ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ซึ่งจะมีการก่อสร้างโรงถลุงเหล็ก เมืองร้อยเกาะ เข้ามอบตัวต่อตำรวจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมปฏิเสธข้อหาเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงกลุ่มผู้สนับสนุน ระบุมีพยานรู้เห็นชัดเจนว่าในวันเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน ขณะที่ตำรวจให้ประกันตัวออกไป โดยตำแหน่ง ส.ส.ของ “อ.โต้ง” ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ด้วยผู้ต้องหาแสดงความบริสุทธิ์เข้ามอบตัวเอง
วันนี้ (30 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น นำตัว นายบำรุง สุดสวาท อายุ 33 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ต้องหาในคดีฆ่า นายรักษ์ศักดิ์ คงตระกูล เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ม.ค.2551 ที่บริเวณถนนดอนสำราญ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่แกนนำม็อบคัดค้านการสร้างโรงถลุงเหล็กของบริษัท สหวิริยา ต.แม่รำพึง กับม็อบสนับสนุนการสร้างโรงถลุงเหล็กปะทะกัน ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้น และนายรักษ์ศักดิ์ได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ต่อมามีการแจ้งความว่านายบำรุงเป็นบุคคลที่ใช้อาวุธปืนยิงนายรักษ์ศักดิ์ถึงแก่ความตายดังกล่าว เดินทางมามอบตัวต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. โดยมี พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวแทนลงไปรับการมอบตัวดังกล่าว
นายบำรุง กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเสียชีวิตของนายรักษ์ศักดิ์แต่อย่างใด เนื่องจากในวันเกิดเหตุไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าวันนั้นอยู่ไหน ซึ่งมีพยานยืนยันชัดเจน แต่เป็นรายละเอียดในสำนวน ตนเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการประท้วง ไม่เคยมีประวัติก่อเหตุ ตรวจสอบประวัติของตนได้ ส่วนเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนยิงนายรักษ์ศักดิ์อาจจะเป็นเพราะกลุ่มที่สนับสนุนมองว่าตนเป็นแกนนำให้กับชาวบ้านช่วยเหลือกลุ่มอนุรักษ์ ทั้งๆ ที่ตนไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องคดีได้มอบหมายให้นายวีระ สมความคิดช่วยดูแล ซึ่งตอนนี้ตนเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของครอบครัว ที่ผ่านมามีคนมาข่มขู่ว่าจะทำร้ายหรืออุ้มไปฆ่าบ้าง
“การมามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันนี้ เนื่องจากผมไม่มั่นใจในการทำงานของตำรวจในท้องที่และความปลอดภัย เพราะคดีในพื้นที่เกิดแล้วเกิดอีก ส่วนคดีนี้ใครจะเป็นคนร้ายผมไม่ทราบ แต่คิดว่าฝ่ายตรงกันข้ามน่าจะรู้ว่าใครเป็นคนทำ ซึ่งหากผมได้รับการประกันตัวออกไป ก็คงจะไม่เข้าไปในพื้นที่เพราะเกรงกลัวอิทธิพลในพื้นที่เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย” นายบำรุง กล่าว
ด้าน นางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด จ.ประจวบฯ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างม็อบทั้งสองฝ่ายว่า ในวันนั้นกลุ่มผู้ประท้วงการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กประมาณ 100 คนได้เดินออกไปประท้วงบนถนนสาธารณะดอนสำราญ ซึ่งก่อนออกเดินทางได้มีตำรวจมาค้นอาวุธก็ไม่พบว่าใครพกอาวุธปืนหรือมีด มีเพียงหนังสติ๊กเท่านั้น ต่อมาเมื่อประมาณ 14.00 น. กลุ่มผู้สนับสนุนซึ่งซุ่มอยู่บริเวณสวนปาล์มส่วนมากเป็นเด็กวัยรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ประมาณ 100 คน ได้ใช้หนังสติ๊กยิงมาที่กลุ่มผู้คัดค้าน ซึ่งก็มีการตอบโต้กันไป จนเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.ขณะที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษประมาณ 10 นายกำลังจะนั่งรถออกไปได้มีเสียงปืนดังขึ้น กลุ่มวัยรุ่นได้วิ่งออกมาจากที่ซุ่มถือมีด ถือขวดเบียร์ เข้ามาจะทำร้ายกลุ่มผู้ประท้วง ขณะนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด ชาวบ้านจึงตะโกนกันว่าให้หมอบลง
