xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ชัก 2 ใบแดงว่าที่ ส.ส.ปลาไหล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กฤษฎีกาตอกฝาโลง 3 ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 1 พปช.หลังมีมติเอกฉันท์เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามที่ กกต.เสนอ ด้าน พปช.ดิ้นสู้เตรียมร้องศาลฎีกาวันนี้ ล่าสุด กกต.แจกอีก 2 ใบแดง ให้ "มณเฑียร-นันทนา" ว่าที่ ส.ส.ชัยนาท พรรคชาติไทย พร้อมชักใบเหลืองอีก 10 ใบ ให้กับ ว่าที่ ส.ส.พปช. เขต1,2,3 อุดรฯ 8 ว่าที่ ส.ส.ปชป.เพชรบูรณ์ 1 คน และว่าที่ ส.ส.ชัยภูมิ ชท.อีก 1 ราย ส่วน "ไพฑูรย์-นราพัฒน์" ค่าย ปชป.พิจิตร เฮ กกต.ยกคำร้อง แถมประกาศรับรอง ส.ส.เพิ่มอีก 6 เลขาฯ กกต.เผยประสานตำรวจรับมือม็อบ "ยูทธ ตู้เย็น" ที่จะขนมากดดันระหว่างชี้แจงการทุจริตวันนี้ ประธาน คมช.ลั่นผู้ว่าฯ ต้องรับผิดชอบม็อบบุรีรัมย์

วานนี้ (7 ม.ค.) มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการพิจารณาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่มีนาย มีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน ซึ่งได้มีการพิจารณาสำนวนสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 3 ว่าที่ ส.ส.เขต 1 จ.บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน ประกอบด้วยนายประกิจ พลเดช นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน และนายรุ่งโรจน์ ทองศรี ของ กกต.นานกว่า 2 ชั่งโมง

นายอัชพร จารุจินดา รองเลขาธิการ คณะกรรมการกฤษฎีกา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบฯ แถลงว่า คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาใน 2 ประเด็นคือ 1.กระบวนการพิจารณาของกกต. ในเรื่องสำนวนดังกล่าวเป็นไปโดยชอบ ด้วยกฎหมายและเที่ยงธรรมหรือไม่ จากการตรวจสอบสำนวนการสืบสวน สอบสวนทั้งหมด พบว่า กกต.ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ และให้มีการแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 รายได้มีโอกาสมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา รวมทั้งได้นำพยานหลักฐานเข้าสืบต่อคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เมื่อแล้วเสร็จ จึงทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดเสนอต่อ กกต. เมื่อกกต.พิจารณาแล้ว เห็นว่า เชื่อได้ว่ามีการกระทำผิดตามกฎหมายเลือกตั้งจริง ทางคณะกรรมการตรวจสอบฯจึงเห็นว่ากระบวนการการพิจารณาของกกต. เป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมาย

2.การพิจารณาในข้อเท็จจริงข้อกฎหมายของกกต.เป็นไปด้วยความเที่ยงธรรม หรือไม่ คณะกรรมการตรวจสอบฯเห็นว่า การให้ความเห็นสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ตั้งอยู่บนพื้นฐานการพิจารณาหลักฐานที่ปรากฎอยู่ในสำนวน จึงใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยโดยเชื่อว่าพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นได้มีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง สมควรสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

"ขอชี้แจงว่าการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบฯ เป็นการตรวจสอบในขั้นตอน วิธีการพิจารณาของ กกต.ว่ามีการให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหา เพียงพอหรือไม่ ส่วนในเรื่องดุลยพินิจเป็นเรื่องท ี่กกต.จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ใช่ความรับผิดชอบของคณะกรรมการตรวจสอบฯที่จะลงไปตรวจสอบชั่งน้ำหนักพยาน หลักฐาน แล้วดูว่าการใช้ดุลยพินิจของกกต.ถูกต้องหรือไม่ ดังนั้นโดยสรุปคณะกรรมการตรวจสอบฯ ด้วยเสียงเอกฉันท์เห็นว่าการดำเนินการของกกต.ในเรื่องนี้ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว จากนี้คณะกรรมการตรวจสอบฯก็จะได้มีการสั่งความเห็นดังกล่าวกลับไปยังกกต.ภายในวันเดียวกัน"

นายอัชพร กล่าวว่า แม้ทางพรรคพลังประชาชนจะได้มีการส่งหนังสือโต้แย้งและคำชี้แจงมา ซึ่งก็มีการนำเสนอให้คณะกรรมการตรวจสอบฯได้พิจารณา แต่ตามมาตรา 105 ของพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.ให้คณะกรรมการตรวจสอบฯ ได้พิจารณาโดยยึดสำนวนการสืบสอบสวนสวนของกกต.เป็นหลัก

