ครอบครัวพนักงานสหวิริยาที่ถูกยิงเสียชีวิตร้องขอความเป็นธรรม ตร. หวั่นพยานถูกข่มขู่หลังผู้ต้องหาได้ประกันตัว เพื่อนร่วมงาน เผย จำหน้าคนก่อเหตุได้ แต่เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะจับผู้ต้องหาได้คนเดียว ด้าน “พงศพัศ” ยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
วันนี้ (31 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสุวรรณ ทองกลอย ประธานสภาทนายความจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นางผิน คงตระกูล อายุ 60 ปี นางลำพู แสงทอง อายุ 37 ปี ด.ญ.พรพินิจ คงตระกูล อายุ 8 ปี มารดา ภรรยา และลูกสาวนายรักษ์ศักดิ์ คงตระกูล พนักงานบริษัทในเครือสหวิริยา ที่ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างเหตุการณ์ปะทะกันของกลุ่มสนับสนุนและกลุ่มคัดค้านโรงงานถลุงเหล็กที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 24 ม.ค.2551 และตัวแทนชาวบ้าน เณร เพื่อนร่วมงานที่อยู่ในเหตุการณ์วันเกิดเหตุ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมในคดีนี้ต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ผ่านทาง พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นายสุวรรณ กล่าวว่า หลังจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค.นายบำรุง สุดสวาท ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.แม่รำพึง ผู้ต้องหายิง นายรักศักดิ์ เสียชีวิต เข้ามอบตัวและได้รับการประกันตัวออกไป ก็หวั่นเกรงว่าพยานในคดีจะถูกคุกคาม จากกลุ่มอิทธิพลที่กำลังจะช่วยให้ผู้ต้องหาหลุดพ้นคดี พร้อมกับวิงวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดีกับผู้ต้องหา และดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นทุกวันจากการกระทำของกลุ่มที่คัดค้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังยื่นหนังสือลูกสาวนายรักศักดิ์ และกลุ่มชาวบ้านได้ร่วมกันมอบดอกไม้ให้ พล.ต.ท.พงศพัศ เพื่อแสดงความขอบคุณและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีนี้ทุกนาย นอกจากนั้นเณรจำนวน 7 รูป ซึ่งเป็นเพื่อนนายรักศักดิ์ซึ่งพร้อมใจบวชหน้าไฟเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ นายรักศักดิ์ ยังได้ร่วมกันบิณฑบาตความขัดแย้งและความรุนแรงที่เกิดขึ้นด้วย
นายธีรยุทธ เจริญยิ่งอายุ 25 ปี พนักงานชั่วคราว บริษัท เอสทีคอนแทร็คเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับเหมาปรับพื้นที่สร้างโรงถลุงเหล็ก และเป็นเพื่อนร่วมงานของผู้ตาย ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนพร้อมคนงานอื่นๆ รวมทั้งผู้ตายได้เข้าไปทำงานปรับพื้นที่ตามปกติ โดยก่อนเข้างานได้ถูกตรวจค้นอาวุธจากตำรวจที่ตั้งด่าน เนื่องจากมีการชุมนุมของม็อบคัดค้าน โดยระหว่างทำงานได้ถูกกลุ่มม็อบดังกล่าวทำร้ายโดยใช้หนังสติ๊กยิงใส่ และพูดจายั่วยุ ทำให้พวกตนทนไม่ไหวมีการตอบโต้ ไปบ้าง กระทั่งกลุ่มม็อบได้พยายามบุกเข้ามาในพื้นที่ของบริษัทและทำลายทรัพย์สิน พวกตนจึงเข้าไปขัดขวาง ระหว่างนั้นได้มีชายฉกรรจ์ 5 คน ได้ชักอาวุธปืนยิงมาทางพวกตน ทำให้ตนและเพื่อนคนงานต่างตกใจวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น จังหวะนั้นผู้ตายเองก็กำลังหันหลังวิ่งแต่ถูกยิงจนล้มฟุบไปกองกับพื้น ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นายธีรยุทธ กล่าวยืนยันว่า วันเกิดเหตุพวกตนไม่มีอาวุธ และไม่ได้ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มผู้สนับสนุนโรงงานถลุงเหล็ก พวกตนแค่เข้าไปทำงานตามหน้าที่ตามปกติเท่านั้น จึงอยากให้ตำรวจให้ความเป็นธรรม เข้ามาดูแลด้วย ส่วนในเรื่องคดีพวกตนได้ให้การกับตำรวจไปหมดแล้ว ว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นใคร เนื่องพวกตนจำหน้าได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นคนในพื้นที่ แต่ที่มาเพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้รับเรื่องไว้ โดยจะนำเรียน ผบ.ตร.ซึ่งคดีนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.สส.รับผิดชอบ เพราะเรื่องเก่ามีการร้องเรียนไว้อยู่แล้ว 1 เรื่อง อย่างไรก็ตาม วานนี้ ทางผู้ต้องหาก็ได้เข้ามอบตัว ซึ่งฝ่ายนี้เกรงว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมายื่นหนังสือ ซึ่งตนขอยืนยันว่าตร.จะดูแลให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ส่วนเรื่องคดียืนยันว่าไม่ล่าช้า แต่ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