นางจินตนา กล่าวต่อว่า หลังจากเหตุการณ์สงบลง กลุ่มผู้คัดค้านก็เดินทางกลับซึ่งระหว่างนั้นตำรวจก็มาค้นตัวชาวบ้านก็ไม่พบว่าใครพกปืน หรือมีดแต่อย่างใด ซึ่งตนก็ไม่เชื่อว่าฝ่ายชาวบ้านจะเป็นคนยิง เพราะเราไปตรวจที่เกิดเหตุพบว่ากระสุนปืนที่ฝังอยู่ตามต้นมะพร้าวก็มีวิถีมาจากอีกฝั่งหนึ่งไม่ได้มาจากกลุ่มของชาวบ้านนอกจากนั้น ปืนที่ตำรวจไปค้นเจอ 2 กระบอกก็เป็นปืนของมารดานายบำรุง ซึ่งอยู่กันคนละที่กับที่พักของนายบำรุง ชาวบ้านจึงเชื่อว่านายบำรุงบริสุทธิ์ เพราะเท่าที่ผ่านมานายบำรุงเองก็ไม่ค่อยได้เข้าร่วมในการเคลื่อนไหวเท่าใดนักเพราะเขาเป็นผู้นำชุมชน เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มีเพียงมารดาของเขาที่ออกมาร่วมในการต่อต้านคัดค้าน เชื่อว่าที่มีการออกหมายจับระบุว่าเป็นนายบำรุง เพราะนายบำรุงเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเพียงคนเดียวที่อยู่ในกลุ่มผู้คัดค้านต่อต้านการสร้างโรงถลุงเหล็ก
ด้าน นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า การสร้างโรงถลุงเหล็กที่ ต.แม่รำพึง ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวบ้าน และสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน และทราบข้อมูลจากชาวบ้านว่าการสร้างโรงถลุงเหล็กนี้ไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ ทั้งจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ไม่มีการสำรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีการบุกรุกพื้นที่สาธารณะประโยชน์กว่า 1 พันไร่ จึงมีการตั้งคำถามว่าออกใบอนุญาตในที่สาธารณประโยชน์ได้อย่างไร พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าพรุ ปลาใช้ในการเพาะพันธุ์ คล้ายในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา
ขณะที่ พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ผู้ต้องหาติดต่อขอมอบตัวกับ ผบ.ตร. ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เดินทางมารับตัวและสอบปากคำตามขั้นตอน ส่วนการประกันตัวได้หรือไม่อยู่ที่ดุลพินิจของพนักงานสอบสวน เป็นเรื่องปกติที่ผู้ต้องหาไม่สบายใจที่จะมอบตัวกับตำรวจในพื้นที่ ก็สามารถมามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ ทั้งนี้ ผบ.ตร.กำชับให้ทำการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาตามกรอบของกฎหมาย ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งในครั้งนี้นายไกรศักดิ์ได้แสดงความประสงค์ว่าจะใช้ตำตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวผู้ต้องหาออกไป
ต่อมาเวลา 15.30 น.คณะพนักงานสอบสวนประกอบด้วย พ.ต.อ.วรภัทร วัฒนวิศาล รองผบก.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.ท.พิศุทธิ์ ศุกระศร พนักงานสอบสวน (สบ.3) สภ.บางสะพาน พ.ต.ท.จรูญศักดิ์ โต๊ะถม พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้ทำการสอบปากคำนายบำรุงอย่างเป็นทางการโดยนายบำรุงได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมยื่นประกันตัวโดยใช้ตำแหน่ง ส.ส.ของนายไกรศักดิ์ประกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วว่าผู้ต้องหาได้ติดต่อเข้ามอบตัวเอง และไม่มีพฤติกรรมหลบหนีแต่อย่างใด จึงได้ให้ประกันตัวออกไป พร้อมได้นัดให้มาสอบปากคำอีกครั้งในวันที่ 20 ก.พ.2551 ต่อไป