ส่วนที่มีการมองว่า การไม่ให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อกล่าวหาต่อกกต. โดยตรง อาจจะขัดกับกฎหมายนั้น คณะกรรมการตรวจสอบฯ ได้ตรวจสอบในข้อกฎหมายแล้ว เห็นว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 236 (5) ได้ให้อำนาจกกต.สืบสวนสอบสวน เพื่อหาข้อเท็จจริงและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหา หรือข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นตามกฎหมายเลือกตั้ง ดังนั้นเมื่อ กกต.วินิจฉัยว่าสามารถออกระเบียบมอบให้บุคคลใดไปรับฟังคำชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาได้ก็ต้องเป็นไปตามดุลยพินิจ

พปช.ดิ้นสู้ยื่นร้องศาลฎีกาวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากคณะกรรมการกฤษฎีกามีมติยืนตามความเห็นของ กกต.ที่ให้ใบแดง 3 ว่าที่ผู้สมัครพรรคไทยรักไทย จ.บุรีรัมย์ โดยให้ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 1 ป พร้อมดำเนินคดีอาญาและให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการเลือกตั้ง นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคฯ พร้อมด้วย นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน และนายรุ่งโรจน์ ทองศรี ซึ่งถูกใบแดง ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายศุภชัย กล่าวว่า การตัดสินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นอดีตว่าที่ ส.ส.ทั้ง 3 จะไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาในวันที่ 8 ม.ค. เพื่อขอให้คุ้มครองชั่วคราว โดย 1. ให้ระงับการประกาศเลือกตั้งใหม่ และ2.ขอให้เพิกถอนคำสั่ง กกต.ที่ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง สำหรับกรณีที่กกต.ให้อำนาจ อนุกรรมการสอบสวนไปรับฟังถ้อยคำผู้ถูกกล่าวหาในการสอบสวน ซึ่งมาตรา 24 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ระบุต้องให้ถ้อยคำกับ กกต.เท่านั้น

กกต.ใบเหลือง 1 ปชป.-3 พปช.

วันเดียวกันมีการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนาย สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า การประชุม กกต.จะมีการพิจารณาสำนวนร้องคัดค้านทั้งสิ้น 21 สำนวน เป็นของฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต. 16 เรื่อง สำนวนที่มาจากตำรวจสันติบาลผ่านช่องทางพิเศษ 5 สำนวน ส่วนของการประกาศรับรองว่าที่ ส.ส. เพิ่มเติม 6 คน ที่ กกต.ยกคำร้องไปนั้น ขณะนี้ได้ประสานงานกับฝ่ายบริหารการเลือกตั้ง และฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต. เพื่อดูว่ามีการร้องคัดค้านเพิ่มเติมหรือไม่ หากไม่มีการร้องคัดค้านเพิ่มเติมก็คาดว่า จะประกาศรับรองได้ในวันเดียวกัน

ด้าน นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง กล่าวหลังการประชุม กกต.ในช่วงเช้า ว่า กกต. มีมติสั่งเลือกตั้งใหม่ (ให้ใบเหลือง) นายสุทัศน์ จันทร์แสงสี ว่าที่ส.ส.เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ จ.เพชรบูรณ์ และ พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ นายเชิดชัย วิเชียรวรรณ และ นายอนันต์ ศรีพันธ์ ว่าที่ ส.ส.เขต 1 อุดรธานี พรรคพลังประชาชน แต่ยังไม่ได้กำหนดวันเลือกตั้งที่แน่นอน หากไม่ทันวันที่ 13 ม.ค.ก็สามารถเลือกตั้งในวันที่ 19 หรือ 20 ม.ค.ได้

ส่วนเหตุที่ กกต.ให้นายสุทัศน์ แค่ใบเหลืองทั้งที่พยาน หลักฐานชัดเจนนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า ในขั้นตอนการลงมติ มี กกต. 3 เสียงที่เห็นว่าสมควรสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง แต่อีก 2 เสียง เห็นว่าสมควรสั่งเลือกตั้งใหม่เท่านั้น ดังนั้น เมื่อคะแนนเสียงที่สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ถึง 4 ใน 5 ตามที่กฎหมาย กำหนดจึงเป็นเพียงใบเหลืองเท่านั้น