วันนี้ (31 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสุวรรณ ทองกลอย ประธานสภาทนายความจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นางผิน คงตระกูล อายุ 60 ปี นางลำพู แสงทอง อายุ 37 ปี ด.ญ.พรพินิจ คงตระกูล อายุ 8 ปี มารดา ภรรยา และลูกสาวนายรักษ์ศักดิ์ คงตระกูล พนักงานบริษัทในเครือสหวิริยา ที่ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างเหตุการณ์ปะทะกันของกลุ่มสนับสนุนและกลุ่มคัดค้านโรงงานถลุงเหล็กที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 24 ม.ค.2551 และตัวแทนชาวบ้าน เณร เพื่อนร่วมงานที่อยู่ในเหตุการณ์วันเกิดเหตุ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมในคดีนี้ต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ผ่านทาง พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นายสุวรรณ กล่าวว่า หลังจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค.นายบำรุง สุดสวาท ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.แม่รำพึง ผู้ต้องหายิง นายรักศักดิ์ เสียชีวิต เข้ามอบตัวและได้รับการประกันตัวออกไป ก็หวั่นเกรงว่าพยานในคดีจะถูกคุกคาม จากกลุ่มอิทธิพลที่กำลังจะช่วยให้ผู้ต้องหาหลุดพ้นคดี พร้อมกับวิงวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดีกับผู้ต้องหา และดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นทุกวันจากการกระทำของกลุ่มที่คัดค้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังยื่นหนังสือลูกสาวนายรักศักดิ์ และกลุ่มชาวบ้านได้ร่วมกันมอบดอกไม้ให้ พล.ต.ท.พงศพัศ เพื่อแสดงความขอบคุณและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีนี้ทุกนาย นอกจากนั้นเณรจำนวน 7 รูป ซึ่งเป็นเพื่อนนายรักศักดิ์ซึ่งพร้อมใจบวชหน้าไฟเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ นายรักศักดิ์ ยังได้ร่วมกันบิณฑบาตความขัดแย้งและความรุนแรงที่เกิดขึ้นด้วย
นายธีรยุทธ เจริญยิ่งอายุ 25 ปี พนักงานชั่วคราว บริษัท เอสทีคอนแทร็คเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับเหมาปรับพื้นที่สร้างโรงถลุงเหล็ก และเป็นเพื่อนร่วมงานของผู้ตาย ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนพร้อมคนงานอื่นๆ รวมทั้งผู้ตายได้เข้าไปทำงานปรับพื้นที่ตามปกติ โดยก่อนเข้างานได้ถูกตรวจค้นอาวุธจากตำรวจที่ตั้งด่าน เนื่องจากมีการชุมนุมของม็อบคัดค้าน โดยระหว่างทำงานได้ถูกกลุ่มม็อบดังกล่าวทำร้ายโดยใช้หนังสติ๊กยิงใส่ และพูดจายั่วยุ ทำให้พวกตนทนไม่ไหวมีการตอบโต้ ไปบ้าง กระทั่งกลุ่มม็อบได้พยายามบุกเข้ามาในพื้นที่ของบริษัทและทำลายทรัพย์สิน พวกตนจึงเข้าไปขัดขวาง ระหว่างนั้นได้มีชายฉกรรจ์ 5 คน ได้ชักอาวุธปืนยิงมาทางพวกตน ทำให้ตนและเพื่อนคนงานต่างตกใจวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น จังหวะนั้นผู้ตายเองก็กำลังหันหลังวิ่งแต่ถูกยิงจนล้มฟุบไปกองกับพื้น ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นายธีรยุทธ กล่าวยืนยันว่า วันเกิดเหตุพวกตนไม่มีอาวุธ และไม่ได้ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มผู้สนับสนุนโรงงานถลุงเหล็ก พวกตนแค่เข้าไปทำงานตามหน้าที่ตามปกติเท่านั้น จึงอยากให้ตำรวจให้ความเป็นธรรม เข้ามาดูแลด้วย ส่วนในเรื่องคดีพวกตนได้ให้การกับตำรวจไปหมดแล้ว ว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นใคร เนื่องพวกตนจำหน้าได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นคนในพื้นที่ แต่ที่มาเพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้รับเรื่องไว้ โดยจะนำเรียน ผบ.ตร.ซึ่งคดีนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.สส.รับผิดชอบ เพราะเรื่องเก่ามีการร้องเรียนไว้อยู่แล้ว 1 เรื่อง อย่างไรก็ตาม วานนี้ ทางผู้ต้องหาก็ได้เข้ามอบตัว ซึ่งฝ่ายนี้เกรงว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมายื่นหนังสือ ซึ่งตนขอยืนยันว่าตร.จะดูแลให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ส่วนเรื่องคดียืนยันว่าไม่ล่าช้า แต่ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