วันนี้ (30 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น นำตัว นายบำรุง สุดสวาท อายุ 33 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ต้องหาในคดีฆ่า นายรักษ์ศักดิ์ คงตระกูล เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ม.ค.2551 ที่บริเวณถนนดอนสำราญ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่แกนนำม็อบคัดค้านการสร้างโรงถลุงเหล็กของบริษัท สหวิริยา ต.แม่รำพึง กับม็อบสนับสนุนการสร้างโรงถลุงเหล็กปะทะกัน ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้น และนายรักษ์ศักดิ์ได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ต่อมามีการแจ้งความว่านายบำรุงเป็นบุคคลที่ใช้อาวุธปืนยิงนายรักษ์ศักดิ์ถึงแก่ความตายดังกล่าว เดินทางมามอบตัวต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. โดยมี พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวแทนลงไปรับการมอบตัวดังกล่าว
นายบำรุง กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเสียชีวิตของนายรักษ์ศักดิ์แต่อย่างใด เนื่องจากในวันเกิดเหตุไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าวันนั้นอยู่ไหน ซึ่งมีพยานยืนยันชัดเจน แต่เป็นรายละเอียดในสำนวน ตนเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการประท้วง ไม่เคยมีประวัติก่อเหตุ ตรวจสอบประวัติของตนได้ ส่วนเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนยิงนายรักษ์ศักดิ์อาจจะเป็นเพราะกลุ่มที่สนับสนุนมองว่าตนเป็นแกนนำให้กับชาวบ้านช่วยเหลือกลุ่มอนุรักษ์ ทั้งๆ ที่ตนไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องคดีได้มอบหมายให้นายวีระ สมความคิดช่วยดูแล ซึ่งตอนนี้ตนเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของครอบครัว ที่ผ่านมามีคนมาข่มขู่ว่าจะทำร้ายหรืออุ้มไปฆ่าบ้าง
“การมามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันนี้ เนื่องจากผมไม่มั่นใจในการทำงานของตำรวจในท้องที่และความปลอดภัย เพราะคดีในพื้นที่เกิดแล้วเกิดอีก ส่วนคดีนี้ใครจะเป็นคนร้ายผมไม่ทราบ แต่คิดว่าฝ่ายตรงกันข้ามน่าจะรู้ว่าใครเป็นคนทำ ซึ่งหากผมได้รับการประกันตัวออกไป ก็คงจะไม่เข้าไปในพื้นที่เพราะเกรงกลัวอิทธิพลในพื้นที่เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย” นายบำรุง กล่าว
ด้าน นางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด จ.ประจวบฯ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างม็อบทั้งสองฝ่ายว่า ในวันนั้นกลุ่มผู้ประท้วงการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กประมาณ 100 คนได้เดินออกไปประท้วงบนถนนสาธารณะดอนสำราญ ซึ่งก่อนออกเดินทางได้มีตำรวจมาค้นอาวุธก็ไม่พบว่าใครพกอาวุธปืนหรือมีด มีเพียงหนังสติ๊กเท่านั้น ต่อมาเมื่อประมาณ 14.00 น. กลุ่มผู้สนับสนุนซึ่งซุ่มอยู่บริเวณสวนปาล์มส่วนมากเป็นเด็กวัยรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ประมาณ 100 คน ได้ใช้หนังสติ๊กยิงมาที่กลุ่มผู้คัดค้าน ซึ่งก็มีการตอบโต้กันไป จนเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.ขณะที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษประมาณ 10 นายกำลังจะนั่งรถออกไปได้มีเสียงปืนดังขึ้น กลุ่มวัยรุ่นได้วิ่งออกมาจากที่ซุ่มถือมีด ถือขวดเบียร์ เข้ามาจะทำร้ายกลุ่มผู้ประท้วง ขณะนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด ชาวบ้านจึงตะโกนกันว่าให้หมอบลง