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับคดี 3 ว่าที่ ส.ส.เขต 1 อุดรธานี พรรคพลังประชาชนจ่ายเงินให้หัวคะแนนไปแจกเงินกับชาวบ้านเพื่อจูงใจให้มาฟังการปราศรัย กกต.มีมติ 4 ต่อ 1 เสียง โดย 1 เสียงข้างน้อย 1 คือนาย สมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวนฯ ที่เห็นว่า ควรยกคำร้อง เพราะจากหลักฐานไม่สามารถชี้ขัดได้ว่าหัวคะแนนที่อ้างนั้นเป็นของใครกันแน่ มีเพียงแต่บอกว่ามีความใกล้ชิด พ.ต.ท.สุรทิน เท่านั้น และสาวไปไม่ถึงว่าที่ ส.ส.อีก 2 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนายสุทัศน์ จันทร์แสงสี ว่าที่ ส.ส.เขต 1 จ.เพชรบูรณ์ พรรคประชาธิปัตย์นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับหัวคะแนนของนายสุทัศน์ พร้อมเงิน 1.3 ล้านบาท พร้อมเอกสารแนะนำตัวผู้สมัครด้วย

ชักอีก 2 ใบแดงให้ ชท.ชัยนาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วยบ่าย กกต.ยังมีการประชุมพิจารณาสำนวนร้องเรียน การเลือกตั้งที่เหลือ หลังการประชุม นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 5 เสียง สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายมณเฑียร สงฆ์ประชา และน.ส.นันทนา สงฆ์ประชา ว่าที่ ส.ส.ชัยนาท เนื่องจากในการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนของกกต. มีพยานหลักฐานเป็นวิดีโอเทป ที่มีภาพหัวคะแนน ของบุคคลทั้ง 2 มีการเก็บบัตรประชาชนและมีการจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่บริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้งกลางในการเลือกตั้งล่วงหน้าและมีหลักฐานโยงไปถึงตัวผู้สมัคร

นอกจากนี้ยังให้เลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) ว่าที่ ส.ส.อุดรธรนี เขต 2 ได้แก่ นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น นายทองดี มนิสสาร และนายธีระชัย แสนแก้ว พรรคพลังประชาชน รวมทั้งมีมติด้วยคะแนนเสียง 4 ต่อ 1 สั่งเลือกตั้งใหม่ในกรณี นายประสพ บุษราคัม และนายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ว่าที่ส.ส.เขต 3 พรรคพลังประชาชน จ.อุดรธานี และ ชัยภูมิ เขต 2 นายบรรฑูรย์ เกียรติก้องชูชัย ว่าที่ ส.ส.พรรคชาติไทย ทั้งหมด ถูกกล่าวหาว่ามีการซื้อเสียง

ทั้งนี้ ทุกเขตเลือกตั้ง ที่กกต.สั่งเลือกตั้งใหม่ ที่ให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 20 ม.ค. 2550 ยกเว้นเขต 1 จ.นครราชสีมาที่ให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 13 ม.ค. และเขต 1 จ.บุรีรัมย์ที่ กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันพฤหัสที่ 17 ม.ค.2551

รวมแจกแล้ว 14 เหลือง 5 แดง

นอกจากนั้นที่ประชุม กกต.มีมติยกคำร้องประกอบด้วย จ.อุดรธานี กรณีนาย วิเชียร ขาวขำ ว่าที่ ส.ส.เขต 4 พรรคพลังประชาชน จ.มหาสารคาม กรณีนายสุทิน คลังแสง นาย จิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ นาย สุรจิตร ยนต์ตระกูล ว่าที่ส.ส.เขต 1 พรรคพลังประชาชน จ.ลำปาง กรณีนาย กิตติกร โล่ห์สุนทร นายธนาธร โล่ห์สุนทร นายวาสิต พยัคฆบุตร ว่าที่ส.ส.เขต1 จ.ลำปาง จ.พิจิตร กรณีนาย ไพฑูรย์ แก้วทอง ว่าที่ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 2 และนายนราพัฒน์ แก้วทอง ว่าที่ส.ส.เขต 1 จ.พิจิตร พรรคประชาธิปัตย์

ทั้งนี้ จนถึงขณะนี้ กกต.ได้สั่งให้มีการเลืกตั้งใหม่ไปแล้ว 14 ราย เป็น จ.นครราชสีมา 3 ราย ลำปาง 1 ราย เพชรบูรณ์ 1 ราย อุดรธานี 8 ราย ชัยภูมิ 1 ราย และสั่งเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้ง 5 ราย เป็นจ.ชัยนาท 2 ราย บุรีรัมย์ 3ร าย และมีมติสั่งประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.เพิ่มเติมในกรณีที่กกต.มีมติยกคำร้องเรื่องร้องคัดค้านไปแล้วรวม 6 ราย ประกอบด้วย นาย กิตติกร โล่ห์สุนทร นายวาสิต พยัคฆบุตร ว่าที่ส.ส.เขต1 จ.ลำปาง พรรคพลังประชาชน นายทศพร เทพ บุตร นาย เรวัต อารีรอบ ว่าที่ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ นายธีระ ไตรสรณะกุล และนาย วิวัฒนชัย โห ตระไวศยะ ว่าที่ส.ส.เขต 3 ศรีสะเกษ พรรคพลังประชาชน จ.ศรีสะเกษ

