"พ่อหญิงหน่อย"ยันไม่ใช่นอมินีของลูก ยอมรับการเมืองอาจมีผลิก ด้าน"หญิงหน่อย"อ้อนแฟนๆ ถูกพิษปฏิวัติจนไม่เหลือความเป็นคนไทย โบกธงสมานฉันท์ หมดเวลาทะเลาะกัน ลั่นให้อภัยทุกฝ่ายที่รังแก กัดพรรคบอยคอต ทรท. เลียท็อปบูธ จนได้รับการอุ้มชู
เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้ (7 ม.ค.) ที่ห้องโถงอาคารรัฐสภา 1 สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้เปิดการรับแสดงตนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)เป็นวันที่ 4 โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มี ส.ส.ทยอยมารายงานตัวอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อเวลา 11.00 น. นายสมพล เกยุราพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 5 พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นบิดาของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้เดินทางมารายงานตัวบนรถเข็นโดยมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมด้วย นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 7 พรรคพลังประชาชน นายการุณ โหสกุล และน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 5 พรรคพลังประชาชน
ทั้งนี้ นายสมพล กล่าวถึงกรณีที่ถูกมองว่าเป็นตัวแทน นางสุดารัตน์ และพรรคพลังประชาชน ที่กำลังจัดตั้งรัฐบาล ว่า ไม่มีอะไรหนักใจ และตนไม่ได้เป็นตัวแทนหรือมายุ่งเกี่ยวอะไร ซึ่งนางสุดารัตน์ ก็อยู่หมู่บ้านเลขที่ 111 ตนแค่มาทำหน้าที่ในสภาฯ เหมือนเป็น ส.ส.ใหม่เท่านั้นเอง โดยตั้งใจจะรับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะเขาให้คะแนนเสียงแก่เรา ส่วนสิ่งที่อยากทำเป็นอันดับแรก คือ การจัดระเบียบบ้านเมือง และเรื่องเศรษฐกิจปัญหาปากท้องของประชาชน ถ้าบ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย เศรษฐกิจก็จะดีเอง
เมื่อถามว่า ยังมั่นใจหรือว่าพรรคพลังประชาชน จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ นายสมพล กล่าวว่า คงเป็นไปตามครรลองที่ประชาชนมอบอำนาจมาให้ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างก็พลิกผันได้ และจากกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ทำให้ส.ส. แต่ละคนมีเอกสิทธิ์ในการตัดสินใจว่า อะไรควรหรือไม่ควร เพราะแต่ละคนก็มีวุฒิภาวะพอแล้ว เราจะไปการันตีอะไรเขาไม่ได้ แต่สำหรับ ส.ส. พรรคพลังประชาชน ก็ต้องอยู่ในระเบียบวินัย ถ้าตัวเรายังไม่มีความเป็นระเบียบแล้วจะหาความเป็นระเบียบในบ้านเมืองได้อย่างไร
ต่อข้อถามว่า จะมั่นใจได้อย่างไรต่อพรรคร่วมรัฐบาลที่ได้จับมือกับพรรคพลังประชาชนก่อนหน้านี้ นายสมพล กล่าวว่า ตนไม่ยังทราบเลยว่า มีพรรคใดมาร่วม เมื่อถามย้ำถึงพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน นายสมพล กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบเขาไม่ได้มาตกลงกับขั้วนี้ แต่ไปตกลงกับอีกขั้วหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หนึ่งในอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ได้เขียนบทความผ่านเว็บไซต์ "พลเมืองชั้นสองบ้านเลขที่ 111" หรือ www.secondclass111.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ใช้แสดงความคิดเห็นทางการเมือง และนำเสนอข้อมูลความเคลื่อนไหวของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ผ่านคอลัมน์"สนามหลวงฟอรัม" โดยระบุหัวข้อ "จดหมายจากใจ" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มีเนื้อความ ว่า หลังจากที่ถูกอำนาจจากการปฏิวัติ ตัดสิทธิ์ทางการเมือง จนแทบจะไม่เหลือสิทธิความเป็นคนไทย ด้วยข้อกล่าวหา เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ทั้งที่เรามาจากการเลือกตั้ง
"แต่พรรคที่บอยคอตการเลือกตั้ง ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ไม่เคารพประชาชน กลับไม่ถูกลงโทษใดๆ ซ้ำยังได้รับการอุ้มชูจากพวกเผด็จการ ช่วยกันทุกวิถีทางที่จะให้บางพรรคนี้ได้เป็นรัฐบาล หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ และนี่คือรางวัลที่พรรคการเมืองเปลี่ยนสีได้รับจากการทิ้งอุดมการณ์ ทิ้งประชาชนไปเลียท็อปบูธ"
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่เราก็เป็นพลเมืองชั้น 2 ที่รักบ้านเมืองรักประเทศชาติ เทิดทูลและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิต เราจึงมิได้เคลื่อนไหวต่อต้านหรือทำตัวเป็นปัญหาต่อส่วนรวมแต่ประการใด
"เราขอน้อมรับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานในวันเฉลิมพระชนม พรรษาในปีนี้ ที่ให้คนไทยสามัคคีและปรองดองเพื่อชาติไทยของเราจะอยู่รอดต่อไปได้ บ้านเมืองของเราบอบช้ำมามากแล้ว หมดเวลาทะเลาะกันแล้วค่ะ พวกเราพร้อมให้อภัยกับทุกฝ่ายที่รังแกพวกเรา เราขอมองไปข้างหน้าเพื่อชาติบ้านเมืองของเรา"
เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้ (7 ม.ค.) ที่ห้องโถงอาคารรัฐสภา 1 สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้เปิดการรับแสดงตนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)เป็นวันที่ 4 โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มี ส.ส.ทยอยมารายงานตัวอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อเวลา 11.00 น. นายสมพล เกยุราพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 5 พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นบิดาของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้เดินทางมารายงานตัวบนรถเข็นโดยมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมด้วย นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 7 พรรคพลังประชาชน นายการุณ โหสกุล และน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 5 พรรคพลังประชาชน
ทั้งนี้ นายสมพล กล่าวถึงกรณีที่ถูกมองว่าเป็นตัวแทน นางสุดารัตน์ และพรรคพลังประชาชน ที่กำลังจัดตั้งรัฐบาล ว่า ไม่มีอะไรหนักใจ และตนไม่ได้เป็นตัวแทนหรือมายุ่งเกี่ยวอะไร ซึ่งนางสุดารัตน์ ก็อยู่หมู่บ้านเลขที่ 111 ตนแค่มาทำหน้าที่ในสภาฯ เหมือนเป็น ส.ส.ใหม่เท่านั้นเอง โดยตั้งใจจะรับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะเขาให้คะแนนเสียงแก่เรา ส่วนสิ่งที่อยากทำเป็นอันดับแรก คือ การจัดระเบียบบ้านเมือง และเรื่องเศรษฐกิจปัญหาปากท้องของประชาชน ถ้าบ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย เศรษฐกิจก็จะดีเอง
เมื่อถามว่า ยังมั่นใจหรือว่าพรรคพลังประชาชน จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ นายสมพล กล่าวว่า คงเป็นไปตามครรลองที่ประชาชนมอบอำนาจมาให้ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างก็พลิกผันได้ และจากกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ทำให้ส.ส. แต่ละคนมีเอกสิทธิ์ในการตัดสินใจว่า อะไรควรหรือไม่ควร เพราะแต่ละคนก็มีวุฒิภาวะพอแล้ว เราจะไปการันตีอะไรเขาไม่ได้ แต่สำหรับ ส.ส. พรรคพลังประชาชน ก็ต้องอยู่ในระเบียบวินัย ถ้าตัวเรายังไม่มีความเป็นระเบียบแล้วจะหาความเป็นระเบียบในบ้านเมืองได้อย่างไร
ต่อข้อถามว่า จะมั่นใจได้อย่างไรต่อพรรคร่วมรัฐบาลที่ได้จับมือกับพรรคพลังประชาชนก่อนหน้านี้ นายสมพล กล่าวว่า ตนไม่ยังทราบเลยว่า มีพรรคใดมาร่วม เมื่อถามย้ำถึงพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน นายสมพล กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบเขาไม่ได้มาตกลงกับขั้วนี้ แต่ไปตกลงกับอีกขั้วหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หนึ่งในอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ได้เขียนบทความผ่านเว็บไซต์ "พลเมืองชั้นสองบ้านเลขที่ 111" หรือ www.secondclass111.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ใช้แสดงความคิดเห็นทางการเมือง และนำเสนอข้อมูลความเคลื่อนไหวของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ผ่านคอลัมน์"สนามหลวงฟอรัม" โดยระบุหัวข้อ "จดหมายจากใจ" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มีเนื้อความ ว่า หลังจากที่ถูกอำนาจจากการปฏิวัติ ตัดสิทธิ์ทางการเมือง จนแทบจะไม่เหลือสิทธิความเป็นคนไทย ด้วยข้อกล่าวหา เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ทั้งที่เรามาจากการเลือกตั้ง
"แต่พรรคที่บอยคอตการเลือกตั้ง ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ไม่เคารพประชาชน กลับไม่ถูกลงโทษใดๆ ซ้ำยังได้รับการอุ้มชูจากพวกเผด็จการ ช่วยกันทุกวิถีทางที่จะให้บางพรรคนี้ได้เป็นรัฐบาล หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ และนี่คือรางวัลที่พรรคการเมืองเปลี่ยนสีได้รับจากการทิ้งอุดมการณ์ ทิ้งประชาชนไปเลียท็อปบูธ"
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่เราก็เป็นพลเมืองชั้น 2 ที่รักบ้านเมืองรักประเทศชาติ เทิดทูลและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิต เราจึงมิได้เคลื่อนไหวต่อต้านหรือทำตัวเป็นปัญหาต่อส่วนรวมแต่ประการใด
"เราขอน้อมรับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานในวันเฉลิมพระชนม พรรษาในปีนี้ ที่ให้คนไทยสามัคคีและปรองดองเพื่อชาติไทยของเราจะอยู่รอดต่อไปได้ บ้านเมืองของเราบอบช้ำมามากแล้ว หมดเวลาทะเลาะกันแล้วค่ะ พวกเราพร้อมให้อภัยกับทุกฝ่ายที่รังแกพวกเรา เราขอมองไปข้างหน้าเพื่อชาติบ้านเมืองของเรา"