัดมีหนังสือยืนยันว่า สามารถทำได้โดยไม่ต้องทำอีไอเอ
นอกจากนี้กลุ่มอนุรักษ์ ยังได้ต่อต้านการถมดินด้วยการประท้วงที่ อบต.บางสะพาน มีการทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ทำร้ายประชาชนที่มาติดต่อราชการ และได้ปิดล้อม อบต.กว่า 7 ชั่วโมง จนอบต.ต้องยกเลิกสัญญาการถมดิน แต่ภายหลัง อบต.ได้เข้าแจ้งความกลุ่มอนุรักษ์ ว่าใช้กำลังข่มขู่ หน่วงเหนี่ยว ขู่เข็ญให้ต้องกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ส่วนเหตุการณ์ปะทะในวันที่ 19 ธ.ค. 50 นั้นเกิดขึ้นระหว่างที่ตำรวจ กำลังเจรจากับกลุ่มอนุรักษ์ แต่ทั้งสองกลุ่มกับพูดจายั่วยุกัน จนเกิดการปะทะ ยิงหนังสติ๊กใส่กัน ในที่สุดมีผู้บาดเจ็บ 12 คน กลุ่มอนุรักษ์ 10 คน และกลุ่มสนับสนุน 2 คน โดยตำรวจได้แจ้งความจับทั้งสองฝ่ายแล้ว
"ส่วนมาตรการระงับเหตุนั้น คณะรัฐมนตรี ได้กำหนดแนวทางโดยใช้หลักเมตตาธรรม โดยให้ตั้สมมติฐานว่าประชาชนที่มาชุมนุมนั้น มีความทุกข์ แต่หากประชาชนยังก้าวร้าว หรือละเมิดสิทธิผู้อื่น ทำลายทรัพยากรของราชการต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง" รมช.มหาดไทย กล่าว
ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวานนี้ (16ม.ค.) มีการตั้งกระทู้สดของ นายสมชาย แสวงการ สนช. ถามนายกรัฐมนตรี กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยปละละเลยไม่เข้าระงับเหตุการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุน (เสื้อแดง) และกลุ่มคัดค้าน (เสื้อเหลือง ) กรณีก่อสร้างโรงงานถลุงเหล็ก ที่ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ดำเนินการโดยบริษัทในเครือสหวิริยา เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.50 ซึ่งผู้คัดค้านถูกทำร้ายบาดเจ็บนับสิบราย ทั้งๆ ที่เหตุการณ์เกิดขึ้นบริเวณที่ทำการขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางสะพาน ซึ่งถือเป็นหน่วยงานราชการเอง รวมทั้งขอถามว่า จะมีหนทางแก้ปัญหาอย่างไร สำหรับกรณีที่มีกลุ่มวัยรุ่นอันธพาลจากนอกพื้นที่ มาทำร้ายกลุ่มอนุรักษ์ ที่ใช้สิทธิเคลื่อนไหวคัดค้านตามที่รัฐธรรมนูญ เปิดทางให้มีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชน
นายบัญญัติ จันท์เสนะ รมช.มหาดไทย ซึ่งเป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี ตอบว่า ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเสื้อแดง และเสื้อเขียว มีมาก่อนวันที่ 19 ธ.ค. 50 โดยกลุ่มอนุรักษ์ เรียกร้องให้ตรวจสอบการได้มาของที่ดินที่ใช้ในการก่อสร้างจำนวน 222 ไร่ ซึ่งต่อมาได้มีการตรวจสอบพบว่า ที่ดินทั้งหมดนั้นทางบริษัทได้ซื้อไว้ตั้งแต่ปี 48 โดยมีหลักฐานรับรองการทำประโยชน์ชัดเจน จากนั้นกลุ่มอนุรักษ์ ยังคัดค้านการถมดินโดยอ้างว่า ต้องทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) เสียก่อน แต่ปรากฎว่า ทางโยธาจังหวัดมีหนังสือยืนยันว่า สามารถทำได้โดยไม่ต้องทำอีไอเอ
นอกจากนี้กลุ่มอนุรักษ์ ยังได้ต่อต้านการถมดินด้วยการประท้วงที่ อบต.บางสะพาน มีการทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ทำร้ายประชาชนที่มาติดต่อราชการ และได้ปิดล้อม อบต.กว่า 7 ชั่วโมง จนอบต.ต้องยกเลิกสัญญาการถมดิน แต่ภายหลัง อบต.ได้เข้าแจ้งความกลุ่มอนุรักษ์ ว่าใช้กำลังข่มขู่ หน่วงเหนี่ยว ขู่เข็ญให้ต้องกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ส่วนเหตุการณ์ปะทะในวันที่ 19 ธ.ค. 50 นั้นเกิดขึ้นระหว่างที่ตำรวจ กำลังเจรจากับกลุ่มอนุรักษ์ แต่ทั้งสองกลุ่มกับพูดจายั่วยุกัน จนเกิดการปะทะ ยิงหนังสติ๊กใส่กัน ในที่สุดมีผู้บาดเจ็บ 12 คน กลุ่มอนุรักษ์ 10 คน และกลุ่มสนับสนุน 2 คน โดยตำรวจได้แจ้งความจับทั้งสองฝ่ายแล้ว
"ส่วนมาตรการระงับเหตุนั้น คณะรัฐมนตรี ได้กำหนดแนวทางโดยใช้หลักเมตตาธรรม โดยให้ตั้สมมติฐานว่าประชาชนที่มาชุมนุมนั้น มีความทุกข์ แต่หากประชาชนยังก้าวร้าว หรือละเมิดสิทธิผู้อื่น ทำลายทรัพยากรของราชการต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง" รมช.มหาดไทย กล่าว