ขอตำรวจรับมือม็อบ "ยุทธ ตู้เย็น"

นายสุทธิพล กล่าวว่า ในการประชุม กกต.ในวันนี้ (8 ม.ค.) ซึ่งมีการเรียก นายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 พปช. มาชี้แจงข้อกล่าวหา เวลา 13.00 น. ซึ่งมีกระแสข่าวว่า จะมีม็อบมาให้กำลังใจนั้น ตนได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลความเรียบร้อยบริเวณโดยรอบสำนักงาน กกต.แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ กกต.ได้เรียก นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนเข้าชี้แจงเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้ง โดยมีรายงานว่ามีการระดมชาวบ้าน ในจ.เชียงรายเข้ากรุงเทพฯ เพื่อชุมนุมกดดันการวินิจฉัยของ กกต. หน้าสำนักงาน กกต.

นายอินหวัน บั้งเงิน ประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน 17 จังหวัดภาคเหนือและประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จ.เชียงรายกล่าวว่า ได้ทราบความเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มกำนัน 10 คนในพื้นที่ อ.แม่จัน ที่มีความใกล้ชิดนักการเมืองรายหนึ่ง ของพรรคพลังประชาชน (พปช.) ซึ่งถูก กกต.เรียกสอบสวนปากคำเรื่องการไปรับเงินซื้อเสียงที่กรุงเทพฯ ได้เดินทางไปต่างประเทศ ไปพบกับนักการเมืองรายดังกล่าวที่ฮ่องกง ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.แล้ว

นอกจากนี้อาจจะมีการนำกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านในเขตเลือกตั้งที่ 3 ที่มีอยู่ 4 อำเภอ คือ อ.แม่จัน อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.แม่ฟ้าหลวง ซึ่งมีว่าที่ผู้สมัครพรรคพลังประชาชน ได้รับการเลือกตั้ง 2 คนจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ในวันที่มีการสอบสวนปากคำว่าที่ ส.ส.และนักการเมืองพรรคพลังประชาชนด้วย ซึ่งในจุดนี้ไม่ได้มีการประสานงานมายังชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่ที่ตนดูแลทั้งสิ้น เป็นการกระทำของผู้นำบางกลุ่ม ที่ฝักใฝ่การเมือง

"ในฐานะที่เป็นประธานชมรมฯ คิดว่าไม่เหมาะสมหรือไม่บังควรอย่างยิ่ง หากจะมีการระดมมวลชนจำนวนมากเดินทางไปที่สำนักงาน กกต.กลาง ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ให้กำลังใจหรือกดดันการสอบสวนก็ตาม เพราะต้องดูเหตุการณ์บ้านเมืองประกอบ ว่าขณะนี้อยู่ในภาวะเช่นไรด้วย"

อ้าง"ยุทธ ตู้เย็น"ทำผิดไม่เกี่ยวพรรค

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงหลังการประชุมคณะผู้บริหารพรรค โดยมีนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคเป็นประธานว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการให้ใบเหลือง ใบแดงแก่ว่าที่ ส.ส.ของพรรคนั้น เรื่องนี้ชัดเจนว่าพรรคได้ประชุมผู้สมัคร ส.ส.และได้ชี้แจงข้อปฎิบัติก่อนการเลือกตั้งว่าสิ่งใดทำได้ ทำไม่ได้ และได้ออกข้อห้าม 45 ข้อ ซึ่งผู้สมัครทุกคนก็รับทราบ และได้นำไปปฏิบัติดังนั้นเมื่อมีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จึงไม่ได้เกิดจากการส่งเสริมหรือสนับสนุนของพรรค แต่เป็นการกระทำส่วนตัว

"พรรคยินดีให้ตรวจสอบ โดยได้เตรียมนำเสนอข้อมูลหลักฐานเพื่อชี้แจงในชั้น กกต.และชั้นศาลในประเด็นต่างๆ ที่กล่าวหาพรรค ซึ่งมั่นใจแนวทางการต่อสู้จะชี้แจงได้อย่างชัดเจน ยืนยันว่าจะไม่ใช่วิธีนอกกรอบหรือวิ่งเต้น แต่จะใช้วิธีขอความเป็นธรรม และหากคดีถึงที่สุดไม่สามารถอุทธรณ์ได้แล้ว พรรคก็จะเคารพต่อการตัดสินนั้น"