นางจินตนา กล่าวต่อว่า หลังจากเหตุการณ์สงบลง กลุ่มผู้คัดค้านก็เดินทางกลับซึ่งระหว่างนั้นตำรวจก็มาค้นตัวชาวบ้านก็ไม่พบว่าใครพกปืน หรือมีดแต่อย่างใด ซึ่งตนก็ไม่เชื่อว่าฝ่ายชาวบ้านจะเป็นคนยิง เพราะเราไปตรวจที่เกิดเหตุพบว่ากระสุนปืนที่ฝังอยู่ตามต้นมะพร้าวก็มีวิถีมาจากอีกฝั่งหนึ่งไม่ได้มาจากกลุ่มของชาวบ้านนอกจากนั้น ปืนที่ตำรวจไปค้นเจอ 2 กระบอกก็เป็นปืนของมารดานายบำรุง ซึ่งอยู่กันคนละที่กับที่พักของนายบำรุง ชาวบ้านจึงเชื่อว่านายบำรุงบริสุทธิ์ เพราะเท่าที่ผ่านมานายบำรุงเองก็ไม่ค่อยได้เข้าร่วมในการเคลื่อนไหวเท่าใดนักเพราะเขาเป็นผู้นำชุมชน เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มีเพียงมารดาของเขาที่ออกมาร่วมในการต่อต้านคัดค้าน เชื่อว่าที่มีการออกหมายจับระบุว่าเป็นนายบำรุง เพราะนายบำรุงเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเพียงคนเดียวที่อยู่ในกลุ่มผู้คัดค้านต่อต้านการสร้างโรงถลุงเหล็ก
ด้าน นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า การสร้างโรงถลุงเหล็กที่ ต.แม่รำพึง ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวบ้าน และสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน และทราบข้อมูลจากชาวบ้านว่าการสร้างโรงถลุงเหล็กนี้ไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ ทั้งจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ไม่มีการสำรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีการบุกรุกพื้นที่สาธารณะประโยชน์กว่า 1 พันไร่ จึงมีการตั้งคำถามว่าออกใบอนุญาตในที่สาธารณประโยชน์ได้อย่างไร พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าพรุ ปลาใช้ในการเพาะพันธุ์ คล้ายในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา
ขณะที่ พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ผู้ต้องหาติดต่อขอมอบตัวกับ ผบ.ตร. ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เดินทางมารับตัวและสอบปากคำตามขั้นตอน ส่วนการประกันตัวได้หรือไม่อยู่ที่ดุลพินิจของพนักงานสอบสวน เป็นเรื่องปกติที่ผู้ต้องหาไม่สบายใจที่จะมอบตัวกับตำรวจในพื้นที่ ก็สามารถมามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ ทั้งนี้ ผบ.ตร.กำชับให้ทำการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาตามกรอบของกฎหมาย ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งในครั้งนี้นายไกรศักดิ์ได้แสดงความประสงค์ว่าจะใช้ตำตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวผู้ต้องหาออกไป
ต่อมาเวลา 15.30 น.คณะพนักงานสอบสวนประกอบด้วย พ.ต.อ.วรภัทร วัฒนวิศาล รองผบก.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.ท.พิศุทธิ์ ศุกระศร พนักงานสอบสวน (สบ.3) สภ.บางสะพาน พ.ต.ท.จรูญศักดิ์ โต๊ะถม พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้ทำการสอบปากคำนายบำรุงอย่างเป็นทางการโดยนายบำรุงได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมยื่นประกันตัวโดยใช้ตำแหน่ง ส.ส.ของนายไกรศักดิ์ประกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วว่าผู้ต้องหาได้ติดต่อเข้ามอบตัวเอง และไม่มีพฤติกรรมหลบหนีแต่อย่างใด จึงได้ให้ประกันตัวออกไป พร้อมได้นัดให้มาสอบปากคำอีกครั้งในวันที่ 20 ก.พ.2551 ต่อไป