ร.ท.กุเทพ กล่าวถึงกรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัตน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่ถูกตรวจสอบการแจกเงินจูงใจให้กำนันในพื้นที่ จ.เชียงรายช่วยพรรคพลังประชาชนว่า พรรคยังไม่ได้พูดคุยในเรื่องนี้ แต่เชื่อว่านายยงยุทธ์ จะชี้แจงได้ และเชื่อว่าน่าจะมาจากสาเหตุการเมือง ส่วนที่นายยงยุทธมีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคการกระทำผิดอาจส่งผลต่อสถานะของพรรคนั้น เราพูดชัดเจนว่าการกระทำผิดกฎหมายใดๆ เป็นการกระทำของสมาชิกเอง พรรคไม่เกี่ยวข้อง อีกทั้งเอกสารต่างบๆ ทราบว่ามีการทำขึ้นเอง ไม่เกี่ยวกับนายยงยุทธ์

คมช.จี้ผู้ว่าฯ รับผิดชอบม็อบบุรีรัมย์

พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. และ รักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีที่ คมช. ส่งกำลังทหารลงไปคุ้มครองดูแล การทำงานของ กกต.ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ภายหลังจากที่มีการจัดตั้งม็อบมากดดันการทำงานเกือบ 2 หมื่นคนว่าเป็นเรื่องของทางจังหวัด ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก ส่วนการลงพื้นที่ของ พล.อ. สมเจตน์ บุญถนอม หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. ไปหาข้อมูล และรายงานกลับมาให้ คมช.ได้รับทราบว่ามีอะไร

เป็นภาระหน้าที่ของจังหวัดในการดูแลความสงบเรียบร้อย จะมาอ้างว่า เป็นหน้าที่ของ ประธาน กกต. หรือ กกต. จังหวัด คงไม่ใช่ ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผู้บังคับการตำรวจ จ.บุรีรัมย์ เป็นหน้าที่ที่จะต้องดูแล ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ท่านทั้งหมดจะต้องเป็นผู้แทนของกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สนช.) ในการดูแลเรื่องนี้"

ผู้สื่อข่าวถามว่า คมช. มีอำนาจที่จะเรียก นายเนวิน ชิดชอบ อดีตแกนนำ พรรคไทยรักไทยที่มีข่าวว่าอยู่เบื้องหลังมาพูดคุยหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ถึงขั้นนั้น ต้องเป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯ เนื่องจากมีหน้าที่ดูแล ต้องทำภาระของตัวเองให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องพิจารณาตัวเอง

ส่วนที่ นายสมัคร สุนทรเวชเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ระบุว่ามีมือสกปรก อยู่เบื้องหลังไม่ให้มีการจัดตั้งรัฐบาลนั้น พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้ยินว่า เขาพูดว่าอะไรกันบ้าง ส่วนมือสกปรกเป็นใครต้องไปถามคนพูด เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์เชื่อมโยงบุคคลที่มีอำนาจ คือ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ต้องไปถามคนพูด

"สมเจตน์"บุกบุรีรัมย์วันนี้

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวว่า ส่วนตัวจะลงไปพื้นที่ในจ.บุรีรัมย์ในวันที่ 8 ม.ค. เพื่อไปดูสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของชาวบ้านในพื้นที่ว่าเคลื่อนไหวด้วยความบริสุทธ์ใจหรือเคลื่อนไหวโดยไม่ถูกต้องด้วยการมีอามิสสินจ้าง อยากไปดูว่าที่นั่นเกิดปัญหาอะไร แต่คงไม่ต้องถึงขนาดใช้กฎอัยการศึก

"การขนคนมาแบบนี้ใครก็รู้ว่าไม่ใช้วิธีการธรรมชาติ ต้องมีการบริหารจัดการ ซึ่งไม่มีใครทำได้นอกจากนักการเมืองในพื้นที่ เพื่อกดดัน กกต.จังหวัด และ กกต.กลาง หาก กกต.ถอดใจก็จะมีผลต่อคดีต่างๆ และคนชั่วจะลอยนวล"

พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า แม้จะมีแนวโน้มว่าจะเกิดการชุมนุมกดดันในอีกหลายพื้นที่เช่น เชียงราย แต่ คมช.ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะประชาชนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่ามวลชนที่มาแบบนี้ไม่ได้มาด้วยความบริสุทธ์ใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น